No.๑๑ บันทึกการเดินทาง 

พังงา - ภูเก็ต (นางชี – ทิ้งตะวัน)
๒๓ – ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๓

๑.หน้าหนาว – ลมหนาว

      เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้สายการบินทั้งในประเทศและนอกประเทศทุกสายการบิน ถูกเลื่อนเที่ยวบินออกไป การจับจองตั๋วข้ามปีตั้งแต่ต้นฤดูหนาวปีที่แล้ว ด้วยโปรโมชั่นสุดเดือดตั๋วเดินทางไป-กลับด้วยมูลค่าเพียงสี่ร้อยบาทนิด ๆ เมื่อรวมภาษีแล้ว เราเลือกสายการบินยอดนิยมที่เจ้าหน้าที่มีชุดสีแดงบนเครื่องให้บริการ ก็ถูกเลื่อนจากแผนฤดูร้อนในช่วงของต้นปี กลายมาเป็นปลายฤดูฝนแต่มีลมหนาวในช่วงปลายปีแทน

๒.สวัสดีปักษ์ใต้

“สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร ผมกัปตัน...ขณะนี้ท่านอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ สามหมื่นหกพันฟุต หรือประมาณ สิบเอ็ดกิโลเมตร สายการบินแอร์เอเชียมุ่งหน้าสนามบินภูเก็ต จะถึงในอีก ๒๐ นาที อุณหภูมิภาคพื้นดินประมาณ ๒๗ องศาเซลเซียส อากาศดีกำลังสบายเลยนะครับ”..... เสียงนุ่มทุ้มดังผ่านลำโพงก่อนเครื่องจะ landing ก่อนเวลาที่ตารางกำหนด ๑๕ นาที มาถึงยังสถานที่ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเสียนาน

“บริการอันดับ 1 ต้นรถเช่าภูเก็ต” รถเช่าที่ได้รับการบอกต่อมาจากสหายของเพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ ที่เราเลือกใช้บริการ ๑,๒๐๐ บาท เป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายในช่วงเทศกาล และเพียง ๘๐๐ บาทในช่วงเวลาวันทั่ว ๆ ไป (ถ้าเจ้าของมาเห็นครั้งต่อไปขอส่วนลดด้วยนะครับ) แลกกับ vios ปี ๑๔ ที่จะพาเราไปยังจุดหมายแบบสบาย ๆ ไม่ต้องร้อน ไม่ต้องเปียก (หากอยู่ในรถ)

๓.สุสานทะเลรัก

      เมืองภูเก็ตยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้แตกต่างไปจากการมาเยือนครั้งก่อนเท่าไหร่นัก แต่ก็นับว่าแปลกตาไปมากอยู่พอสมควร สถานที่แรกที่จะต้องผ่าน ก่อนไปยังจุดหมายหลักในแผนที่วางไว้ สะพานเชื่อมจังหวัดพังงากับภูเก็ต สถานที่เป็นตำนานของความรักที่แตกต่างกันของชาติตระกูล อุปสรรคที่ถูกกำหนดให้ โกดำ และ กิ๋ว มิอาจสมหวังเหมือนคู่รักคู่อื่นทั่วไป ทำให้ทั้งสองเลือกตัดสินใจอำลาจากโลกแห่งความจริงไปพร้อมกัน ณ สะพานแห่งนี้ เรื่องราวกลายเป็นตำนานถูกเล่าขานสืบต่อกันมา

      แดดแก่ที่เริ่มแสบผิว ผสมกับลมที่พัดเอาไอเย็นของทะเลในช่วงเวลาก่อนเที่ยง ทำให้เกิดความรู้สึกสงบเงียบอย่างแปลกประหลาด แต่ก็ยังรู้สึกประทับใจทุกครั้งที่มาเยือนยังที่แห่งนี้ อาจจะเพราะเรื่องราวที่ได้สดับรับฟัง เกี่ยวกับความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวและบรรยากาศที่เป็นใจ

๔.nangshe

       ระยะทางประมาณ ๕๐ กิโลเมตร จากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต มายังจุดหมายเสม็ดนางชี อีก ๑ แลนด์มาร์คที่หมายมั่นตั้งใจไว้ บนถนนคอนกรีตที่มอเตอร์ไซค์ขับได้ รถยนต์ขับสบาย ใช้เวลาเพียง ๑ ชั่วโมง ด้วยคันเร่งแบบชิวๆ

