C o u n t D o w n แ บ บ เ งี ย บ เ ห ง า . .

เช้านี้ตื่นมาแบบสบาย ๆ สาย ๆ ไม่ต้องรีบ ท่ามกลางหิมะโปรยในเมือง Sapporo ลากกระเป๋าลงมาฝากที่เคาน์เตอร์ 1 ใบ และลากใบใหญ่เตรียมเดินทางสู่เมืองที่มีวิวริมคลองอันสวยงาน

O t a r u

การเดินทางจากตัวเมือง Sapporo มาที่เมือง Otaru ง่ายมากครับ ขึ้นรถไฟเพียง 30-45 นาที ก็มาถึงได้อย่างง่ายดาย (แล้วแต่ขบวนรถไฟนะครับ มีหลายแบบ ถ้าเป็นขบวน Airport ก็จะเร็วหน่อย ประมาณ 32 นาที แต่ถ้าเป็น Hakodate Line ก็จะช้าหน่อย 45 นาทีน่ะครับ)

ก็แล้วแต่ว่า เราเดินมาถึง Track ทันขบวนไหน ซึ่งตอนที่เรามาน่ะ ก็แอบงง ๆ ว่าไปได้หรือเปล่า ไปขบวนไหนดี เพราะมีขบวนนึงจอดอยู่ตรงหน้า แล้วเราก็ปล่อยมันออกไป แล้วก็มารู้ว่า อ้าว!! นั่นมันขบวน Airport ใช้เวลาแค่ 32 นาทีเอง ยืนแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เลยต้องยืนรอไปอีก 10 กว่านาที จนมีรถไฟมาอีกขบวน ซึ่งเป็นขบวน Hakodate Line กลายเป็นว่า เราไปถึง Otaru ช้ากว่าขึ้นขบวนเมื่อกี้ตั้งเกือบครึ่ง ช.ม. เลย.. เซ็ง!

แต่ก็มาถึงละคร้าบ ลงรถไฟปุ๊บ ก็มีพายุหิมะมาต้อนรับเราเลยครับ อย่างแรงเลย (ดูคลิปได้)

จากนั้นก็ลากกระเป๋าก่อนเลยครับ ดีนะ ที่เราฝากกระเป๋าไว้ที่ Sapporo ใบนึง เพราะยังไงก็กลับไปนอนที่เดิมอยู่แล้วครับ แต่ที่ลากมาเป็นใบใหญ่นะครับ แหะ ๆ เดินลากมาแบบทุลักทุเล เพราะพื้นเต็มไปด้วยหิมะ น้ำแข็ง ลื่นเอาง่าย ๆ เลยครับ เดินไปหยุดพักไป หลบหิมะปัดหิมะไป แต่สนุกมากครับ

ถึงแล้วครับ Hotel Sonia Otaru

Hotel Sonia Otaru เป็นโรงแรมในเครือ MyStays เป็นโรงแรมใหม่ ที่กำลังสร้างเพิ่มเติมอยู่ตอนที่เราไปครับ จะมีฝั่งนึงปิดคลุมผ้าอยู่ ตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรม จะอยู่ถัดมาจาก Hotel Nord Otaru (ซึ่งก็เป็นโรงแรมในเครือ MyStays เช่นเดียวกัน) -- เพิ่งทราบตอนเขียน blog นี่เองครับว่า เป็นของเครือเดียวกัน ก็ว่า ทำไมราคามักจะเท่ากันตลอดเลย --

เรามาถึงก่อนเวลา Check-in ครับ เลยขอฝากกระเป๋าเค้าไว้ก่อน แล้วก็จัดเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อมรับพายุหิมะที่เราจะฝ่าออกไปเดินเล่นกันรอบแรกวันนี้ครับ และประเด็นหลักคือ ต้องหาอะไรกินด้วยครับ เราจำได้ว่า ตอนที่ลากกระเป๋าจาก Otaru Station เราเห็นเหมือนเป็นถนนคนเดินอยู่ซอยนึง ก็เลยเลือกที่จะเดินย้อนกลับไปทางนั้นดูก่อน ขอไปสำรวจก่อนว่ามีอะไรให้กินไหม (ขณะเดิน จะผ่านร้าน KFC ด้วยนะครับ เผื่อใครสนใจ แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปชิมนะ บางร้านก็จะมีรูป "เจ ชนาธิป" มาเชิญชิมด้วยนะครับแหม่.. ช่างรู้ใจคนไทยซะจริง ๆ เล้ย..ย....ยย)

เดินมาถึงแล้วครับ เป็นถนนชื่อ Miyakodori Street ซึ่งหน้าตาจะเหมือนถนนคนเดิม ช้อปปิ้ง ของญี่ปุ่นนี่แหละครับ ซึ่งคิดว่าโดยปกติแล้ว จะมีร้านค้ามาเปิดขาย แต่ในวันที่เรามา คงเป็นเพราะใกล้วันสิ้นปี ทำให้ร้านค้าปิดเกือบหมดเลยครับ ก็เลยได้แต่เดินชมถนน และเดินผ่านไปหาของกินกันต่อไป..

