วันที่เหนื่อยหนักมาจากเมืองดักจึง แขวงเซกอง ผมตั้งใจจะนอนพักที่ปากซองสักคืน .....

การเดินทางสู่ ปากซองนั้น มาได้สองทางครับ คือมาจากทางปากเซ ซึ่งเมื่อเราข้ามด่านจากช่องเม็กมาถึงปากเซแล้ว ให้ไปที่ สถานีบขส.หลัก 8 ของปากเซ (ย้ำว่าหลัก 8 นะครับ เพราะมีหลายขนส่ง) จากนั้นขึ้นรถไปปากซอง หรือไป อัตตะปือ เซกอง ก็ได้ ค่ารถคนละประมาณ 40,000 กีบ ไม่เกินนี้ ลงที่ปากซอง แล้วติดต่อให้ทุ่งหวายโฮมสเตย์มารับก็ได้ (จ่ายค่ารถต่างหาก) หรือจ้างรถที่ปากซองไปส่งก็ได้แล้วแต่สะดวก ระยะทาง 40 กิโลเมตร จากปากซอง

สำหรับผม ผมเดินทางกลับจากดักจึง มาเซกองแล้วต่อมาลงที่ปากซองเลยครับ ดังนั้นผมจะเล่าเรื่องราว ต่อเหมือนกรอฟิล์มย้อนกลับนะครับ....

ทันทีที่นั่งรถออกจากเมิองดักจึงตอนแปดโมงเช้า ผมมุ่งหน้าสู่เซกองบนเส้นทางเดิม จ่ายคนขับรถเป็นกรณีพิเศษ ถ้ามีอะไรที่สวยงามถูกใจ หรือน่าสนใจระหว่างทาง ก็ขอให้จอดให้ถ่ายภาพ เพื่อนำกลับไปประกอบสารคดีที่ตั้งใจเดินทางมาทำ

หลังจากมาถึงเซกอง ผมจองตั๋วรถปรับอากาศไปยังเมืองปากซองทันที ไม่รอนอนพักที่เซกองล่ะ ไปถึงปากซองก็จะนอนเที่ยวที่นั่นอย่างเดียวเลย รถทัวร์มาผมมาจอดที่หน้าสิมาลีเกสต์เฮาส์ซึ่งคนไทยชอบไปพักในเมืองปากซอง เพราะราคาถูกมากคืนละ 250-450 บาทเอง แต่ผมไม่อยากนอนพักที่นี่ในคืนนี้ ผมอยากสัมผัสธรรมชาติที่มันปลอดโปร่งสบายจริงๆ และในขณะเดียวกัน ถ้าได้ไปเที่ยวหมู่บ้านชนเผ่าอีกสักหมู่บ้านก็จะดี

ผมหอบกระเป่า ขาตั้งกล้องพะรุงพะรังลงจากรถทัวร์ ที่หน้าร้านค้า ซึ่งมีเด็กวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน เด็กชายวัย 15 ปี คนหนึ่งเห็นผมขนของเยอะ ก้เข้ามาช่วยเหลือ รับอาสาจะได้ส่งเพราะเห็นว่าผมแก่แล้ว

“ หาอะไรอร่อยๆกินก่อนได้มั้ย ยังไม่ได้กินข้าวเลย “ ผมบอกกับเขา

เด็กคนนั้นซึ่งในตอนหลังผมทราบชื่อว่า น้องเก่ง หรือ " ท้าวคำพูไช มะหาลาด " (กำภูชัย มหาราช) เพิ่งจะสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ขับรถมอเตอร์ไซค์พาผมไปนั่งกินอาหารที่ร้านพิซซ่าเกาหลี ร้านพิซซ่าแห่งเดียวที่มีในเมืองปากซองแห่งนี้ หลังจากที่ผมบอกเขาว่า “ พาไปร้านไหนก็ได้ ที่หนูอยากกิน” ระหว่างทางเขาก็แนะนำที่พัก ร้านอาหารให้รู้ว่าที่ไหน มีอะไรบ้าง

ร้านพิซซ่าเกาหลีที่ผมไปนั่งกินนั้น เป็นร้านพิซซ่าที่ทำกันถาดต่อถาด มีคนไปนั่งกินไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะสั่งกลับไปกินที่บ้าน เพราะรอนานสักหน่อย แต่ก็อร่อยใช้ได้ แม้ว่าจะติดหวานไปนิดหนึ่ง ไปถึงปากซอง ถ้าอยากลอง ก็ถามคนแถวนั้นได้ว่าร้านพิซซ่าเกาหลีอยู่ที่ไหน หาง่ายอยู่ติดถนนใหญ่เลย

