เมืองเก่าสุโขทัย อดีตราชธานีแห่งแรก จุดกำเนิดรุ่งอรุณแห่งความสุข มีชุมชนเล็กๆรายรอบที่น่าค้นหา ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย จ.สุโขทัย ที่นี่ มีการถ่ายทอด สืบสาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี จนถึงปัจจุบัน จนน่าค้นหา และเรียนรู้ ผมใช้เวลาว่างราว6วัน5คืนในการศึกษา เรียนรู้ ในชุมชนแห่งนี้จุดกำเนิดแห่งความสุขตลอดทั้งทริป


วันที่1- รักแรกพบ



ผมเดินทางถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยราว14.00น.ครับ โดยมีประธานกลุ่มโฮมสเตย์เมืองเก่า พร้อมคณะคอยต้อนรับ มีการยกมือไหว้อ่อนช้อยงดงาม การคล้องพวงมาลัยที่ทำจากดอกไม้ น้ำดื่มเย็นชื่นใจ รวมถึงมอบย่ามนกคุ้ม ให้เก็บความทรงจำตลอดระยะเวลา6วัน5คืนที่นี่ อย่างมีมิตรภาพ ทำเอาผมยิ้มด้วยความดีใจและประทับใจกันเลยทีเดียว


สถานที่แรกทางชุมชนพาผมมา คือ นิทรรศการการเรียนรู้ของสุโขทัย ที่จะให้ข้อมูล เรียนรู้เมืองเก่าสุโขทัยผ่านสื่อมีเดียที่เข้าใจง่ายน่าสนใจ ทำให้ผมเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก



สถานที่ต่อไปชุมชนพาผมไปกราบหอพระพุทธสิริมารวิชัย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองสุโขทัย จิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเมืองสุโขทัย รวมถึงพระพุทธรูปองค์นี้ได้อย่างวิจิตรบรรจง





ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว " เมืองหลวงแรก " คือที่พักโฮมสเตย์ตลอดเวลาทำกิจกรรมครับ ก้าวแรกของการมาเยือนที่นี่ มีการต้อนรับจากเจ้าบ้านอีกรอบกับน้ำเย็นชื่นใจครับ นี่คือโฮมสเตย์ ที่ที่มีแต่ความสุข


วีดีโอแนะนำชุมชน

บันทึกคนแบกเป้พาชมความพิเศษโฮมสเตย์ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย



อาหารเย็นในวันนี้ มีการใส่ภาชนะเป็นเครื่องสังคโลก ที่นี่มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ใช้ใบตองห่อช้อน ใช้ไม้ไผ่รองแก้วแทนพลาสติกที่สวยงาม พร้อมมีการนำพืชผักสวนครัวปลูกในชุมชนมาทำอาหารให้ผมทานอีกด้วย

ส่วนเมนูอาหารที่ผมชอบ หนีไม่พ้นน้ำพริกปลาย่าง ที่ใช้ปลาจากแม่น้ำยม มาย่างไฟด้วยเตาถ่าน กับกาบมะพร้าว หอม อร่อย แต่รสชาติออกเผ็ดนิดๆครับ

เมนูต่อไปที่ผมชอบ หนีไม่พ้นแกงสายบัว ที่นำสายบัวมาแกงกับกะทิ ให้ความมันหอมสดชื่น



วันที่2 -มรดกภูมิปัญญาปลาตะเพียนสาน-ขนมแดกงา



เช้าวันนี้อากาศเย็นสบายครับ ผมจึงถือโอกาสนี้ปั่นจักรยานจากที่พัก ไปตักบาตรรับอรุณยามเช้า ณ วัดตระพังทอง โดยชุมชนมีการจัดชุดแบบชาวสุโขทัย รวมถึงการเตรียมของใส่บาตรไว้ให้เรียบร้อย ผมถึงวัดตะพังทอง มีสะพานไม้ทอดยาวข้ามคูน้ำ พระสงฆ์กำลังเดินบนสะพานไม้รับบิณฑบาตรพอดี จึงถือเป็นโอกาสนี้ทำบุญยามเช้า หนึ่งในไฮไลท์เมื่อมาเยือนชุมชนแห่งนี้อีกด้วย



รถคอกหมูถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสุโขทัย รถโดยสารชาวบ้านใช้สัญจรกันอยู่ตลอดเวลา ผมจึงมีโอกาสนั่งสุดคลาสิคแห่งนี้ ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ไม่ไกลจากวัดตระพังทองมากนัก




อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย บรรยากาศอันร่มรื่น มีลุงบวบ กรรมการชุมชนเคยทำงานที่นี่ รอต้อนรับผมอยู่ ลุงบวมเล่าให้ฟังว่า ที่นี่ เปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการมากกว่า20ปีแล้ว โดยภายใน อนุญาติให้ใช้รถจักรยานเท่านั้น ซึ่งมีบริการรายรอบ ราว30-50บาท/วัน เพื่อการลดมลพิษ ลดอุบัติเหตุ และเที่ยวชมโบราณอย่างมีความสุข ผมจึงถือโอกาสนี้ปั่นจักรยานเสริมสร้างสุขภาพที่ดีไปด้วยเลยครับ โดยลุงบวบได้ชมวัดมหาธาตุ วัดที่สำคัญสมัยสุโขทัย วัดศรีสวาย รวมถึงอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อย่างเพลิดเพลิน จนลืมความเหนื่อยไปเลยครับ



หลังจากเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเรียบร้อย ถึงเวลาอาหารกลางวัน โดยวันนี้ชุมชนจัดปิ่นโตปูเสื่อ อาหาร5อย่างให้พวกเราได้ทานกันครับ

โดยเมนูที่ผมชอบคือ น้ำพริกหนุ่ม เปิดออกมาได้กลิ่นถึงความหอมละมุนของน้ำพริกชวนน้ำลายสอ พอได้ชิมถึงต้องยกนิ้วโป้งให้ครับ รสชาติเผ็ด เปรี้ยว กลมกล่อมอย่างลงตัว ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ควรมาลิ้มลองกัน

แกงเลียงกุ้ง แกงเลียงสีสดใส ตัดกับสีกุ้งแดง รสชาติหอม หวาน อร่อย เผ็ดนำ หวานตาม ผักสดๆจากชุมชนที่นำมาใส่ มีความหวานมากๆครับ


หลังจากที่เราทานข้าวกลางวันเรียบร้อย ถึงเวลามาฝึกการสานปลาตะเพียนากคุณย่ายแช่ม โดยปลาตะเพียนถือเป็นสัตว์แห่งความมั่งคั่ง และเป็นสัตว์มงคลในสมัยสุโขทัย ที่บ่งบอกว่า " ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว " โดยการสาน ยายแช่มสอนผมใกล้ชิดครับ ส่วนการสานนั้น ทำผมมึนไปชั่วขณะ ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก มีการสอดใบลานจนได้ปลาตะเพียนออกมา แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของผมครับ แอบสนุกเล็กน้อย ผมทำราว3ตัว ชาวบ้านจึงให้ร้อยเป็นโมบายสวยงาม นำกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย



หลังจากผมได้เรียนรู้การสานปลาตะเพียนจากคุณยายแล้ว ปั่นจักรยานชิวๆมาไม่ไกล วัดศรีชุม ความสง่างามของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า สะกดให้ผมต้องมนต์ไปชั่วขณะ พระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ในวิหารองค์นี้นามว่า "พระอจนะ" อายุราว 900 ปี ลักษณะงดงามเปี่ยมด้วยเมตตา ตรึงใจให้ผู้ที่ได้พบสงบจิตได้ชั่วขณะเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวขานว่าเป็นพระพูดได้ เนื่องมาจากที่กำแพงวิหารมีช่องที่คนสามารถขึ้นไปด้านบน และยังมีช่องเล็กๆให้ส่งเสียงลอดออกมาได้ จึงเป็นที่มาของพระพูดได้นั่นเองครับ



