เขาหัวซาน จุดเริ่มต้นของความรู้จัก

ตั๋วรถไฟใบสุดท้ายที่ผมซื้อมาจากอู่ฮั่นกำลังถูกใช้ไป เพื่อการเดินทางสู่ซีอาน ความพลุกพล่านของผู้คนหน้าสถานีรถไฟเมืองซีอาน ซึ่งตรงกับตำแหน่งประตูเมืองทางทิศเหนือกลับมาให้ผมเห็นอีกครั้ง หลังจากที่เวลาผ่านไป 2 ปีเต็มที่ผมเคยมาเยือน

นอกจากไคฟงแล้ว ซีอาน (Xian) หรือชื่อในอดีตคือฉางอาน คืออีกหนึ่งในอดีตราชธานีของแผ่นดินมังกร อีกทั้งยังเป็นราชธานีที่ยาวนานที่สุดที่หน้าประวัติศาสตร์จีนบันทึกไว้ โดยเป็นราชธานีแบบไม่ต่อเนื่องถึง 1,160 ปี ภายในกำแพงเมือง รวมถึงบริเวณนอกกำแพงเมืองบางส่วนจึงมากไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น หอกลอง หอระฆัง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า วัดห่านป่าใหญ่ สถานที่ที่พระถังซำจั๋งใช้แปลพระไตรปิฎก และสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่มากไปด้วยหุ่นทหารดินเผาเป็นกองทัพ จนโด่งดังไปทั่วโลก

ผมแบกเป้เดินลัดเลาะไปตามซอกซอยสู่ยูธโฮสเทล ที่ได้จองที่พักล่วงหน้าไว้แล้ว โดยที่แห่งนี้นอกจากเป็นที่ที่ผมเคยมาพักแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ผมนัดเจอกับเพื่อนอีก 11 คน ที่รู้จักกันใน website หนึ่งที่เปิดช่องทางในการชวนเพื่อนที่อาจจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ชอบเที่ยว ชอบเดินทางเหมือนกัน ให้เดินทางไปเที่ยวด้วยกัน โดยเพื่อนกลุ่มนี้มีจุดหมายที่จะเดินทางไปยังดินแดนหลังคาโลกทิเบต และไปไกลถึงเอเวอเรสต์เบสแคมป์ดินแดนที่หลายคนใฝ่ฝันจะไปเยือน และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

แม้การเดินทางหลังจากนี้จะเป็นการเดินทางกับเพื่อนหน้าใหม่ ที่การปรับตัวเข้าหากันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ผมเชื่อในทฤษฎีแรงดึงดูดว่า คนที่ชอบอะไรคล้ายๆกันมักจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน คนที่รักในการเดินทางเหมือนๆกัน ก็น่าจะมีนิสัยคล้ายกัน พวกเราคงไปด้วยกันได้ดี และจะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางกันในครั้งต่อๆไป

หลังจากไปเดินเล่นรับสายลมเย็นและรื้อฟื้นความทรงจำบริเวณหอกลองกับหอระฆังที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า หนึ่งในสัญลักษณ์อันเป็นตัวแทนจากอดีตในสมัยที่ซีอานดำรงตำแหน่งเป็นนครหลวงฉางอานของอาณาจักรมังกร และเดินไปหาของกินอร่อยๆที่มีจำหน่ายอย่างละลานตาบนถนนคนเดินเป่ย์หยวนเหมิน (Beiyuan Men) ซึ่งอยู่ด้านข้างหอกลองจนท้องอิ่มแล้ว ในเวลาค่ำ ผมเดินย่ำเท้ากลับยูธโฮสเทล ในช่วงที่เดินกลับเข้าห้องพักสวนกับ 2 สาว ทีแรกคิดว่าเป็นคนจีน แต่พอได้ยินเสียงพูดคุยกันด้วยภาษาไทยเรื่องน้ำพริกที่นำติดกระเป๋ามาด้วย ผมก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากทักทายภาษาไทย และเหมือนอย่างที่คิดไว้ เธอทั้งสองคือเพื่อนร่วมทางของผมที่กำลังจะไปทิเบตด้วยกัน ซึ่งในเวลานี้เพื่อนร่วมทางกลุ่มใหญ่ได้เดินทางมาจากประเทศไทยแล้ว โดยกำลังนั่งพูดคุยแผนการเดินทางกันอยู่ที่ม้าหินในสวนหย่อมของยูธโฮสเทล