เดินมาถึงร้านนึง ดูเก่า ๆ ก็เลยชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านใน ปรากฎว่า มีคนญี่ปุ่นนั่งรอคิวกันเพียบเลยครับ สอบถามพนักงานว่า รอนานไหม พนักงานบอกว่า ประมาณ 1-1.5 ช.ม. ก็ทำอะไรไม่ได้ละครับจังหวะนั้น ต่อคิวลงชื่อไว้เลยครับ พนักงานก็จะแจ้งว่า ประมาณกี่โมงได้คิวให้เดินกลับมา ซึ่งก็จะประมาณเกือบ ๆ บ่าย 2 ได้ครับ เราก็เลยไปเดินเล่นแถว ๆ นั้น ปรากฎว่า ตรงนั้นมีห้างเก่า ๆ ห้างนึงชื่อ Nagasakiya ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ตรงข้ามกับ Otaru Station พอดี เดินเล่นในนั้นแป๊บนึง หาขนมกินรองท้องหน่อย ๆ แล้วก็ให้บังเอิญเห็นว่า ในห้างนั้นมี Don Quijote อยู่ชั้นบนครับ ขึ้นสิครับรออะไร คนน้อยด้วย สบายเลย.. เดินกันเพลินเลย มองนาฬิกาอีกที อ้าว!! ได้เวลาไปกินข้าวกันล่ะคร้าบ.. ตามมา ๆ..

Yabuhan Soba

ร้านโซบะอันเก่าแก่ของ Otaru ร้านนี้ สำหรับใครที่ชอบทานเส้นโซบะแสนอร่อย มีให้เลือก 2 แบบ คือ Jimonoko (ทำจากต้นโซบะที่ปลูกใน Rankoshi Hokkaido) และ Namiko (ผสมระหว่าง Jimonoko กับวัตถุดิบจากอเมริกา) เมนูที่เรากิน ก็สุ่ม ๆ เดา ๆ เอาครับ ชามแรกจะเป็นเทมปุระ เพราะทานง่ายหน่อย อีกชามเป็นเห็ดเล็ก ๆ และซุปมีผิวส้มยูสุด้วยครับ น้ำซุปก็จะหอม ๆ ดีครับ พอทานเสร็จ ทางร้านจะเอาซุปที่ใช้ต้มเส้นโซบะมาให้เราซดปิดท้ายอีกที ก็แปลกดีครับ เค้าว่าซุปจะมีประโยชน์จากเส้นที่ต้มน่ะครับ

อิ่มท้องแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาทางคลอง Otaru กันซะหน่อยครับ จะได้กลับโรงแรมไป Check-in เก็บของกันก่อนที่จะออกมาเดินตอนเย็น ๆ อีกที


Hotel Sonia Otaru

Check-in เก็บกระเป๋า ชมโรงแรมกันครับว่า ทำไมที่นี่ถึงแพง (จองมาแล้ว จะมีชำระค่าภาษีออนเซ็นเพิ่มอีกเล็กน้อยนะครับ ฉะนั้น อย่าให้พลาด โรงแรมดี ๆ หรู ๆ แบบนี้ ไม่ต้องอายแล้วครับ แช่ออนเซ็นแน่นอน..)

เปิดประตูห้องเข้ามา ก็จะมีรองเท้ามารอให้เราใส่อยู่หน้าประตูเลย

อุปกรณ์อาบน้ำ จาก POLA

สายชาร์จมือถือ ก็มีให้ใช้ แต่อย่าจิ๊กกลับบ้านนะ เค้าให้ไว้ใช้

ชุดนอนจ้า แต่ยังไงก็เอาไม่อยู่หรอก หนาวจิตาย

เครื่องกรองอากาศ จะกรองอะไรอีก แค่นี้อากาศก็ดีมาก ๆ แล้วครับ

ชมบรรยากาศในห้องกันต่อ


พักผ่อนพอเป็นพิธี เราก็ออกไปเดินตามถนนคนเดินกันสักหน่อย ร้านค้าเริ่มปิดแล้วครับ เดินชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ จนถึงร้านขายกล่องเพลงเลย แต่ไม่ได้เข้านะครับ ก็เริ่มมืดแล้ว หาอะไรกันดีกว่า

