รีวิวสังขละบุรี เมืองแห่งสองวัฒนธรรม ท่ามกลางเขาและสายหมอก

2 วัน 1 คืนจากกรุงเทพแบบไม่มีรถส่วนตัว เช่ามอไซค์ตะลอนทั่วสังขละ


เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่ระบาดในกรุงเทพ ทำให้เรากับเพื่อนต้องหยุดงานและกลับไปอยู่บ้าน 3 เดือน และเมื่อได้รู้ว่ากันยาจะกลับไปทำงาน + โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็เลยรีบวางแพลนกับเพื่อนว่าก่อนที่จะถึงวันที่ 1 กันยาที่ต้องกลับไปทำงานเราต้องได้ไปเที่ยว และก็คือต้องไปแค่คืนเดียวทำให้ในหัวคิดออกแต่กาญจนบุรี ก็เลยตกลงไปกาญ ไปเที่ยวกาญจนบุรีอีกครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่สอง ครั้งแรกตอนปี 2016 ไปนอนเต้นท์ริมแม่น้ำตรงอุทยานแห่งชาติเอราวัณมาแล้ว และจุดหมายในครั้งนี้คือเมืองแห่งสองวัฒนกรรมอย่าง “ สังขละบุรี “ นั่นเอง

ด้วยความที่อยากใช้ส่วนลดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็เลยต้องรีบจองที่พัก ที่พักที่เดียวที่เหลือในวันนั้นที่เราจะไปคือ หอมหมื่นลี้รีสอร์ท เราเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ 

และนี่ก็เป็นรีวิวที่ 8 ของเราแล้ววว ...


29 AUG 2020

เราแพลนกับเพื่อนไว้ว่า จะตื่นมาตี 3 และตี 4 จะต้องออกจากหอแล้ว เพื่อขึ้นแท๊กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้นคือ ไม่มีใครตื่นตอนตี 3 แล้วมาตื่นกันตอนเกือบหกโมง ต่างคนต่างรีบเข้าห้องน้ำและแต่งตัว 55555

แล้วก็รีบออกมาเรียกแท็กซี่ ไปหมอชิตครับลุง ซิ่งเลยครับบบบ

ประมาณ 6 โมงครึ่ง เรามาถึงสถานีขนส่งหมอชิต แล้วรีบไปซื้อตั๋วรถตู้ไปกาญฯ ช่องที่ขายตั๋วไปกาญฯ จะอยู่ที่ช่อง D มีหลายช่องเลย เลือกได้เลยว่าจะไปกับรถตู้หรือมินิบัส

ประมาณ 7 โมง รถออกจากหมอชิตมุ่งหน้าไปกาญฯ

ผ่านไปประมาณชั่วโมงนิดๆ รถก็แวะพักตรงปั๊มน้ำมัน ด้วยความหิวที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย ก็เลยซื้อขนมครก แล้วแบบอร่อยมากกกกกก ชอบบบบบบบบบบ

ใช้เวลาอยู่บนรถตู้ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง เราก็ไปถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรี เจอกันอีกแล้วน่ะ นี่ครั้งที่สองแล้วววว

รีบเดินไปหาจุดซื้อตั๋วไปสังขละบุรี เราเลยถามคนแถวนั้นว่าตั๋วรถตู้อยู่ตรงไหน มันมีรถบัสแบบไม่ปรับอากาศ แต่ด้วยความที่รีบก็เลยก็เลยต้องรถตู้เท่านั้น

ไปถึงตรงขึ้ันรถตู้ก็รีบไปซื้อตั๋ว แล้วนั่งรอรถออกแป๊ปหนึ่ง

พอ 10 โมงครึ่ง รถก็ออกจากสถานีขนส่ง มุ่งหน้าไปยังสังขละบุรี ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง รถพาเรามาถึงจุดพักรถก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าไปยังสังขละบุรี ณ ตรงนั้น ถ้าไปตรงคือไปอีต่องปิล๊อก เจอกันทริปหน้าน่ะ จดไว้ในลิสท์แล้วววว

หลังจากพักรถประมาณ 10 นาทีก็เริ่มเดินทางต่อ

จนสุดท้าย ประมาณบ่ายโมงเรามาถึงสังขละบุรี ถึงแล้ววว นั่งรถตู้มารวม ๆ เกือบ 7 ชั่วโมง คือเหนื่ออยู่น่ะ