ไม่ไกลจากวัดศรีชุม เรามายังชุมชนทำขนมกระแดกงา ของดีเมืองสุโขทัยอีกหนึ่งอย่าง ที่ผมมีโอกาสได้ลงมือทำเองด้วยนะครับ วิธีทำง่ายๆคือ นำผงงามาป่น นำข้าวเหนียวนึ่งร้อนมาตำให้ละเอียด และต้องทำขณะที่ยังร้อนนะครับ ไม่งั้นจะแข็งจนตำไม่ได้ โดยการตำต้องนำสากมาแช่น้ำเป็นระยะ เพื่อที่ข้าวเหนียวจะได้ไม่แข็งติดสาก พอตำจนได้ที่จึงใส่งาป่น คำว่ากระแดกงา มาจากงาโดนข้าวเหนียวกลืนกลายเป็นอันเดียว เมื่อคลุกให้ได้ที่แล้ว จึงนำมาปั้นเป็นลูกพอดีคำ แล้วคลุกงาอีกรอบ เพิ่มความอร่อย ได้ละมุนกับรสสัมผัสที่หอมหวานจากงา ผนวกกับความนุ่มของข้าวเหนียว ชวนน้ำลายสอเลยทีเดียวครับ


วันที่3-งามล้ำค่าพระพิมพ์ กระทงถวาย





เช้าวันนี้ วันที่อากาศเย็นสบาย ผมได้เดินทาง มาที่ศูนย์เรียนรู้พระพิมพ์เมืองสุโขทัย โดยมีครูกบ ผู้สอนการทำแม่พิมพ์ให้ผม คอยต้อนรับอยู่อย่างอบอุ่น ครูกบเล่าให้ผมฟังว่า ที่บ้านครูกบ มีอาชีพการทำพระพิมพ์อยู่แล้ว นำให้ครูกบได้ซึมซับภูมิปัญญาการทำพระพิมพ์ ตั้งแต่วัยเยาว์ ถ่ายทอดให้ผมตั้งแต่การเตรียมดิน การทำแม่พิมพ์ รวมถึงการพิมพ์อีกด้วย



ขั้นตอนการทำพระพิมพ์

-การเลือกดิน ครูกบบอกว่า ต้องเลือกบริเวณดินพร้อมใช้งานซึ่งอยู่ใกล้เตาทุเรียง เราจึงเดินทางไปนั่นและขุดดินที่จะนำมาใช้ประมาณ2ฝามือจะได้พระราว50องค


-การเตรียมดิน ครูกบนำดินมาตีด้วยไม้ที่มีขนาดพอสมควร เพื่อให้ดินรวมเป็นหนึ่งเดียว หากเห็นหินในดิน ให้นำหินออกมา เพราะจะทำให้องค์พระแตกได้ง่าย หากดินมีการเริ่มเเข็งให้พรมน้ำ โปรยทราย เวลาเผาพระได้ไม่แตก




-การทำแป้นพิมพ์พระ นำดินบางส่วนมาตั้งเป็นกำแพงบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด นำพระพิมพ์ที่พิมพ์ไว้ วางไว้ตรงกลาง นำปูนพลาสเตอร์มาเท รอจนแห้งราว2ชม. ส่วนดินที่เหลือ ครูกบบอกว่า ต้องใช้ใบตองห่อกันลม ดินจะแห้งนั่นเอง หลังจากที่ปูนพลาสเตอร์แห้ง ถึงเวลานำดินที่ตั้งเป็นกำแพงออก จะได้แป้นพิมพ์พระ ฝีมือผมเองครับ

-การพิมพ์พระ เมื่อแป้นพิมพ์แห้งสนิท นำดินที่เราห่อใบตองมาพิมพ์บนแป้นพิมพ์ที่เราทำจากมือเราเองครับ ผมขุดดินมาเยอะ เลยถือโอกาสนี้ พิมพ์พระจากมือผมเอง นำกลับไปฝากคนที่บ้านเพื่อความเป็นมงคลอีกด้วยครับ




หลังจากที่พิมพ์พระได้เป็นที่ต้องการแล้ว เข้าสู่การเผา ครูกบบอกว่า ใช้เวลาเผาราว2วัน เมื่อได้แล้ว จะนำไปให้ที่ห้องพักครับ แอบตื่นเต้นนะครับ ที่นี่ยังสอนการยิงธนู และการจุดไฟในป่า ให้ผมนำกลับไปปรับใช้อีกด้วยครับ




หลังจากเราเรียนการทำพระพิมพ์สำเร็จเรียบร้อย ชุมชนพาผมไปแต่งกายชุดไทยสุโขทัยโบราณ สวยงาม เพื่อมาประดิษฐ์กระทง ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่เป็นไฮไลท์อันโด่งดังของสุโขทัย ณ ท่าน้ำรับเสด็จ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยมีลุงบวบ ปราชญ์ชาวบ้านฝึกสอน


