จันทบุรี จังหวัดนี้ไม่ได้มีดีแค่ทะเล อาหารทะเล หรือสวนผลไม้ เชื่อผมสิเพราะผมไปบ่อย และหลายครั้งที่จุดหมายปลายเป็นอะไรเขียวๆ อย่างน้ำตก ป่าเขาลำเนาไพร ธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์มาก ซึ่งเมื่อได้รับคำชวนให้ไปเที่ยวผจญภัยสีเขียวอีกครั้งจาก ททท. สำนักงานจันทบุรี เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แน่นอนว่าผมตอบตกลงทันที

ทริปนี้เดินทางร่วมกับ ททท. พาไปสัมผัสธรรมชาติเมืองจันท์อย่าง น้ำตกกระทิง อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ กับ น้ำตกเขาสอยดาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว สองน้ำตกสวยขึ้นชื่อที่สายเขียวต้องห้ามพลาด พ่วงด้วยที่เที่ยวเขียวๆ รายทางอีกนิดหน่อย เดินทางกันสามวันสองคืนกำลังดี

ต้องบอกว่านี่แค่ส่วนหนึ่งของที่เที่ยวเขียวๆ เมืองจันท์เท่านั้น เพราะถ้าอยากจะเก็บให้ครบ สงสัยต้องจัดซ้ำอีกสี่ซ้าห้าหกรอบล่ะมั้ง


พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่ "น้ำตกกระทิง อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ" อำเภอเขาคิชฌกูฎ ตัวน้ำตกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักอยู่ในพื้นที่ที่ทำการอุทยานครับ

น้ำตกกระทิงเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีมากกว่า 13 ชั้น แต่อุทยานฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวเองถึงชั้นที่ 8 ซึ่งถือว่าสวยมากแล้วล่ะ เส้นทางไม่ไกลและไม่หนักหนาเท่าไหร่ ทางไม่ชันมาก เราเริ่มต้นจากชั้น 3 แค่ประมาณ 400 เมตร ก็ถึงชั้นที่ 8 น้ำตกแต่ละชั้นอยู่ค่อนข้างติดกัน เรียกว่าซอยชั้นยิบย่อยอยู่นะ

ตรงนี้เป็นชั้นที่ 7 ช่วงที่เราไปน้ำเยอะและใสแจ๋ว

ระหว่างเส้นทางเดินจะพบเห็ดถ้วย หรือเห็ดแชมเปญขึ้นอยูู่ทั่วไป ฤดูฝนคือฤดูกาลของพวกมันล่ะ

สุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ (ที่สามารถมาได้เอง) คือน้ำตกชั้นที่้ 8 สวยชุ่มฉ่ำมากครับ สามารถลงเล่นได้แต่ต้องระมัดระวังด้วยนะครับ

หลังกลับลงมาจากชั้นบนก็แวะตรงจุดเริ่มต้นชั้นที่ 3 สักหน่อย ตรงนี้เหมาะมากกับการเล่นน้ำ แต่ผมขอแค่ถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ก็พอแล้วล่ะ ชื่นใจและสดชื่นเหลือเกิน

ที่อุทยานฯ มีลานกางเต็นท์และบ้านพักให้บริการด้วยครับ คราวนี้ไม่ได้ตั้งใจมากาง แต่คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน

ติดต่ออุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
โทร. 0819450049, 039609666
ค่าเข้า 40 บาท ค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท


วันที่สองของ เรามุ่งหน้าไป "น้ำตกเขาสอยดาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ในพื้นที่เขาสอยดาวเหนือ ซึ่งเราต้องเตรียมตัวมากกว่าเมื่อวานพอสมควร เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เส้นทางต้องดิบกว่า รกกว่าแน่ๆ

ทางเดินศึกษาธรรมชาติพิชิตน้ำตกเขาสอยดาวซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเที่ยวชมได้เองมีทั้งหมด 9 ชั้น ระยะทางขาเดียว 1.8 กิโลเมตร เป็นทางราบส่วนใหญ่สลับทางชันเป็นระยะ หน้าฝนทางรก ลื่น ที่สำคัญคือมีทาก และมีช้างป่าหากินอยู่ในบริเวณนี้ด้วย

เตรียมตัวพร้อมเราก็เริ่มเดินกันเลย เส้นทางเขียวสะใจสายธรรมชาติมากๆ บางช่วงก็ต้องปีนป่ายกันหน่อย เป็นธรรมดาของหน้าฝนแหละครับ

ความชื่นใจอย่างมากคือที่นี่มีต้นไม้ใหญ่ยักษ์ให้เห็นเพียบ ทั้งต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ต้นสมพง ต้นตะเคียน

นอกจากนี้ตลอดทางยังพบเห็นเห็ดถ้วย เห็ดแชมเปญ เต็มไปหมด มีเยอะมากครับ ทำให้เราต้องหยุดบ่อยๆ และใช้เวลามากขึ้นด้วย (ฮา...)

