ทริปนี้ก็แค่อยากมาดูนาข้าวและเดินเล่นถนนคนเดินในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ต้องวางแผนอะไร ไปแบบไม่รู้อะไรทั้งนั้น แบบนี้สนุกที่สุด ไปลุ้นเอาว่าจะได้เห็นอะไรบ้าง

การเดินทางจากกรุงเทพฯ

- เราเลือกใช้บริการรถทัวร์ของ สมบัติทัวร์ รอบ 19:35 เพื่อให้มาถึงปัว 6:25

พอมาถึงสถานีขนส่งอำเภอปัว อากาศเย็นสบาย และยังไม่รู้จะไปวัดภูเก็ต เป้าหมายแรกของวันยังไง ยืนงงๆ สักพักก็เดินมาคุยกับลุงวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (เราอยากเรียกเขาพี่อะ แต่เขาแทนตัวเองว่าลุง) จะไปวัดภูเก็ตก็ซ้อนไปเลย พอไปถึงเราก็ถามต่อว่าผมจะกลับยังไง ไปเที่ยวจุดอื่นยังไง ลุงแกเลยบอกเดี๋ยวพาเที่ยวเอง ทั้งวันเลยไหม? เราบอก 6 ชั่วโมงพอครับ ผมจะเข้าเมืองน่านต่อ จะพาผมไปไหนได้บ้าง แต่ผมอยู่แต่ละจุดนานพอสมควรนะครับ รอผมไหวไหม? ลุงแกโอเค

มาเริ่มต้นด้วยวัดภูเก็ต หลายคนคงเห็นรูปของที่นี่เยอะแล้ว เราก็เห็นเยอะจนโดนป้ายยาให้เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเลย มาถึงวัดคนแรก เงียบสงบมาก อากาศดีมากๆ ได้แสงอาทิตย์ลอดเมฆฝนมาด้วย ถือว่าคุ้มค่า

มุมมหาชนที่ใครๆ มาก็ต้องถ่าย เราก็ถ่ายด้วย

ฝนลงเม็ดแล้วก็หันเข้าโบสถ์มาหลบฝนสักพัก พร้อมถ่ายบรรยากาศภายในวัดที่เงียบสงบ

ฝนหยุดแล้วเดินลงบันไดวัดไปยังหมู่บ้าน สวนกับเณรที่กลับจากบิณฑบาตพอดี

เดินมาสั่งกาแฟที่ "ฮักนาไทลื้อ-ฮักนากาแฟ" มาคนแรกก็ชื่นชมบรรยากาศและเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ เราเลือกศาลาสุดท้ายติดทุ่งนาเลย มาที่นี่เราฟินมาก ด้วยความที่ชอบทุ่งนาอยู่แล้วเลยอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง กินกาแฟและชาเขียวร้อนอย่างละแก้ว พี่ๆ ใจดีให้กล้วยและอโวคาโดสุกมาให้ชม อร่อยและหวานมาก

ออกจากที่นี่ลุงวินก็ออกแบบเส้นทางพาเราเที่ยวเสร็จพอดี และแกคงรู้ว่าเราชอบนาเลยจัดทุกที่ที่มีนาสวยมาให้ จุดสองมาที่ "กาแฟบ้านไทลื้อ-ลำดวนผ้าทอ" เป็นอีกจุดที่คนมาเที่ยวปัวจะไม่พลาด สั่งกาแฟร้อนมาอีกแก้ว แล้วก็ออกสำรวจสะพานไม้กัน

เราอยู่ที่นี่ไม่นาน เราเริ่มเกรงใจลุงวินแล้ว 5555+ แต่ลุงบอกเต็มที่เลย ตอนนี้อึดกาแฟสุดๆ ไปกันต่อตามเส้นทางที่ลุงอยากพาไป จุดที่สาม "ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ" มาถึงก็รีบถ่ายรูปก่อนเลย มีคนมาจ่อรอแล้ว

พี่ที่ร้านกาแฟฮักนาบอกต้องกินพิซซ่าเห็ด เราก็ไม่พลาดสั่งพิซซ่าเห็ดกับมะนาวโซดา ระหว่างรอพิซซ่าก็ขอวิ่งไป "วังศิลาแลง" ก่อน ถามน้องที่ร้านแล้ว นอกบอก 700 เมตร เราก็วิ่งบ้างเดินบ้างมาผ่านฝายเดินตามทางที่กั้นไว้มาถึงวังศิลาแลงแล้ว พี่ที่ร้านฮักนาเล่าว่า ที่นี่เกิดจากแผ่นดินไหวจนเกิดรอยแยกของเขาและมีน้ำผ่านจนกลายเป็นที่เรียกติดปากว่าแกรนด์แคนยอนเมืองปัว เราไม่ได้ลงไปใกล้ๆ ลื่นมาก รองเท้าที่ใส่มาไม่เอื้อในการซนด้วย

วิ่งกลับมาถึงฟาร์มเห็ดหัวน้ำด้วยสภาพเหงื่อเต็มตัว จัดมะนาวโซดาชื่นใจมากๆ สักพักพิซซ่าเห็ดก็มาเสิร์ฟ 6 ชิ้น มีขนาดเดียว เราก็กินไปเรื่อยๆ สุดท้ายจบที่ 4 ชิ้น อีก 2 ใส่ถุงกลับ อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม เห็ดกรุบกรอบดี มีชีสยึดๆ ด้วย