ลุงบวบบอกว่า การทำกระทงต้องใช้สมาธิเป็นอย่างสูง การทำกระทงนั้นจะใช้ใบตองพับเรียงขึ้นเป็นชั้นปลายแหลมคมรูปสามเหลี่ยม บนหยวกกล้วยที่ตัดหนาพอดี จากนั้นจึงนำดอกไม้โรยบนกระทง จะได้กระทงที่สวยงามพร้อมนำไปลอยน้ำ

ดวงอาทิตย์ตก ดวงจันทร์จรัสฟ้า ความมืดมาเยือน ถึงเวลานำกระทงไปลอย ณ ท่าน้ำวัดตระพังทอง ชาวสุโขทัยนิยมลอยในวันขึ้น15ค่ำเดือน12 เพื่อบูชารอยพระพุทธบาท และมีการเผาเทียนเล่นไฟอย่างยิ่งใหญ่ ตระการตา จนผมต้องหาโอกาสมาชมในวันจริงให้ได้ครับ

วันที่4-เรียนรู้ลายสังคโลก-นกคุ้มของดี




เช้าวันนี้ผมได้เดินทางไปยัง ณะเกชา เครื่องสังคโลก โดยมีคุณชมพู่ ผู้บริหารของที่นี่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น คุณชมพู่บอกผมว่า ที่นี่มีการสอนวาดลวดลายเครื่องชามสังคโลกให้แก่ผู้ที่สนใจ รวมถึงการจำหน่ายเครื่องสังคโลกในราคาย่อมเยาว์สวยงาม ราคาถูกอีกด้วยครับ

เครื่องสังคโลกคือผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาในสมัยสุโขทัยที่กษัตริย์ และชนชั้นสูงมีโอกาสได้ใช้เท่านั้น เพราะมีราคาสูง ปัจจุบัน คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้เมื่อมาเยือนสุโขทัย




ถึงเวลาจะต้องมาเรียนการวาดลายสังคโลกกับคุณชมพู่ครับ การวาดลายสังคโลกแบบโบราณแบบสุโขทัยแท้ๆ นิยมวาดเป็นปลากาดำ และลายก้านขดบนภาชนะ เพราะแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ในสมัยสุโขทัย โดยคุณชมพู่สอนร่างด้วยดินสอบนจานดินเผาที่เตรียมไว้ให้แล้วครับ เมื่อวาดด้วยดินสอเรียบร้อย ถึงเวลาลงน้ำหมึก ครูชมพู่อนุญาตให้ผมใช้พู่กันช่างแท้ๆวาด การวาด ต้องใจนิ่ง มีสมาธิ นึกถึงความอ่อมช้อยของพระพุทธรูปปางลีลา ศิลปะสุโขทัย จึงได้อถรรสในการเขียนอย่างเพลิดเพลินจนลืมทุกอย่างไปเลยครับ


ผมใช้เวลาราว1ชม. วาดภาพปลากาดำ รวมถึงลายก้นขด ยอมรับครับว่ายากจริงๆ ครั้งแรกและแอบตื่นเต้นด้วยครับ จากนั้นนำไปเผาเพื่อให้ได้สีสันสวยงาม ใช้เวลาราว1-2อาทิตย์แล้วแต่รอบ จึงสามารถส่งให้ทางไปรษณีย์ได้ หรือท่านใดต้องการด่วน ก็สามารถพ่นแลกเกอร์ นำกลับไปเป็นของที่ระลึกได้





พวกเราเดินทางต่อไปยังแหล่งเรียนรู้การแกะสลักนกคุ้ม ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย โดยมีคุณเบิ้มให้การต้อนรับและสอนการแกะสลักนกคุ้มให้กับผม รวมถึงการตอกลายบนตัวนกคุ้มที่เตรียมไว้บางส่วนให้ผมลงมือทำจริงๆอีกด้วยครับ แรกๆ แอบกลัวว่าจะเสีย เลยตั้งสติ เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าตอก ไม่ยากเลยครับ แต่ต้องมั่นใจในการตอกนะครับ จะได้ลายที่ลึกและสวยงาม แถมแอบสนุกและเพลิดเพลิน สามารถนำกลับบ้านเป็นที่ระลึกอีกด้วย