      สำหรับการมาที่นี่ หากต้องการจะนอนค้าง เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า สัมผัส ซึมซับภาพของธรรมชาติที่สร้างขึ้น เมื่อมองออกไปไกลสุดสายตา วิวอ่าวพังงาอยู่เบื้องหน้า พร้อมความเขียวสดของใบโกงกางดูชุ่มชื่นรื่นตา ทอดยาวติดริมฝั่งไปไกลริบ ถัดออกไปคือ น้ำทะเลสีออกเขียวมรกตเมื่อถูกแสงแดดสาดส่องตกกระทบ ห้อมล้อมรอบภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ที่เรียงรายไกลสุดขอบน้ำ เป็นเสมือนบริวารของภูผาหนึ่งที่เป็นจ่าฝูงสูงเด่นเป็นสง่า คล้ายครีบหลังของฉลามที่โผล่พ้นน้ำ (สำหรับเราอะนะ) ตั้งตระหง่านรอรับแสงอรุณที่จะขึ้นตรงช่องเขาให้เห็นแสงสีทองในยามเช้า

จากที่บอกไปเบื้องต้นหากต้องการมานอนค้างเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งก็จะมีที่พักอยู่หลายจุด และถ้าหาข้อมูลจากใน web ต่าง ๆ ที่ระบุข้อมูลให้ชัดเจนนั้นช่างมีน้อยนิด เราก็เลยไปสอบถามชาวบ้าน ที่ชุมชนตรงท่าเรือบ้านหินร่มได้ความว่า ที่พักเพื่อชมวิวเสม็ดนางชี นั้นมีหลายที่แต่ที่จะเห็นได้ชัดบริเวณนี้ ที่รู้ ๆ มี ๓ แห่ง

๑.เสม็ดนางชีบูติค ๒.เสม็ดนางชี at hill (ที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี) ๓.จุดชมวิวอ่าวโต๊ะหลี

๔. sametnangshe at hill

      ๑๔.๐๐ น.ฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนฝนกำลังมา ตัดสินใจขับรถเข้าที่หมาย ณ เสม็ดนางชี at hill จอดรถยังที่ทำการตรงบริเวณตีนเขา ซื้อตั๋วรถขาขึ้นและลง เพื่อไปยังที่พักด้านบน ณ จุดชมวิวเสม็ดนางชี พร้อมค่าธรรมเนียมแรกเข้า รวมแล้วคนละ ๙๐ บาท เต็นท์ราคา ๔๕๐ บาทสำหรับ ๒ คน นั้นเราจองผ่าน Line ของที่พักมาก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนนอกจากเต็นท์ก็ยังมีบ้านแบบกระต๊อบพร้อมพัดลม ในราคา ๗๐๐ บาท (ซึ่งก็เต็มไปแล้ว) รถสองแถวเมื่อคนขึ้นเต็มคัน ก็จะพาเหล่านักท่องเที่ยวขึ้นมายังจุดชมวิวด้านบน และรอบของเราก็มาพร้อมกับฝนห่าใหญ่ ที่ตามกันมาติด ๆ เล่นเอาชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว

เนื่องจากเป็นวันหยุดผู้คนต่างหลั่งไหลขึ้นมา เพื่อชมความงามที่จุดชมวิวแห่งนี้ มีทั้งที่มาพักค้างคืนและ ขึ้นมาเพื่อชมและกลับลงเลย ทำให้ความสงบที่ควรจะมีนั้นได้หมดไป ซึ่งขัดแย้งกับฉากของธรรมชาติเบื้องหน้าที่ยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหว อาหารเที่ยงอย่างง่ายที่เรากางเมนูสั่งพร้อมกับราคาที่สูงพอสมควร ต้มยำรวมทะเล และ หมึกทอดกระเทียม ในรูปแบบของกับข้าว เมนูละ ๒๕๐ บาท พร้อมข้าวเปล่าจานละ ๓๐ บาท แต่เมื่อได้ลองลิ้มรสกับอาหารแล้ว ยอมจ่ายเพราะหมึกทอดกระเทียมเลยนะ

เวลาเดินไปอย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับกิจกรรมที่มีเพียงแค่การถ่ายรูป เราคาดการณ์ผิด ใช้เวลาบนนี้นานเกินไป (อันที่จริงเราน่าจะขับรถไปเที่ยวที่อื่นใกล้ ๆ ก่อนแล้วค่อยขึ้นมาก็ได้ เพราะที่นี่รถนั้นมีบริการจนถึงดึก) กว่าเสียงจอแจของผู้คนจะผ่านหายไปพร้อม ๆ กับแสงทิวาที่ลาลับ หากจะนึกให้เห็นภาพคงคล้าย ๆ กับวันแรกของการเปิดเทอมตอนเข้าห้องเรียน และจะสงบลงเมื่อคุณครูประจำชั้น ย่างเท้าก้าวเข้ามา