เดินกลับมาหาลุงวิน แกถามเราจะไปวัดก๋งไหมอยู่ท่าวังผา วัดสวย และนาสวย มีหรือเราจะไม่ไป รีบซ้อนท้ายลุงแกแล้วขี่ข้ามอำเภอกันเลย ตลอดทางแดดดีมาก ขอถ่ายรูปคู่ลุงสักหน่อย

ตลอดทางผ่านทุ่งนาสวยๆ เยอะ แต่ก็ไม่ได้แวะแล้ว ไกลพอสมควร เดี๋ยวจะเสียเวลาลุงแกเยอะเกินไป ไม่นานก็มาถึงวัดก๋ง หรือวัดศรีมงคล ที่บ้านก๋ง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ก่อนซนจุดอื่นก็เข้าโบสถ์ก่อนเลย

รอบๆ วัดก๋งก็มีหลายจุดที่น่าสนใจ และเหมาะกับคนชอบถ่ายรูป

พิพิธภัณฑ์ภายในวัดก๋ง ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย

ถึงเวลาลงไปที่สะพานไม้ไผ่ผ่านถุวนากันแล้ว จุดนี้คนเยอะมากๆ แต่ก็ยังฟินอยู่สำหรับคนชอบแดด ชอบนาข้าวแบบเรา

เก็บตกมุมต่างๆ ที่วัดก๋ง

บ่ายโมงกว่าแล้ว เราก็รีบให้ลุงไปส่งเราขึ้นรถเข้าเมืองน่าน ขี่ย้อนกลับมาที่ปัวขึ้นสองแถว ลุงแกคิดค่าพาเราเที่ยวถูกจนเราตกใจ แต่ลุงบอกว่าแค่นี้ก็กำไรแล้ว จ่ายเงินเสร็จยกมือไหว้ขอบคุณลุงสวยๆ กับความใจดีของลุง สักพักเราก็ขึ้นสองแถวเข้าเมืองมาตะลุยเข้าวัด จุดแรกที่เดินมาก็เป็นวัดภูมินทร์

ได้ยินเสียงประกาศว่าใครมีตั๋วนั่งรถรางชมเมืองขึ้นรถได้ รีบวิ่งไปซื้อตั๋วและปีนขึ้นมานั่งรถรางร่วมกับคนไม่รู้จักอีกกลุ่มใหญ่ มีเจ้าหน้าที่อธิบายตลอดเส้นทาง เป็นรถรางชมเมืองจริงๆ วนรอบแล้วก็กลับมาส่งจุดเดิม ในเวลา 1 ชั่วโมงพอดี

ลงจากรถรางก็รีบพุงตัวมาถ่ายกับซุ้มดอกลีลาวดีที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ได้มา 4 รูปถ้วน คนมากดดันเยอะมาก

ตัดสินใจเช่าจักรยานแบบมีเกียร์ปั่นไปพระธาตุแช่แห้ง ก็เกือบไม่ไหวหลายจุดนะ ตั้งแต่ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำน่าน และทางขึ้นวัดพระธาตุแช่แห้ง

ปั่นกลับเข้าเมืองระหว่างทางก็เจอนาสวยๆ ให้แวะถ่ายรูปด้วย

ปั่นมาเจอทางแยกก็เลยลองเลี้ยวไปดูว่ามีอะไร ก็เจอบึงน้ำกับบรรยากาศดีๆ

ปั่นอ้อมไปอีกฝั่งจะเป็นทุ่งนา

ถึงเวลากลับเข้าเมืองน่านแล้ว แต่พอมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำน่านก็เป็นช่วงอาทิตย์ตกพอดี ก็เลยแบกจักรยานลงไปที่ถนนเลียบน้ำน่าน ช่วงที่ไปมีซ้อมการแข่งเรือพอดี ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

เดี๋ยวแสงหมดจะปั่นยาก รีบปั่นกลับมาที่วัดช้างล้อม มืดๆ ก็จะสงบๆ หน่อย

ปั่นต่อมาที่ศาลหลักเมืองน่าน และวัดมิ่งเมืองที่อยู่บริเวณเดียวกัน

เรานำจักรยานเช่าไปคืนที่ร้าน และปิดท้ายการเที่ยวน่าน...เนิบๆ ที่ถนนคนเดินข่วงเมืองน่าน

อิ่มจนจุกแล้วเราก็เดินกลับมาที่สถานีขนส่งเมืองน่านเพื่อขึ้นรถเมล์เขียวรอบ 22:30 เพื่อไปเชียงใหม่ หลังจากไม่ได้เที่ยวแบบนี้มาพักใหญ่ๆ ก็กลับมาเที่ยวระห่ำๆ แบบนี้อีกครั้งก็สนุกดี และถือว่าคุ้มค่าที่เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางมาเที่ยวปัว-ท่าวังผา-น่าน

ปล. รูปเยอะและไม่สวยต้องขออภัยด้วย


ฝากติดตาม

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว


ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.57 น.

ความคิดเห็น