นกคุ้ม อ้างอิงมาจากชาดก คืออดีตชาติของพระพุทธเจ้า ว่าเคยเกิดเป็น ลูกนกคุ่ม(ไม่ใช่คุ้ม) พ่อกับแม่ออกจากรังไปหากิน แล้วเกิดไฟไหม้ป่า จึงตั้งสัจบารมีขอให้ไฟดับ ไฟก็ดับ หลังจากนั้นจึงเชื่อว่านกชนิดนี้ สามารถคุ้มครองภัยต่างๆได้




ในช่วงเย็น ผมเดินทางต่อมายังถ้ำเจ้าราม อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ห่างจากที่พักราว67กม. โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับอยู่


ถ้ำเจ้าราม เชื่อว่าเป็นที่พักแรกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และภายในถ้ำพบพระพุทธรูปศิลา ปัจจุบันประดิษฐานวัดทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และฝูงค้างคาวกว่า2ล้านตัวอาศัยอยู่ โดยถ้ำแห่งนี้ต้องเดินจากจุดจอดรถไปยังปากถ้ำราว400เมตร




ทุกๆตอนเย็น จะมีปรากฏการณ์ฝูงค้างคาวหน้าย่นบินออกจากปากถ้ำเจ้าราม มากกว่า2ล้านตัว ตามคำบอกของเจ้าหน้าที่ บินออกเป็นฝูงยาว พริ้วไหวสวยงาม เหมือนงูตัวใหญ่เลื้อยยาวบนฟากฟ้า บางทีค้างคางที่นี่บินต่ำลงมา สามารถได้ยินเสียงร้องของมันได้ทีเดียว วามารถชมได้จากลานจอดรถ ถ้ำเจ้ารามครับ ถือเป็นไฮไลท์รองชุมชนเมืองเก่าสุโขทัยที่คุ้มจนหายเหนื่อยเลยครับ


วีดีโอ ฝูงค้างคาวออกหากิน ถ้ำเจ้าราม อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย


วันที่5-คีรีมาศดินเผา



เช้าวันนี้ผมออกเดินทางไปบ้านหน้าวัดลาย ต.ทุ่งหลวง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของสุโขทัย โดยมีคุณเพียว ปราชญ์ชาวบ้านให้การต้อนรับ



คุณเพียวเล่าให้ผมฟังว่า ชาวทุ่งหลวง ได้มีการสืบทอดการทำเครื่องบินดินเผาแบบโบราณมานานกว่า200ปีแล้วครับ มีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือ ใช้ดินที่ขุดจากท้องนาของหมู่บ้านเอง มาหมักแช่น้ำไว้ 1 วัน 1 คืน แล้วนำมาผสมทรายในอัตราส่วน 2:1 จากนั้นจึงนำมานวดด้วยเครื่อง (ในอดีตใช้วิธีย่ำด้วยเท้า)ครับ จึงนำมาปั้น ด้วยกัน 4 วิธี คือ การตีการขึ้นรูปด้วยแป้นหมุน การหล่อน้ำสลิป และการปั้นด้วยมือ จากนั้นจึงนำมาเขียนฉลุลาย ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ ใต้ถุนบ้าน จะมีเตาเผา ส่วนเผาใช้เวลาราว1-2วันครับผม จึงได้ชิ้นงานที่สีแดงส้ม ถือเป็นเอกลักษณ์ ที่นี่มีการจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาทุกชนิดในราคาย่อมเยาว์อีกด้วยครับ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้เรียนรู้การขึ้นรูป-ปัดทองด้วยตนเอง แน่นอนครับ ผมได้ลงมือทำ