เดินวนแถวนั้น แต่ร้านอาหารปิดเกือบหมดเลย ตายล่ะวา คืนนี้จะกินอะไรล่ะเนี่ย เปิด Google Maps หาร่วมกับ TripAdvisor ก็เจอร้านนึง เลยลองเดินตามแผนที่ไปปรากฎว่า เดินจากร้านกล่องเพลงกลับมาเกือบถึง Otaru Station ก็มี 2-3 โลได้ครับ ปรากฎว่า ตามตำแหน่งในแผนที่แต่ "ร้านปิด" หรือ "ร้านปิดดำเนินการ" ไปแล้วน่ะสิครับ กินอะไรล่ะนี่ เริ่มดึกแล้ว วนไปวนมาไม่เจอร้านกินข้าวสักร้านนึง จนหลงมาเจอซอยนึงครับ เห็นแสงไฟ เหมือนเป็นร้านอาหาร.. รีบตรงเข้าไปใส่เลยครับ โผล่ไปหน้าร้าน คนเพียบ นั่งรอคิวกันอยู่

กดคิว และนั่งรอสิครับ ไม่ต้องคิดแล้วจุดนี้ และร้านนี้ที่ว่าก็คือ

Naruto-ya

ร้านไก่ทอดอันเก่าแก่ และมีชื่อเสียงที่สุดของ Otaru ครับ ใครมาเยือน Otaru ต้อง "ห้ามพลาด" นะครับบอกเลย ร้านนี้เรา 2 คนบอกว่า "แนะนำ" "Recommend" มาก ๆๆๆๆๆ อยากรู้ว่าอร่อยยังไง.. ต้องไปกินเองครับ อาจจะมองว่า ก็ไก่ทอดอ่ะ แต่มันคือ ไก่ทอดที่หากินที่ไหนไม่ได้จริง ๆ นะครับ

เห็นเหมือนจะเยอะสำหรับ 2 คนแต่บอกเลยว่า "เกลี้ยง" นะครับ คืนนี้เรารอดแล้ว อิ่มสบายท้อง กลับห้องไปเตรียมแช่ออนเซ็นกันได้ครับ.. (ภาพในออนเซ็น ไม่สามารถถ่ายได้ เป็นระเบียบสำหรับการแช่ออนเซ็นนะครับ) แต่จะบอกว่า ออนเซ็นที่นี่ก็หรูหราจริง อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ที่สำคัญ ไดร์เป่าผมเป็น dyson เลยครับ

ลาค่ำคืนแห่งความสงบ ท่ามกลางหิมะโปรยตลอดคืนกับภาพนี้นะครับ


อรุณสวัสดิ์ เช้าวันสุดท้ายของปี 2018

ภารกิจวันนี้ สำหรับสายชิลอย่างเรา ไม่มีอะไรมากครับ เริ่มต้นด้วยนมสักกล่อง และเก็บภาพคลอง Otaru และชิลตามถนนให้เรียบร้อยท่ามกลางพายุหิมะ

ลงมาเดินตอนแรก ยังไม่มีหิมะครับ สาย ๆ คนเริ่มมากันละ

แป๊บเดียว หิมะหนาเลย

ภารกิจแรก ผ่านไป ภารกิจต่อไปก็.. เก็บร้านค้าให้เกลี้ยง เดินชม เดินชม เดินช้อป กันตามอัธยาศัยเลยครับ ร้านค้าเปิดกันถ้วนหน้า

ดูคลิปหิมะถล่ม Otaru ได้ครับ มันก็จะฟิน ฟิน หน่อย ๆ สำหรับใครที่ชอบหิมะ ชอบความหนาวนะครับ

แม้แต่ Ice Cream Rainbow Tower ก็ไม่พลาดนะครับ

ร้านดัง Snoopy

LeTAO ที่ยังไงก็ไม่พลาด

กลับมาปิดท้ายวันแห่งความชิล เพื่อเตรียม Count Down เข้าสู่วันขึ้นปีใหม่กันเพียงลำพัง ร้านรวงเปิดกันปกตินะครับ แต่ดูจากคืนก่อนแล้ว เชื่อว่าไม่มีการจัดงาน การ Count Down ที่ไหนในเมืองนี้แน่ ๆ เราจึงตัดสินใจที่จะซื้อไก่ทอด Naruto-ya ของโปรดจนต้องกินซ้ำ รอเค้าทอด และใส่ถุงกลับขึ้นมากินกันในห้องกัน 2 คนครับ

แต่ก่อนจะนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2019 ผมก็ลงไปเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนสุดท้ายของปี 2018 ริมคลอง Otaru สักหน่อย เพราะตอนนี้ไม่มีคนแล้วครับ

. . H A P P Y N E W Y E A R 2 0 1 9 . .

ตามไปเที่ยว Sapporo กันต่อนะครับ รวมถึงเมืองอื่น ๆ อีกนะคร้าบ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม อ่านจนจบนะครับ แวะไปชมภาพเพิ่มเติม ทริปอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ facebook: ทุบกระปุก


ทุบกระปุก

 วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 00.46 น.

ความคิดเห็น