ระหว่างทานอาหาร ผมดูในกูเกิ้ล เจอโฮมสเตย์แห่งหนึ่งซึ่งมีคนเขียนถึง และอยู่ที่เชิงเขาภูหลวง ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ยาวมากจากสะหวันนะเขต ไปจนถึงชายแดนเขมรเลย ที่เชิงเขาภูหลวงมีโฮมสเตย์ชื่อ “ทุ่งหวายโฮมสเตย์” บรรยากาสน่าพักมาก ก็โทรไปหาคุณเขียว คนดูแลที่นั่นสอบถามราคาคืนละ 1000 บาท ไม่รวมค่าอาหาร 2 มื้อเช้าเย็นอีก 350 บาท ที่ทุ่งหวายทีรถพานักท่องเที่ยว ไปเที่ยวโบละเวน และบนบนภูเขาอีก คิดวันละ 3000 บาท ก็เลยตัดสินใจไปนอนที่นั่นดีกว่า คุณเขียวก็มารับที่ร้านพิซซ่า แล้วพาไปเที่ยวหมู่บ้านชนเผ่าย่าเฮินที่อยูบนเส้นทางไปโฮมสเตย์อีกด้วย ( ที่นี่ผมได้เจอเรื่องลี้ลับ คือ กลางผีที่ส่งเสียงดังโหยหวนในวันพระ ถ้าไม่มีเครื่องเซ่น จะขอเอามาเล่าในตอนของหมู่บ้านนี้นะครับ)


จากเมืองปากซองไปยังทุ่งหวายโฮมสเตย์ไกลมากเหมือนกัน ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นเส้นทางลูกรังสี แดง ระหว่างทางมีหมู่บ้านชนเผ่าสองหมู่บ้าน เป็นของพวกย่าเฮิน เป็นหมู่บ้านใหญ่ตั้งอยู่ริมลำห้วยและอีกหมู่บ้านเป็นของชาวละเวน ถัดไปที่ทุ่งหวายเป็นชาวลาวลุ่ม ตั้งอยู่ริมเชิงเขาและลารใหญ่ที่มีน้ำสวยใส

ทุ่งหวายโฮมสเตย์นี่เดิมทีคุณเดชา ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุบลราชานี แกเข้ามาทำไร่กาแฟที่นี่ จากนั้นก็ค่อยๆตบแต่งขึ้นมาทีละน้อย จนสวยงามกลายเป็นโฮมสเตย์ที่ดูดีที่สุดสำหรับแถวนี้ และที่สำคัญ ที่เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ เพราะอยู่ริมเชิงเขา ติดกับลำธาร นอกจากนั้นพิเศษสุดก็คือ ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ เพราะไม่มีสัญญาณ ใช้ได้เฉพาะสัญญาณโทรศัพท์เท่านั้น

อาหารเย็นมื้อนั้นมี ต้มไก่บ้าน น้ำพริกทุ่งหวาย ไข่เจียว และแกงจืด สำหรับลูกค้าที่มาพัก เป็นผมหนึ่งห้องนอนบนเรือนใหญ่ ส่วนที่เป็นหลังๆ ก็มีฝรั่งออฟโรดมาเหมากันไว้หมด และวันรุ่งขึ้นที่ทุ่งหวายโฮมสเตย์ ก็จะมีคาราวานออฟโรดจากไทยเข้ามาพักอีก 50 กว่าคน เรียกว่าเหมาตั้งแคมป์กันเลยทีเดียว ซึ่งคาราวานจากไทยนี้ จะลุยออฟโรดขึ้นไปบนยอดเขาภูหลวงด้วย เรียกว่า เป็นทัวร์ผจญภัยโดยแท้ เสียดายผมมีเวลาแค่คืนเดียว ไม่งั้นจะไปลุยด้วย

สำหรับบรรยากาศของรีสอร์ตโดยรวมนั้น ถ้ามาพักผ่อนกันหลายท่าน ถือว่าจะดีมากๆ เพราะจะไม่เหงา เหมือนผมที่มาคนเดียว ได้แต่คุยกับหมาขาด้วนที่ในรีสอร์ตเลี้ยงเอาไว้ตัวหนึ่ง เสียดายที่ไม่ได้เล่นน้ำและทำกิจกรรมอย่างอื่น เนื่งอจากเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า คุณเขียวก็พาผมไปเที่ยวหมู่บ้านของชาวละแว ที่อยู่บนเนินหัวสาว แล้วเราก็ไปเที่ยวน้ำตกเซกะตาม น้ำตกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในลาวใต้ซึ่งอยู่เชิงเขาหลวง ก่อนที่จะมาปิดท้ายที่สวนส้มธนาทร แล้วจึงเดินทางกลับปากซอง

สรุปค่าใช้จ่ายในการไปพักที่ ทุ่งหวายโฮมสเตย์ ทั้งหมด รวมค่ารถรับส่งและค่าที่พักค่าอาหาร ค่าไปเที่ยวอะไรต่างๆแล้วอยู่ที่ 4500 บาท ไม่รวตอนที่ต้องจ่ายมื้อเที่ยงเลี้ยงคนขับรถระหว่างทางที่กลับมาปากซอง ซึ่งเราแวะไปทานอาหารพื้นบ้านรสชาติอร่อยถูกปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเที่ยวลาวใต้ ถือได้ว่าคุ้มครับ

