บันทักการเดินทาง

" ภูทับเบิก...สวรรค์แห่งม่านหมอก "




หลังจากเก็บตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 2 เดือน จากพิษของโควิด....


เป็นความทรมานของคนรักการเดินทาง หลังจากที่เที่ยวเริ่มปลดล็อคทริปนี้เป็นทริปที่กระทันหันแบบสุดตัว เราตัดสินใจและมีเวลาเตรียมและจัดของแค่ 12 ชม.ก่อนออกเดินทางเท่านั้น เราต้องเตรียมทุกอย่างไปเพราะทริปนี้ เราใช้คำว่า "ไปตายเอาดาบหน้า" 


เนื่องจากเราไม่ได้จองที่พัก !!!
เอาเต็นท์ไปกางแต่ไม่รู้จะมีที่กางไหม ?!!!! 
จะมีของกินหรือเปล่า ?!!!! 
เป็นทริปที่ ...เป็น งง.....


เราออกเดินทางเวลาตี 4 เพื่อจะให้ไปถึงภูทับเบิกแต่เช้าด้วยรถยนต์ส่วนตัว 


หลังจากขับตาม GPS มาเรื่อยๆ ก็เข้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เราจอดแวะพักที่ 7-11 ก่อนทางขึ้นภูทับเบิกซื้อของใช้ส่วนตัว ขนม ของกินที่จะเอาไปกินกันคืนนี้

หลังจากเราขับรถขึ้นมาบนภูทับเบิกสักพัก หมอกเริ่มมาทักทายเป็นระยะ

เราเปิดกระจกให้อากาศข้างนอกเข้ามาสัมผัสร่างกายเรา ทันทีที่ความเย็นปะทะหน้าทำให้ความเหนื่อยล้าจากการขับรถหายไปทันทีและทำให้เราอุทานออกมาว่า "ถึงภูทับเบิกแล้วเว้ยยย..."

เราทอดสายตาไปข้างทางสลับกับต้องหันมาจับจ้องโค้งข้างหน้า สายตาก็ไปสะดุดกับหมอกข้างทาง มีรถจอดอยู่หลายคัน เรารีบเลี้ยวเข้าไปจอดทันที
 
นี่หมอกมันอยู่ใกล้เราขนาดนี้เลย ขนาดที่ว่าถ้ามันลอยมาใกล้ เราก็เอามือจับได้ 
เราพักถ่ายรูป เข้าห้องน้ำกันสักพักก็เดินทางต่อ 



9.00 เราก็มาถึง.....

วันนี้เราพักกันที่ไร่ริมผา รถติดมากเรารีบเดินแบกเต็นท์ไปหาที่กาง มองไปมีแต่เต็นท์กางเต็มไปหมด 

พอดีเห็นพี่ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งกำลังพับเต็นท์เก็บ เราจึงไปขอกางต่อจากเขา (ค่ากางเต็นท์ คนละ 80 บาท)


ทำเลดี.........มีชัยไปกว่าครึ่ง เต็นท์ของเราอยู่ติดหน้าผาเลย มองไปสุดลูกหูลูกตา ด้วยความหวังเล็กๆ เช้ามาเปิดเต็นท์และจะได้เห็นหมอกเลย

หลังจากกางเต็นท์เสร็จ ท้องก็เริ่มร้องออกไปเดินสำรวจหาอะไรทานกัน เดินขึ้นเนินมาพอได้หอบนิดหน่อย ก็เจอร้านก๊วยเตี๋ยว โดยที่นั่งทานจะอยู่บนชั้นดาดฟ้า กินเตี๋ยวไปชมภูเขาไป ฟินนน.... 

อิ่มแล้วก็ต้องเดินย่อยกันสักหน่อย เราเดินขึ้นเนินไปอีกจนถึงหอวัดอุณหภูมิและจุดชมวิวที่สูงที่สุดของภูทับเบิก มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์บริเวณนี้เยอะเหมือนกัน เนื่องจากเป็นของวิสาหกิจชุมชน

เดินเล่นถ่ายรูปกันไปสักพัก มองฟ้าอีกทีเห็น ฝนตกมาแต่ไกล เรารีบเดินกลับไปที่เต็นท์ ขนของลงจากรถ ขณะที่กำลังเดินจนสายตาพ้นตัวบ้านพัก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เราต้องรีบเดินอย่างไวเพื่อไปเก็บภาพ ทุกคนรีบออกมาถ่ายรูป คู่กับเมฆฝนตรงหน้าที่ในชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะได้เห็นแบบนี้อีกหรือเปล่า

- ความสวยงามของ....ธรรมชาติ -

ความตลกของนักล่าหมอกแห่งภูทับเบิก......
ทุกคนที่นี่ภาวนาขอฝนกันทุกคน ไม่มีใครกลัวว่าจะเปียก คำทักทายเวลาเจอกันของผู้คนที่นี่คือ เมื่อไหร่ฝนจะตกเนาะพี่   ทุกคนมีความหวังว่าถ้าฝนตกหนักๆ พรุ่งนี้เช้าเราจะได้เจอหมอกที่สวยงาม