และร่องรอยของพี่ใหญ่ มีให้เห็นสองสามกองระหว่างทาง ดีนะที่ดูแล้วน่าจะหลายวันอยู่ ถ้าเป็นสดๆ ใหม่ๆ คงมีเลิ่กลั่กเหมือนกัน นี่แหละเป็นป่าที่เรียกว่าป่าจริงๆ

ตรงนี้เป็นน้ำตกชั้น 5 ค่อนข้างรกสักหน่อยเพราะมีไม้ใหญ่ล้มขวางน้ำตกพอดี

อีกไม่ไกลนักคือน้ำตกชั้น 6 เป็นหนึ่งในสองชั้่นที่สวยที่สุดครับ มาถึงแล้วก็ใช้เวลาถ่ายรูป เสพความสดชื่นกันตามสบายเลย

หลังจากนั้นไปต่อกันจนถึงชั้น 9 เส้นทางจากนี้จะยากขึ้นกว่าที่ผ่านมานิดหน่อย มีขึ้นมีลงมีขึ้นมีลง

ผ่านร่องน้ำ จ๊ะเอ๋กับเจ้าบ้านขี้อาย ปูน้ำตกตัวใหญ่เชียว

ในที่สุดหลังจากเหงื่อจกเล็กน้อยก็ถึงน้ำตกชั้นที่ 9 วังพญางิ้วดำ

น้ำตกสวย สูงใหญ่ อลังการ น้ำเยอะ สะใจ ยิ่งประกอบกับฝนที่ตกพรำๆ ลงมาแล้วบอกเลยว่าสุดยอดดดดมากครับ คุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา

กลับมาถึงข้างล่าง ขอแวะเล่นน้ำสักหน่อยเถอะ ข้างบนเล่นไม่ได้ก็ลงมาตรงนี้นี่แหละ

ขอแอบบอกว่าขากลับมีเรื่องระทึกนิดหน่อย เพราะเราได้กลิ่นสาบสัตว์แรงมากตอนลงมาก่อนถึงน้ำตกชั้น 6 น่าจะเป็นกลิ่นพี่ใหญ่ล่ะนะ เล่นเอาเจ้าหน้าที่ต้องคอยเร่งให้เดินไวๆ ดังนั้นถึงที่นี่จะเดินเที่ยวเองได้ แต่แนะนำติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัยมากขึ้นดีกว่า ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 500 บาท ไม่แพงหรอกครับ

ก่อนออกจากเขตฯ มีโอกาสแวะชมอาคารนิทรรศการ พร้อมรับทราบข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เจ้าหน้าที่บอกว่าเฉพาะพื้นที่ของเขตฯ เขาสอยดาว มีช้างป่าจากการสำรวจล่าสุด 82 ตัว และถ้านับรวมป่ารอยต่อห้าพื้นที่คือ เขาสอยดาว เขาคิชฌกูฏ เขาสิบห้าชั้น เขาชะเมา เขาอ่างฤาไน มีช้างป่าราว 400 ตัว ซึ่งก็เป็นปัญหาเรื่องพื้นที่ช้างกับพื้นที่คนที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลและแก้ไขกันต่อไป

ที่นี่จัดตั้งเป็นป่าการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์พักแรมด้วยครับ

ติดต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว
โทร. 0929913812 (คุณมนัส)
ค่าเข้า 20 บาท ค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท


วันนี้เรามีโอกาสเข้าพักที่ "ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี" อำเภอโป่งน้ำร้อน เป็นรีสอร์ทภายในสนามกอล์ฟมาตรฐานชื่อดัง ซึ่งต้องใช้คำว่าสวยมาก สวยทั้งสนามกอล์ฟ และสวยทั้งวิวรอบสนามกอล์ฟ มองจากสนามและที่พักเห็นเขาสอยดาวเป็นฉากหลังเชียวล่ะ