พอไปถึง ก็รีบโทรไปหาลุงเจ้าของมอไซค์ที่จะเราจะไปเช่ามอไซค์ เพราะก่อนถึงวันที่จะมาเที่ยวนี้ เราได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการเช่ามอร์ไซค์และได้โทรไปคุยล่วงหน้าแล้ว

สักพักคุณลุงก็มารับเรากับรถซาเล้ง พาไปบ้านลุง เพราะต้องไปเอามอไซค์ที่นั่น

พอได้มอไซค์ ก็ขับตรงไปยังที่พักเลย เพราะจะไปเช็คอินก่อน แล้วค่อยออกมาเที่ยว

หน้าที่พักเป็นวิวเขาซึ่งสวยมาก ก็เลยจอดมอไซค์แวะถ่ายรูปก่อนสัก 1 แมท

ถ่ายเสร็จก็รีบขับต่อไปข้างในตัวรีสอร์ทเลย เช็คอินเสร็จก็เข้าไปในห้อง ไปล้างหน้า ทำธุระส่วนตัว ชาร์ตแบต และให้เวลาพักผ่อน 1 ชั่วโมง

หอมหมื่นลี้ รีสอร์ท รีสอร์ทที่ล้อมไปด้วยต้นไม้

โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการมาเที่ยวสังขละบุรีแบบกระทันหันในครั้งนี้ เลือกที่นี่เพราะเป็นที่เดียวที่ว่างในวันนั้นที่เราจะไป ที่พักตั้งอยู่ช่วงเลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองสังขละบุรี เป็นสไตล์บ้านไทย ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ บริการดีมากกกกกกกกกกกก

แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะขี่มอไซค์ออกมาตะลอนสังขละ ...

แน่นอนเลยจุดแรกที่เราจะไปก็คือสะพานมอญ ทางผ่านกว่าจะไปถึงสะพานมอญก็มีที่เที่ยวอื่นให้เราได้หยุดถ่ายรูปหลายที่มากอยู่น่ะ

แล้วก็ขับไปอีกเรื่อย ๆ เลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเข้าไปยังสะพานมอญ แต่เราขับไปตรง จะเป็นทางไปเจดีย์พุทธคยา เมืองบาดาล วัดวังศ์วิเวการาม แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปจุดเหล่านี้เลย แล้วก็ย้อนมาตรงสะพานมอญ แค่ไปดูเฉย ๆ เพราะเราตั้งใจจะมาพรุ่งนี้เช้า แล้วก็ขี่มอไซค์ออกมาจากตรงนั้น ถามว่าขับไปไหนต่อ บอกเลยไม่มีแพลน 55555 ขับไปเรื่อยๆ ตามป้ายเลยยย แล้วก็มาหยุดตรงสะพานซองกาเลีย

สะพานซองกาเลีย

หากเราขับรถไปเพื่อจะไปเที่ยวตามที่เที่ยวอื่น ๆ ในสังขละบุรี เช่น เมืองบาดาล เราก็ต้องขับรถผ่านเส้นนี้ แล้วเราจะเจอกับสะพานในประวัติศาสตร์อีกสะพานหนึ่งของเมืองสังขละบุรีอย่างสะพานซองกาเลีย สะพานที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 2527 ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิว เพราะจะเห็นตัวสะพานมอญเป็นอย่างดี

แล้วก็ขับรถมาต่อ เห็นป้ายสถานที่อะไรก็ไปตามป้าย แล้วเราก็เลี้ยวซ้าย พอขับไปเรื่อย ๆ เห็นเป็นน้ำตกเล็ก ๆ ซึ่งตรงนั้นคือ จุดเล่นน้ำซองกาเรีย แล้วเราก็หยุดตรงนี้แป๊ปหนึ่ง

ห้วยซองกาเรีย

หากขับรถไปด่านเจดีย์สามองค์ จะผ่านห้วยซองกาเรียหรือจุดเล่นน้ำซองกาเลียนั่นเอง บรรยากาศซุ้มแพริมน้ำ ที่น้ำใสชนิดเห็นปลา แหวกว่ายไปมาใต้น้ำ และยังมีร้านอาหาร สามารถมานั่งกินบนแพ และเล่นน้ำไปด้วยก็ได้

