ญี่ปุ่นสายธรรมชาติ ใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง...ไม่เปลี่ยนบ้าง… ( Part 1 : HAKUBA)

ไปเทรกกิ้ง ไปปั่นจักรยาน ไปหาเขา ไปกับตัวเอง ไปคนเดียว


ญี่ปุ่นมีอะไรดีทำไมต้องกลับไปซ้ำๆ ?

...เราถามคำถามนี้กับตัวเองมาตลอด
แล้วค้นพบว่า แต่ละเมืองของประเทศนี้ มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ...
ถ้าได้ไปแล้ว แต่ละเมืองให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่เชื่อ ลองไปดูสิ แล้วคุณจะรู้ ^^

ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราเลือกเดินทางด้วยตัวคนเดียวทั้งทริป
คาดหวังไว้ว่าการเดินทางคนเดียวจะทำให้เราค้นพบบางอย่าง...

" สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด
สิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด
และสิ่งที่เราอยากเป็นมากที่สุด ? "

การเดินทางในครั้งนี้จุดมุ่งหมายคือเมืองเล็กๆที่แสนสงบที่ชื่อว่ามัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโน่

มัตสึโมโตะ(Matsumoto) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจังหวัดนากาโน่

มีจุดท่องเที่ยวที่สำคัญๆ คือ ปราสาทมัตสึโมโตะ 1 ในปราสาทดั้งเดิมที่สวยที่สุดของปรเทศญี่ปุ่น

ที่เราปักหมุดไว้ อีกทั้งยังเป็นเมืองเริ่มต้นในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อีกด้วย

เราเริ่มต้นเดินทางตั้งแต่เช้า โดยเลือกไฟลท์บินจากประเทศไทยเวลา 11.35 น.
เพื่อไปให้โตเกียวในช่วงประมาณ 20.00 น. หลังจากนั้นเราจะมีเวลาเตรียมตัวราวๆๆ 1 ชั่วโมงก่อนขึ้นรถบัสนอนเพื่อไปเช้าที่เมืองมัตสึโมโต้ค่ะ เราทำการจองตั๋วมาแล้วตั้งแต่ที่ไทยผ่านเว็บไซด์ https://japanbusonline.com แล้วปริ้น E-ticket ไปยืนยันกับคนขับรถก่อนขึ้น
ซึ่งการหาป้ายรถบัสที่สนามบินนั้นก็ไม่ยากเลย หลังจากที่เรารับกระเป๋าก็เดินตรงออกมาจากสนามบินได้เลยค่ะ หลังจากนั้นก็ไล่อ่านป้ายรถเมล์ ซึ่งแต่ละป้ายจะเขียนไว้ชัดเจนว่าไปไหน
หรือ อีกทางหนึ่งคือถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ซึ่งง่ายและสะดวกที่สุด หลังจากนั้นก็รอเวลาค่ะ
พอใกล้ถึงเวลาก็ไปยืนรอที่ป้ายเท่านั้นเอง



เรามาถึงมัตสึโมโต้ประมาณ 05.45 น. หลังจากนั้นหาที่ฝากกระเป๋า
เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกคือ บึงฮัปโป (Hakuba Happo-One)
ฮาคุบะเป็นสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ซึ่งในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงเวลา
ที่คนส่วนใหญ่ชอบมาเดินเทรกกิ้งชื่นชมดอกไม้ และวิวของภูเขา ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้ช่วงฤดูฤดูหนาวเลยค่ะ



Happo-one เป็นชื่อ area หนึ่งในฮาคุบะ ซึ่งอยู่เหนือสุดของเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือ การเดินทางจากสถานีมัตสึโมโตะ นั่งรถไฟ JR สาย Oito มาลงที่สถานี Hakuba แต่มีเปลี่ยนรถไฟ 1 ครั้งที่สถานี JR Shinano Omachi ช่วงการเปลี่ยนสายนี้ต้องคำนวณเวลาให้ดีค่ะ หากเราพลาดช่วง 7 โมงกว่าๆ ไปแล้ว ต้องรออีกทีคือเวลา 10.28 น.เลยค่ะ เพราะเราพลาดมาแล้ว 5555

ในระหว่างทางที่รถไฟผ่านไปสถานี Hakuba วิวสองข้างทางนั้น
สวยจนอยากจะลงไปถ่ายรูปเดี๋ยวนั้นเลย มีบางช่วงที่ผ่านทะเลสาบ
ซึ่งมีแบล็คกราวเป็นภูเขาที่มีใบไม้กำลังแข่งกันเปลี่ยนสีสัน สลับแดง เหลือง เขียว
ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเส้นทาง






หลังจากถึงสถานี Hakuba แล้ว สามารถไป Happo Gondola
เพื่อขึ้นลิฟต์ Happo Alpen Line เพื่อขึ้นเขาได้หลายรูปแบบ

1. เดินเท้าจากสถานีไปยัง Happo Gondola ระยะทาง 3.3 km. เราเลือกวิธีนี้ 2. ซื้อตั๋วบัส Hana Sanmai นั่งบัสไปลงที่ป้าย Happo Gondola ได้เลย แต่รถจะรอนานหน่อยค่ะ เพราะรอบน้อยมาก รอบรถตามตารางเลยค่ะ


เมื่อถึงป้าย Happo Gondola ให้เดินไปซื้อตั๋วขึ้นลิฟต์ Happo Alpen Line ราคา 2,900 เยน ซึ่งราคานี้รวมไปกลับลิฟต์ที่ต้องขึ้นทั้งหมดแล้ว โดยเราจะต้องนั่งลิฟท์และกอนโดล่าขึ้นไป (3 ครั้ง)


แล้วเริ่มเดินเทรกกิ้งจากที่ลงลิฟท์อันสุดท้ายขึ้นไปจุดชมวิว ระยะทางการเดินเทรก 1.5 km. ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพร่างกายแต่ละคน



การเดินเทรกที่นี่ค่อนข้างง่าย เพราะจะมีทางเดินไม้ไว้ให้ แต่ช่วงที่จะถึงบึงฮัปโป อาจจะเดินยากสักหน่อย ถ้ามีรองเท้า trekking แนะนำให้ใส่ไปเลยค่ะ ช่วยได้เยอะมากๆ



ระหว่างทางจะเป็นการเดินขึ้น เเละเดินขึ้นเพียงอย่างเดียว



เเต่ช่วงหลังๆ เมื่อเราเดินเข้าใกล้ บึงฮัปโป จะเริ่มมีทางที่เดินยากขึ้น เป็นทางที่เดินบนหิน



ก่อนที่จะถึง ช่วงสุดท้ายจะเจอบันไดตรงนี้ เมื่อหันไปทางซ้ายมือ ก็จะเห็น บึงฮัปโป เเล้วววววว



เเละเเล้วเราก็มาถึง !!!!!!!!
บึงฮัปโป จ๋าาาาาา



สุดท้ายเเล้ว เราก็เดินมาจนถึง.....
มีใครเคยบอกไว้ว่า การเดินเทรกกิ้งความสวยงามนั้นไม่ได้อยู่ที่จุดหมายเพียงอย่างเดียว
ระหว่างทางนั้นก็สวยงามไม่เเพ้กัน




....ระหว่างทางที่เราเดินลง....




.
.
.
.


สุดท้ายขอจบการรีวิวตอนเเรกไว้เท่านี้
เเล้วพบกันอีกครั้ง.....











P.

 วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.56 น.

ความคิดเห็น