แน่นอนว่าที่นี่คือสนามกอล์ฟ เราเลยได้นั่งรถสำรวจสนามสักหน่อย เก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันครับ มีลำธารไหลผ่านสนามด้วย ดีงามจริงๆ

แต่ถึงจะไม่ได้มาเล่นกอล์ฟหรือเข้าพัก ก็สามารถมาชมวิว พักผ่อน รับประทานอาหารอร่อยๆ ที่ห้องอาหารได้นะ อาหารหลากหลาย น้ำพริกหมูชะมวง ไข่เจียวสอยดาว ปลากะพงทอดสมุนไพร ยำวุ้นเส้นโบราณ หมูป่าผัดพริกแกงหน่อกระวาน พิซซ่าฮาวายเอี้ยน คือดี คืออร่อยทุกอย่าง

สำหรับที่พักก็ดีงามอย่างที่เห็น ห้องพักสะดวกสบาย ปลอดภัย เยี่ยมยอดครับ

ติดต่อชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี
โทร. 0899343008
เฟซบุ๊ก soidaohighland
www.facebook.com/soidaohighland


วันที่สามบนเส้นทางสีเขียว เริ่มต้นที่ "วัดเขาบรรจบ" อำเภอมะขาม ชื่อวัดนักท่องเที่ยวอาจยังไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าตรงนี้แหละคือคลองทุ่งเพล ที่กำลังโด่งดังเรื่องโฮมสเตย์ริมธารแห่งจันทบุรี หลายคนอาจร้องอ๋อเลยเชียว

ตัววัดอยู่ติดกับคลองทุ่งเพลเลยครับ ลำธารน้ำใสไหลเย็นมาก มีสะพานแขวนข้ามไปฝั่งน้ำตกเขาบรรจบได้ด้วย ไม่ต้องค้างแรมโฮมสเตย์ไหนก็มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้อย่างสบายใจ

ไฮไลท์ที่นี่อีกอย่างคือต้นไม้ใหญ่ยักษ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะต้นสมพงซึ่งมีรูขนาดใหญ่บริเวณโคนต้นจนกลายเป็นเหมือนอุโมงค์หรือประตู ได้รับการเรียกว่าประตูสวรรค์ ใครมาวัดแห่งนี้ต้องมาลอดไปลอดมาทั้งเพื่อถ่ายรูปสวยๆ และเพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อล่ะนะ

แล้วก็อย่าลืมกราบไหว้องค์พระประธานในพระอุโบสถไม้สวยงามสักหน่อย


ต่อกันที่ "อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" เป็นอ่างเก็บน้ำชายขอบอุทยานฯ ที่มีพื้นที่พักผ่อน ค้างแรม กางเต็นท์ บรรยากาศตอนฝนพรำๆ ถือว่าดีเลยล่ะ เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าจะหาเวลามาแคมปิ้งสักคืนน่าจะเหมาะ

ติดต่ออุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
โทร. 039434528
ที่ห้วยตาโบยังไม่มีการเก็บค่าเข้าชมใดๆ


ตบท้ายพักผ่อนชิลๆ ก่อนกลับที่ "วีว่า ฟอเรสต้า ฟาร์ม" อำเภอนายายอาม ฟาร์มสัตว์น่ารักของจันทบุรี ไม่ใช่เพียงเฉพาะเด็กๆ เท่านั้นนะครับ แต่ผู้ใหญ่อย่างเราเข้ามายังไงก็ต้องยิ้ม บรรยากาศดี ติดภูเขา พื้นที่สีเขียว กับสัตว์นานาชนิด เที่ยวกันเพลินไปเลย ค่าเข้าผู้ใหญ่ 70 บาท ถือว่าเหมาะสมดีครับ

ที่นี่มีฟาร์มสัตว์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีมากกว่า 20 ชนิด รวมจำนวนมากกว่า 300 ตัว คนรักสัตว์เข้าไปเที่ยวแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน สัตว์ทุกตัวอิ่มหนำอยู่ดีมีสุขครับ

ติดต่อวีว่า ฟอเรสต้า ฟาร์ม
เปิดทุกวัน 9.00-18.00 น. ค่าเข้า 70 บาท
โทร. 0910077770
เฟซบุ๊ก vivaforesta
www.facebook.com/vivaforesta


ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
www.facebook.com/alifeatraveller

นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 11.15 น.

ความคิดเห็น