สักพักเราก็ขับมอร์ไซค์ไปต่อเรื่อย ๆ แล้วเห็นป้ายเจดีย์สามองค์ ก็เลยขับไปต่อ พอไปถึงเห็นด่านก็หยุด เพราะต้องโดนตรวจแน่ ๆ กลัวมีปัญหาก็เลยขับย้อนกลับไป เรากับเพื่อนลองขับย้อนกลับไปตรงทางเขาก่อนที่จะมาถึงตัวเมือง เราขับเท่าที่เรากล้า 555

ถนน

ด้วยความที่เป็นคนชอบเขา และจะอินกับถนนแนวเขามาก ชอบเวลาขึ้นลงเขาและเลี้ยวไปมา บวกกับเห็นต้นไม้เขียว ๆ ซ้ายขวา มองไปข้างบนเป็นท้องฟ้า ก่อนจะเข้าสู่เมืองสังขละบุรีเราจะต้องผ่านเส้นเขาแบบนี้เลย เราชอบมากเลยยย

หลังจากนั้นก็ขับกลับเข้ามาในเมือง ขับไปเรื่อย ๆ ไปเจอจุดชมวิวจุดหนึ่ง ที่เป็นที่พักบนแพ และตรงนั้นจะเป็นจุดทฝั่งขวาจะเห็นวิวสะพานมอญ เราอยู่ตรงนั้นจนพระอาทิตย์ตก วิวสวยมากเลยยย

ชมวิวยามเย็น ริมแม่น้ำซองกาเลีย

จากสะพานแดง ขับรถขึ้นไปอีกข้างบนจะเป็นจุดชมวิวและที่พักแบบแพ ซึ่งฝั่งขวาจะเห็นเป็นวิวสะพานมอญ และจะเป็นวิวพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย

แล้วก็ขอถ่ายตัวเองสักหนึ่งแมท

คือเพื่อนก็ไม่ยอม ขอด้วยยย

พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ววววววว

แล้วก็ขับออกมาไปหาร้านข้าว และเข้าไปกินในร้านๆ หนึ่งแถวเซเว่น สั่งข้าวผัดหมึกไป แล้วคือถูกมาก 30 บาทเองงงงงงงง

พอกินข้าวเสร็จก็ไปเข้าเดินในตลาดคนเดิน ได้น้ำโกโก้กับไก่ทอดมา ตั้งใจจะไปกินที่รีสอทร์ท อีกสิ่งหนึ่งที่ได้มาแบบไม่คิดว่าจะได้คือแว่นตา โดนป้ายยาแรงมาก สุดท้ายก็ซื้อ 5555

เดินในตลาดจนประมาณ 2 ทุ่มก็ขับมอไซค์กลับที่พัก

พอถึงที่พัก ก็อาบน้ำ แล้วนอนพักผ่อนแป๊ปหนึ่ง แล้วก็ออกมานั่งกินข้างนอกตรงเก้าอี้ใต้ต้นไม้ ที่รีสอร์ทกลางคืนคือคึกคักมาก ทางรีสอร์ทสามารถจัดเซ็ทหมูุกะทะหรือไก่กะทะได้ แจ้งตอนเช็คอิน แต่เราไม่ได้สั่งอันนี้ เห็นคนอื่นกินก็คือหิวด้วย 55555

Explore รีสอร์ทในยามค่ำคืน

วิวกลางคืนก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวัน ได้ยินเสียงแมลงบ้างเล็กน้อย นี่คงเป็นเสน่ห์ของที่พักที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้

ต้องถ่ายตัวเองบ้างงง

เพื่อนก็คืออยากถ่ายด้วยยย

จนประมาณ 3 ทุ่มกว่าเราก็เข้าไปนอน วันแรกก็จบกันที่ตรงนี้ Good Night


30 AUG 20203

เวลาไปเที่ยว ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม จะตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาตอนตี 5 รอบนี้ก็เหมือนกัน ตั้งใจจะตื่นมาดูวิวตอนเช้า แต่พอเปิดประตูออกมา เห็นหมอกเต็มไปหมด ชอบมากกก แต่ก็หนาวมากด้วย เลยไปทำกาแฟกิน 

ประมาณ 5 ครึ่งเราก็ขับมอไซค์ออกไป

พอขับมอไซค์ออกมาถึงหน้าถนนใหญ่เท่านั้นแหล่ะ หมอกเต็มไปหมดเลย ชอบมากกกกกกกกก เลยหยุดแวะถ่ายรูปแป๊ปหนึ่ง คือเราชอบอะไรแบบนี้มากจริง ๆ

แล้วก็รีบขับรถไปกลัวไม่ทันหมอก ...