เราพูดคุยทำความรู้จักกัน พร้อมกับอธิบายการเดินทางไปทิเบตอย่างคร่าวๆ แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เรามีวันว่าง 1 วันก่อนที่จะนั่งรถไฟไปทิเบตด้วยกัน จึงคิดว่าพรุ่งนี้เราน่าจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากชวน เพื่อนหน้าใหม่คนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ไปเที่ยวเขาหัวซานกันไหม เพราะอยู่ไม่ไกลจากซีอาน ซึ่งตรงกับที่ผมกำลังจะชวนพอดี เราจึงหยุดศึกษาข้อมูลทิเบต โดยเปลี่ยนไปสอบถามเจ้าหน้าที่ยูธโฮสเทลเรื่องการเดินทางไปเขาหัวซานแทน

ข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่ยูธโฮสเทล ทำให้เรารู้ว่าสามารถไปเขาหัวซานได้ทางรถไฟ แต่ต้องต่อรถจากสถานีรถไฟเข้าไปเขาหัวซานอยู่ดี ด้วยเหตุที่เรามีกันถึง 12 คน เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว การเหมารถมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเดินทางด้วยรถไฟ อีกทั้งยังสะดวกมากกว่า ก่อนเข้านอนคืนนี้เราจึงให้เจ้าหน้าที่ยูธโฮสเทลช่วยเป็นธุระในการติดต่อรถเช่าให้

อากาศยามดึกที่ซีอานเริ่มหนาวมากขึ้น เราไม่คิดที่จะนั่งท้าลมหนาวกันต่อไป เวลาที่ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้คงยังไม่ทำให้เราได้รู้จักอะไรกันมากนัก ไว้การเดินทางด้วยกันเริ่มต้น พวกเราคงทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้

ตั้งแต่พระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าของเช้าวันใหม่ รถแวนจำนวน 2 คันที่เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ก็จอดรอรับเราที่หน้ายูธโฮสเทล ก่อนที่จะเดินทางออกจากตัวเมืองซีอาน เราให้คนขับรถพาไปที่สถานีรถไฟก่อน เพื่อไปเอาตั๋วรถไฟไปซีหนิงสำหรับค่ำนี้ ซึ่งบริษัททัวร์ท้องถิ่นที่ลาซา ที่เราติดต่อไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทยจองไว้ให้

เขาหัวซาน (Huashan) อยู่ในเมืองหัวยิน (Huayin) ห่างจากซีอานไปทางทิศตะวันออกราว 120 กิโลเมตร แม้จะเป็นรถเหมา ไม่ได้มากับทัวร์ แต่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมในการเที่ยวในเมืองจีน ที่คนขับจะต้องพาแวะร้านผ้าไหม เพราะเขาจะได้ค่าตอบแทนจากร้านค้า แต่เราไม่อยากเสียเวลากับสิ่งนี้จึงบอกให้คนขับไม่ต้องแวะ แต่ก็ไม่เป็นผล เขายังคงพาเราแวะที่ร้านผ้าไหมโดยบอกว่า พามาให้แวะเข้าห้องน้ำ เพียงแต่ที่นี่ต้องเดินเป็นวันเวย์ ทางเข้าอยู่ทาง ทางออกอยู่อีกทาง โดยระหว่างทางต้องเดินผ่านห้องจำหน่ายผ้าไหมก็เท่านั้นเอง

แม้เราจะออกจากซีอานแต่เช้า แต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล อีกทั้งยังต้องเสียเวลาฟังบรรยายเรื่องสรรพคุณผ้าไหม ทำให้เรามาถึงทางขึ้นเขาหัวซานในเวลาใกล้เที่ยง แหงนมองยอดเขาสูงเสียดฟ้านี้แล้วชวนให้อ่อนใจหากต้องใช้กำลังขาเดินขึ้นไป แต่ที่นี่เขามีเคเบิลคาร์ให้บริการ จึงใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ผ่านทิวทัศน์ของขุนเขาอันตระการตา เคเบิลคาร์ก็พาขึ้นถึงยังจุดเกือบสูงสุดของเขาหัวซาน จากจุดนี้ต้องเดินไปตามทางเดินและขั้นบันไดที่ทำไว้อย่างดีเพื่อไปยังยอดเขาทิศเหนือ อันเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า

เขาหัวซานมียอดเขาทั้งหมด 5 ยอด คือ ยอดเขาทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศตะวันออกและยอดเขากลาง แต่ละยอดมีความสูงราว 2,000 เมตร โดยยอดเขาทิศใต้มีความสูงมากสุด คือ 2,160 เมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ ประกอบกับลักษณะภูเขาที่เป็นเหมือนแท่นหินยอดแหลมขนาดใหญ่พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เส้นทางเดินขึ้นยอดเขาของที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางที่หวาดเสียวที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีตั้งแต่การเดินบนทางแคบๆลัดเลาะริมขอบผา เมื่อมองลงไปเบื้องล่าง เห็นเพียงความลึกที่สุดหยั่งถึง จนถึงการไต่ไปตามโซ่ ที่มีเพียงร่องหินกว้างไม่กี่เซนติเมตรให้เท้าได้เหยียบยืน

สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้มีจุดหมายเพื่อมาไต่เขาให้หวาดเสียว ก็มีทางเดินที่ปลอดภัยโดยลัดเลาะไปตามแนวสันเขาบ้าง แนวร่องเขาบ้างไว้ให้เดินชมวิวกันอย่างสบายใจ โดยพวกเราก็เลือกเส้นทางนี้ นอกจากยอดเขาหลักๆทั้ง 5 ยอดแล้ว มองไปไกลยังเห็นยอดเขาอีกนับสิบนับร้อยยอดที่ทอดตัวยาวเหยียดไปตามแนวเทือกเขาอันเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 200 ล้านปีก่อน

หลายช่วงของแนวทางเดินเรียงรายไปด้วยแม่กุญแจที่ถูกแขวนล็อคไว้กับราวกันตก ซึ่งเป็นความเชื่อและประเพณีปฏิบัติของชาวจีน ที่หลังจากอธิษฐานขอพรเสร็จก็จะนำกุญแจมาล็อคคล้องแขวนไว้ จากนั้นจึงโยนลูกกุญแจทิ้ง นับวันแม่กุญแจที่ถูกคล้องไว้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของผู้มาเยือน

แล้วเราก็เดินไต่ความสูงมาจนถึงยอดเขาทิศเหนือ แม้จะมีความสูงต่ำสุดในบรรดายอดเขาทั้ง 5 คือ 1,614.9 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากแต่มีความสำคัญที่สุดในบรรดา 5 ยอดเขา เพราะถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ตั้งของวัดซีหยัว (Xiyue) หรือวัดน้ำพุหยก ของลัทธิเต๋า โดยเป็นวัดสำคัญที่นับแต่อดีตฮ่องเต้หลายพระองค์ต้องเดินทางมาบวงสรวงเทพเจ้า ณ วัดแห่งนี้

จากยอดเขาทิศเหนือมองเห็นทางเดินอันหวาดเสียวที่ทอดยาวไปยังยอดเขาอีก 4 ยอด แต่เวลาที่เคลื่อนตัวผ่านทำให้เราจำเป็นต้องเดินทางกลับซีอานก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเพื่อให้ทันกับการขึ้นรถไฟไปซีหนิง เราจึงฝากยอดเขาทั้ง 4 ยอดที่เหลือไว้ให้ขอบฟ้าดูแลต่อไป

การเดินทางด้วยกันเพียง 1 วัน ได้แปรเปลี่ยนความแปลกหน้าให้พัฒนาสู่ความเป็นเพื่อน และหลังจากนี้อีกกว่า 1 สัปดาห์ที่เราจะได้ใช้ชีวิตเดินทางในดินแดนหลังคาโลกด้วยกัน จึงมั่นใจว่าเรื่องราวอันเกิดขึ้นจากการเดินทางจะพัฒนาความเป็นเพื่อนให้กลายเป็นความผูกพัน

ข้อมูลการเดินทางและเข้าชม

จากซีอานที่สถานี North Xian สามารถเดินทางสู่หัวซานด้วยรถไฟหัวกระสุนสาย Xian-Zhengzhou ได้ทุกวันเวลา 8.00 น. ค่าโดยสารคนละ 22 หยวน จากนั้นต่อรถท้องถิ่นไปยังทางเข้าเขาหัวซาน หรือเหมารถจากซีอาน ราคาคันละประมาณ 500 หยวน

เขาหัวซานเปิดให้เข้าชมทุกวัน มีนาคม –พฤศจิกายน เวลา 07.00-19.00 ค่าเข้า 180 หยวน ค่าเคเบิลคาร์ขึ้นไปยังยอดเขาทิศเหนือ 150 หยวน (ไป – กลับ) หรือ 80 หยวน (เที่ยวเดียว) , ธันวาคม –กุมภาพันธ์ เวลา 09.00 – 17.00 ค่าเข้าชม 100 หยวน ค่าเคเบิลคาร์ขึ้นไปยังยอดเขาทิศเหนือ 80 หยวน (ไป – กลับ) หรือ 45 หยวน (เที่ยวเดียว)

ค่ารถรับส่งจากลานจอดรถไปสถานีเคเบิลคาร์ 40 หยวน

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.10 น.

ความคิดเห็น