มีประโยคนึงที่เราชอบพูดเสมอไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน " เมื่อออกไปสู่ป่าสู่ธรรมชาติ จงอย่านำความคาดหวังไปด้วย" แต่ใช้ไม่ได้กับทริปนี้เลย ในหัวใจเรามันมีความหวังเล็กๆตลอดว่า เมื่อถึงเวลาเช้าเราจะได้เห็นหมอกฟูๆสุดลูกหูลูกตา

เวลาล่วงเลยผ่านไป จนพระอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้า มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เราไม่อยากให้หายไป


- แสงอาทิตย์สีเหลืองทองที่ขอบเขา ลมเย็นที่พัดผ่านหน้าเรา และภาพภูเขาสลับซับซ้อน  -

ถึงเวลาอาหารเย็น เราเอาเตาปิกนิคมาทำไข่เจียว อาหารแสนธรรมดาของเย็นวันนี้

นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กับอากาศ 19 องศา เย็นจนต้องคว้าเสื้อกันหนาวตัวโปรดมาใส่ ฟ้าค่อยๆมืดลงแต่ฝนก็ยังไม่มีวี่แววจะตกลงมา มีแต่ฟ้าแล่บแปล่บๆเป็นสัญญาณเตือน ความหวังที่ว่าจะเจอหมอกตอนเช้าเริ่มหายไป ยิ่งดึกลมเย็นเริ่มพัดมาเป็นระลอก เราบอกลาเต็นท์ข้างๆขอตัวเข้านอนเก็บแรงไว้พรุ่งนี้เช้า


ตกดึก...เราสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงผ้าใบของเต็นท์กระพือแรงมาก แอบรูดซิปเต็นท์ออกไปดูข้างนอก หมอกขาวโพลนไปหมด ลมแรงมาก เสียงเต็นท์ที่ปะทะกับลม เสียงคนข้างเต็นท์รีบออกมาเก็บผ้าใบเต็นท์ตัวเอง ทำให้เราไม่สามารถข่มตานอนได้ใจก็กลัวเต็นท์จะปลิวลงหน้าผาไป

เราเผลอหลับไป สะดุ้งตื่นมาอีกทีเต็นท์ฝั่งที่เรานอนเอนมาเกือบถึงหน้าทำให้เรารีบลุก ไฟในเต็นท์แกว่งไปมาจนเราเริ่มใจไม่ดี ต้องออกไปดูว่าสมอเต็นท์เรายังฝังดินอยู่หรือเปล่า ฝนตกลงมาอย่างหนักจนเกือบเช้า ใจนึงก็กลัวเต็นท์จะปลิว อีกใจก็มีความหวังจะได้เจอหมอกในตอนเช้า


สวัสดียามเช้า...

หลังจากพายุผ่านพ้นไปความเงียบสงบมาเยือน พอลืมตาตื่นสิ่งแรกที่รีบทำคือเปิดเต็นท์ออกไปทันที แต่หมอกก็ยังไม่มา รีบไปล้างหน้าและมาตั้งกล้องรอ

เวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง เริ่มมีหมอกลอยมาไกลๆ และในไม่กี่นาที หมอกเริ่มมารวมตัวกัน คนเริ่มหาที่ตั้งกล้องหามุมเตรียมเก็บภาพความประทับใจในครั้งนี้ พายุเมื่อคืนไม่ทำให้นักล่าหมอกผิดหวัง 

"ทะเลหมอก" ตรงหน้าทำให้เรายืนดูไม่ละสายตาได้หลายนาที จนเกิดคำถามในหัวเราว่า "ทำไมดินแดนแห่งนี้มันช่างสวยงาม พื้นที่ที่เกือบจะเรียกได้ว่าเจอหมอกง่ายที่สุดในประเทศไทย ยอดเขาที่ผู้คนต้องพิชิต 111 โค้งเพื่อขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ใด รูปที่คนอื่นถ่ายสวยแค่ไหนก็ไม่เท่ากับได้เห็นกับตา" 



"ที่พักหลักสิบ...วิวหลักล้าน"




- ขอบคุณการเดินทางที่พาให้เรามาเจอสิ่งสวยงาม -

- ขอบคุณมิตรภาพของเพื่อนนักเดินทางทุกคน -

- ขอบคุณธรรมชาติที่บำบัดจิตใจเรา -


- กลิ่นไอหมอกยังไม่จางหายไป...ภูทับเบิกสวรรค์แห่งม่านหมอก -






ข้าวตูไปไหนอีกเนี่ย

 วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 14.07 น.

ความคิดเห็น