ขับไปถึงสะพานมอญแล้วแบบ สวยมากกก เราชอบหมอกแบบนี้มากเลยยยย

ให้ภาพเล่าเรื่องเลยล่ะกัน

สะพานมอญ

The traditionally wooden bridge " Mon " สะพานมอญ หรือชื่อเต็มคือสะพานอุตตมานุสรณ์ เป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร สร้างเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เชื่อมการสัญจรระหว่างเขตมอญกับเขตสังขละบุรีให้ถึงกัน สะพานมอญยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ และแสงยามเช้าที่สวยงาม พร้อมสัมผัสวิถีชาวบ้านกลางสายหมอก

Photoshoot ต้องมาแล้วววว

เพื่อนก็ไม่ยอมให้เราถ่ายคนเดียวอ่ะ แต่คือเพื่อนถ่ายนิดเดียว 555555


สะพานแดง

ข้าง ๆ สะพานมอญ ก็คือสะพานแดง เป็นอีกสะพานสำคัญของสังขละบุรี เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างฝั่งชุมชนในตัวเมืองสังขละบุรีกับฝั่งชุมชนที่ติดกับสะพานมอญ เราสามารถใช้สะพานนี้เป็นทางเชื่อมในการไปสะพานมอญได้

อยู่ตรงนี้จน 7 โมงกว่า แล้วก็ขับรถไปที่สะพานซองกาเลียอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้น 7 โมงครึ่งแล้ว แต่หมอกก็ยังหนาอยู่เลย สวยมากจริง ๆ 

แล้วก็ขับรถไปตรงคิวรถ เพราะตั้งใจจะไปถามข้อมูลก่อนว่ารถออกกี่โมง พอไปถึงคิวรถ คือด้วยความที่ว่า มากับรถตู้แล้ว ก้เลยจะกลับกับมินิบัส ซึ่งมินิบัสรอบที่เหลือมี 8.30 กับ 13.00 ทำให้เราต้องเลือกรอบ 8.30 และนั่นทำให้เราต้องรีบกลับห้อง เพราะมีเวลาเหลือน้อยมากกกกก

พอกลับถึงที่พักก็แจ้งเขาว่าจะเช็คเอ้าท์ตอน 8.15 เขาก็รีบไปเตรียมอาหารเช้า ส่วนเราก็รีบเข้าห้อง

พอจัดของอะไรเสร็จออกมาพอดีอาหารเช้ามาเสริฟ เสียดายมากเลยที่ต้องกินแบบรีบ โจ๊กแบบดีมากกกกกกกกกกกกก

แล้วก็รีบไปเช็คเอ้าท์ และรีบขับมอร์ไซค์ไปคืน จริง ๆ ตอนคืนเราต้องไปเติมน้ำมันให้เต็มถังด้วยน่ะ แต่ด้วยความที่ไม่มีเวลา เลยไม่ได้เติมแต่บอกลุงเจ้าของมอไซค์ว่าเดี๋ยวจ่ายเงินแทน

ทางไปคืนมอไซค์คือผ่านคิวรถ เลยหยุดแจ้งคนขับว่าไปคืนมอไซค์ก่อนแป๊ปหนึ่ง แล้วก็ไปถึงบ้านลุง ก็จ่ายค่าน้ำมันไป 60 บาท แล้วลุงก็รีบพาเรามาส่งที่คิวรถ กับรถซาเล้งของลุง บอกเลยว่าลุงบริการเราดีมากกกกก ตอนยืมรถก็มารับ ตอนคืนรถก็มาส่ง

พอมาถึงคิวรถก็รีบขึ้น สักพัก 8.30 รถก็ออก หืออออ บ๊ายบาย ไปแล้วน่ะสังขละบุรี


พอมาถึงคิวรถก็รีบขึ้น สักพัก 8.30 รถก็ออก หืออออ บ๊ายบาย ไปแล้วน่ะสังขละบุรี

รถแวะจอดตรงจุดพักรถ

เวลาผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรี

ตอนนั้นไม่รู้ว่านี่คิดอะไรอยู่กับเพื่อน อยู่ดี ๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่านี่คิดอะไรอยู่กับเพื่อน อยู่ดี ๆ ก็พูดว่าอยากกลับกับรถไฟและอยากไปถ่ายรูปที่สะพานแควอีกครั้ง ก็เลยเรียกแกร๊บ