บรรยากาศในโฮมสเตย์แห่งนี้ เขามีเครื่องคั่วและชงกาแฟขนาดใหญ่ สำหรับไร่กาแฟให้ชิมด้วย

หรือถ้าใครเหนื่อย อยากนอนฟังเสียงน้ำไหล ก็สามารถทำได้ เรียกว่า เงียบสงบดีแท้

ตอกย้ำอีกสักภาพกับความสวยงาม เงียบ ร่มรื่นของ "ทุ่งหวายโฮมสเตย์" ไร่กาแฟเชิงเขาหลวงลาวใต้ ที่เปลี่ยนมาเป็นที่พักซึ่งใครๆอยากจะมานอนค้างสักคืนสองคืน

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดสำหรับที่นี่ก็คือ สายน้ำที่ไหลผ่าน สร้างความสดชื่น ฉ่ำเย็น เสียงน้ำไหลในตอนกลางคืน ชวนให้เรานอนหลับฝันดี

ผมชอบที่นี่ ชอบความเงียบสงบ ห่างไกลความเจริญ ไม่มีเทคโนโลยี่ใดๆ

ที่นำสำคัญ น้ำพริกถ้วยนี้อร่อยมาก แม้มันจะไม่มีผักใดๆ แต่เป็นจานเด็ดของที่นี่ครับ

ปกติแล้ว อาหารเย็นของที่นี่ที่จะต้องมีประจำ ก็คือ "แกงอ่อมยอดหวาย" แต่ในวันนี้หมด ซึ่งเจ้าของโฮมสเตย์คุณเดชา บอกกับผมว่า ต่อไปนี้จะให้มีทุกวันไม่ให้ขาดอีก วันนั้นเสียดายมากที่ไม่ได้กิน


น้ำตกเซกะตาม สวยงามและสุงที่สุดในลาวใต้ เดี่ยวจะพาไปเที่ยวที่นี่ ตอนหน้าครับ

น้ำตกเซกะตาม จะอยู่เลยทุ่งหวายโฮมสเตย์เข้าไปในบอลิเวน ผมจะเล่าเรื่องราวนี้ตอนต่อไปนะครับ

สะพานข้ามลำห้วย เป็นสะพานส่วนตัว สามารถนั่งพักผ่อน คุยกันได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่มียุงแม้แต่ตัวเดียว

ทุกมุมของบ้านพักแห่งนี้ จะดูเงียบ สงบ น่าพักผ่อนในวันที่เหนื่อยล้ามาจากงานหนัก

ทางเข้าบ้านพักเป็นหลังๆ

กบน้อยตัวนี้ไม่ได้ามาคนเดียว แต่จะมากับเพื่อนกบอีกเป็นฝูง นั่งรอรับลูกค้าตามเคาน์เตอร์

ดอกไม้ แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็สามารถเป้นจุดเด่นได้ ถ้าหากมันสดใสพอ เหมือนชีวิตคนตัวเล็กๆ แต่คนอื่นก็มองเห้นคุณค่าได้ ถ้าเรามีคุณงามความดีอยู่ในตัว

ต้นไม้ทุกต้นจะมีการประดับและแขวนไว้ด้วยกาฝากพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ

สะพานนี้ข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่งของรีสอร์ต ซึ่งเป็นทุ่งและไร่กาแฟไปจนถึงตีนเขา

บ้านพักสำหรับคนที่มารวมเป็นกลุ่มใหญ่และจัดปาร์ตี้รอบกองไฟกัน

สรุปค่าใช้จ่ายในการมาพักที่นี่

ค่าห้อง 1,000 บาท ค่าอาหาร 2 มื้อ เช้า-เย็น 350 บาท ค่ารถรับส่งจากปากซอง -ทุ่งหวาย ตกลงราคากันเอง หรือจ้างรถที่ในปากซองมาส่งก็ได้ แต่ถ้าจะเหมารถท่องเที่ยวเต็มวันไปน้ำตก เที่ยวบอลิเวน เที่ยวหมู่บ้านชนเผ่า รวมไปถึงรับส่ง ปากซอง-ทุ่งหวาย (ถ้าใจดีไปส่งถึงปากเซ) คิด 3,500-4,000 บาทรวมค่าน้ำมันแล้ว

ขอขอบคุณ

- บริษัท อินฟินิตี้ พลัสเทรดดิ้ง จำกัด

- FOTOPRO THAILAND สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพ


พ่อคนนี้ขี้อ้อน เป็นสุนัขที่ทางโฮมสเตย์เลี้ยงเอาไว้ครับ

ปิดท้ายด้วยน้องหมาน่ารักนิสัยดีตัวนี้ น้องเท้าด้วนข้างหนึ่ง เป็นหมาอยู่ในหมู่บ้านและกำลังมีลูกอ่อน จะมาอ้อนขอข้าวไปให้ลูกทุกวัน เป็นหมาที่น่ารักและน่าสงสารมาก

อาร์ม อิสระ

 วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 05.07 น.

ความคิดเห็น