กิจกรรมแรกที่ผมได้ลงมือทำคือ การขึ้นรูปด้วยแป้นมือหมุน โดยมีป้าทองจันทร์เป็นผู้สอน ทันทีที่แป้นหมุนทำงาน ป้าให้ผมวางดินพร้อมใช้งาน แล้วนำมือผมจุ่มน้ำ พร้อมการขึ้นรูป จะทำให้ดินไม่แห้ง ใช้นิ้วโป้งกด และนิ้วชี้ดึงขึ้นมาเป็นรูปทรงตามความต้องการ เรียกว่าต้องใช้สมาธิ ความชำนาญเป็นอย่างมาก หากไม่มีสมาธิ งานก็จะไม่สวย บิดเบี้ยวได้ ผมลองหลายครั้งมากครับ เพราะสนุก เพลิดเพลินมากครับ แอบลุ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมได้หม้อใบไม่สูงมีลวดลายสวยงามกับเขาให้พอชื่นใจบ้างครับ






อีกหนึ่งการเรียนรู้ของผมคือการได้ปัดทอง โดยมีครูเพียวเป็นผู้สอนครับ ครูเพียวบอกผมว่า การปัดทอง จะใช้แปรงทาสีขนาดเล็ก แตะบนยาขัดรองเท้าเบาๆ แล้วนำไปขยี้กับผงทองแท้100% ทาบนภาชนะเบาๆ สีทองจะติดบนผิวของภาชนะครับ




หากต้องการสีทองเข้ม ต้องลงหนักๆ จะได้สีทอง หากไม่แตะบนยาขัดรองเท้า สีจะไม่ติดนะครับ ขั้นตอนสุดท้ายคือการทาน้ำสลิป เป็นการทาแล็ตเกอร์น้ำเพื่อให้สีติดทนนาน ใช้เวลาราว10นาทีแห้ง สามารถนำกลับไปบ้านไปใช้งานได้ครับ



มาถึงคีรีมาศแล้ว ต้องหา" เฉลิ้มไก่ "ทานครับ ทำจากเนื้อไก่ ใส่เลือดไก่ รสชาติคล้ายลาบผสมลู่ เปรี้ยวนำ เผ็ดตาม ละมุนความหอมจากข้าวคั่ว อร่อยจัดจ้าน ชวนหิว ถือเป็นอาหารที่ชาวสุโขทัยทำต้อนรับแขกที่สนิทเท่านั้นครับ ใครมาสุโขทัยลองมาหาชิมดูครับ



" ขนมพับ " ขนมท้องถิ่นชาวทุ่งหลวง มีการนำแป้งข้าวเหนียวมาปรุงและหมักจนได้ที่ ใส่ถั่วดำ โรยด้วยเนื้อมะพร้าว นำมาห่อด้วยใบตองและพับจากนั้นไปนึ่งจนสุก มัน หอม ได้รสสัมผัสจากลิ้นหวานอร่อย ชวนน้ำลายสอ เป็นอีกของทานเล่นที่ห้ามพลาดเมื่อมาสุโขทัย


วันที่6 - บอกกล่าวอำลาชุมชน

วันสุดท้ายแห่งการลงพื้นที่ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัยมาถึง เช้าวันนี้ผมต้องเดินทางกลับแล้ว มีประธานกลุ่มโฮมสเตย์ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัยและคณะ รวมถึงครูกบ ลุงบวบ ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับผมในครั้งนี้มาคอยส่งผมเดินทางกลับ ตลอดระยะเวลา6วัน5คืนที่นี่ ผมมีความสุข และอบอุ่นมากๆครับ เสมือนบ้านหลังที่2ของผม ได้รู้จักตนเอง เข้าใจผู้อื่น ฝึกวิชาความรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้ และได้ลงมือทำนำไปถ่ายทอดต่อ มิตรภาพความทรงจำ จะตราตรึงอยู่ในใจผมตลอดไป ขอบคุณคุณครูทุกท่านที่ทุ่มเทให้ผมครับ หากศิษย์ได้ล่วงเกินครู ขอให้ครูอภัยให้ศิษย์ด้วยครับ แล้วผมจะกลับใหม่นะครับ


ผมเชื่อว่า รีวิวนี้จะทำให้ทุกท่าน ได้ลองมาเที่ยวชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย สามารถติดต่อได้ที่ คุณฝน 0932600637ครับ


AMAZINGไทยเท่ เมืองไทยสวยทุกที่เท่ทุกเวลา แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ

#TheVillageStory #ThailandVillageAcademy #ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย #จังหวัดสุโขทัย #SukhothaiOldCityCommunity #Sukhothai #Airasia #A320neo


บันทึกคนแบกเป้

 วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.36 น.

ความคิดเห็น