แต่พอไปถึงสะพานแควคือแดดร้อนมากจริง ๆ ก็เลยรีบกินข้าว ถ่ายรูป แล้วก็ตัดสินใจเรียกแกร็บกลับสถานีขนส่ง เพราะคิดว่าคงไม่ไหวแน่นอนถ้าต้องกลับกับรถไฟ

มาถึงสถานีขนส่งก็รีบซื้อตั๋ว ได้ตั๋วบ่าย 2 นั่งรอสักพักก้ได้ขึ้นรถ เป็นรถมินิบัสเหมือนกัน

แล้วเราก็มาถึงสถานีบีเอสหมอชิตตอนเววลาประมาณ 5 โมงครึ่ง แล้วก็กลับหอพัก

ทริปนี้ก็คือจบตรงนี้ ... 


Sangkhlaburi เป็นอีกอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นอำเภอที่เป็นดินแดงแห่งสองวัฒนธรรม ที่มีเขตติดกับรัฐมอญและกะเหรี่ยง เมืองเล็ก ๆ ที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งเขาและหมอกในตอนเช้า และความน่ารักของผู้คน บวกกับสถานที่เที่ยวต่าง ๆ สายเที่ยวต้องมาแล้ววว

ปล. ในสังขละบุรีมีสถานที่เที่ยวอีกหลายที่มากที่เราไม่ได้ไป เช่น เมืองบาดาล เจดีย์พุทธคยา วัดวังศ์วิเวการาม เจดีย์สามองค์ แล้วถ้าหากขับรถมาเอง ก็ยังสามารถย้อนไปเที่ยวตรงอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งมีที่เที่ยวที่น่าไปมาก ๆ เช่น จุดชมวิวป้อมปี่ เขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลม น้ำตก เหตุผลที่เราไม่ได้ไปคือเราไปกับรถตู้แล้วไปเช่ามอไซค์ที่นั่น ซึ่งมอไซค์ที่เช่าเป็น Honda Click มันจะมีช่วงทางเขาที่ชันมากที่เราคิดว่ามอไซค์คันนี้ไม่น่าไหว บวกกับมีจุดตรวจ ซึ่งเราไม่อยากผ่าน เรากลัวจะมีปัญหา 55555


ค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่ากิน)

58 - ค่าแท๊กซี่จากที่พักไปสถานีขนส่งหมอชิต ราคาเต็ม 116

120 - ค่ารถตู้จากสถานีขนส่งหมอชิตไปสถานีขนส่งกาญจนบุรี

175 - ค่ารถตู้จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี ไปสังขละบุรี

100 - ค่าเช่ามอไซค์ ราคาเต็ม 200

30 - ค่าน้ำมัน ราคาเต็ม 60

175 - ค่ารถตู้จากสังขละบุรี ไปสถานีขนส่งกาญจนบุรี

35 - ค่าแกร๊บจากสถานีขนส่งกาญจนบุรี ไปสะพานแคว

35 - ค่าแกร็บจากสะพานแคว กลับสถานีขนส่งกาญจนบุรี

120 - ค่ารถตู้จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี ไปสถานีขนส่งหมอชิต

33 - ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีจัตุจักร ไปสถานีเพชรบุรี

14 - ค่าเรือจากสถานีอโศก ไปสถานีรามคำแหง 53

234 - ค่าที่พัก ราคาเต็มของห้องก่อนได้รับส่วนลด 40% จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันคือ 1,024 ส่วนลดที่ได้คือ 428 ราคาสุดท้ายที่เราต้องจ่ายคือ 702 บาท ซึ่งตกคนละ 234 บาท (ที่เห็นในทริปไปกันแค่ 2 คนเพราะน้องอีกคนต้องแคนเซิลกระทันหัน เลยไม่ได้ไปด้วย)

รวมตกคนละ 1,129 บาท


ขอบคุณน่ะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้า !!!

GO WITH AUSZZ

 วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.56 น.

ความคิดเห็น