เพียงแสงอาทิตย์นั้นจากจร ความเงียบโคจรเข้าแทนเสียง
ลมเย็นพัดโชยมาพร้อมเพียง กับเสียงการ นมาซ บอกยาม มัฆริบ ที่แว่วดัง
ความสงบเพียงชั่วครู่คงพอพบอารมณ์สุข ปล่อย ละ วาง สิ่งที่ทุกข์ ที่ผิดหวัง
เพียงสูดลมเข้าปอด หลับตาชาร์ตพลัง แม้จะเพียงครู่เดี่ยวเท่านั้นคุ้มค่าจริง

๕.เช้าวันใหม่

      นิทราถูกปลุกจากเสียงจอแจของกลุ่มนักท่องเที่ยงที่เริ่มทยอยขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น บนจุดชุมวิวเสม็ดนางชีแห่งนี้ วิวทิวทัศน์แบบมองแนวประมาณ ๔๕ องศาลงไปยังอ่าวพังงา...อุตุนิยมวิทยารายงานว่าพระอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ ๐๖.๑๔ นาที

      ตามคำบอกเล่าของคุณลุงท่านหนึ่งบอกว่า “ที่แห่งนี้ หากวันใดฟ้าเปิดและสดใสแล้วหละก็ ยามพระอาทิตย์ขึ้นตรงช่องเขา จะทอแสงสีทองสวยงามสุดประมาณ จนคนที่มาชมต้องติดใจไปทุกราย แต่หากวันใดฟ้าหม่นไม่เป็นใจ วิวภาพเบื้องหน้าที่เห็นจะเป็นเพียง วิวภูเขาท้องฟ้าธรรมดาทั่วไป และในครั้งนี้เราก็พบกับ“ ท้องฟ้าทั่วไป “ ที่มีแสงอาทิตย์สีทองๆนิดๆ แต่ก็นับว่าสวยไม่น้อยเลยทีเดียว

      สำหรับมื้อเช้า เราฝากท้องกับร้านติ่มซำแบบฮาลาล นามว่า ระฟ้า อยู่แถว ๆ โคกกลอยในจังหวัดพังงา รสชาติอร่อยใช้ได้ราคาเป็นมิตร หลังจากถ่ายรูปกับแสงแรกยามเช้า และชิงหนีลงก่อนที่นักท่องเที่ยวท่านอื่น ๆ จะออกันลงมา  
       แต่ก่อนจะมากินมื้อเช้า เราได้แวะท่าเรือบ้านหินร่มซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวเสม็ดนางชี ที่นี่เป็นจุดลงเรือสำหรับเที่ยว ไปยังเกาะต่าง ๆ ของพังงาอีกด้วย ซึ่งมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหินร่มเป็นผู้ดูแล บริเวณที่แห่งนี้ยังสามารถเห็นวิวอีกมุมหนึ่งของขุนเขาแห่งอ่าวพังงา และยังมีสะพานไม้สำหรับเดินไปลงเรือ ที่เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยอีกมุมหนึ่ง

๖.จุดสนใจ

      หลังจากเปลี่ยนความสบายเป็นสายแว้น เพื่อลดต้นทุนการเดินทางเหลือ ๒๐๐ บาท ที่ต้นรถเช่าเจ้าเก่า เราก็พบกับสายฝนที่ตกต้อนรับตลอดทางอันยาวไกล ความชุ่มฉ่ำเปียกปอนมิอาจหยุดยั้งเราได้ สิ่งที่ต้องจดจำ จนไม่บันทึกไว้ก็ไม่ได้คือ การตามหา Silica Gel (สารดูดความชื้น) ซึ่งหายากพอ ๆ กับเงินที่มาเที่ยว แล้วตามหาทำไมล่ะเหรอ...
      ก็เพราะเจ้ากล้องเพื่อนยากที่อยู่ในกระเป๋านั้นตากฝนมาด้วยกันตลอดทาง กลัวว่าจะต้องมาจากโลกนี้ไปพร้อม ๆ กับทริปนี้นั่นแหละ ซึ่งก็กว่าจะหากันจนเจอก็กลายเป็นจุดสนใจไปแล้ว ก็เล่นใส่ชุดกันฝนเดินตามหาในห้างใหญ่อย่างโฮมโปร คุณเคยใส่ชุดกันฝนเข้าห้างไหม (แต่นั่นหนะสิใส่เข้าไปทำไม)

๗.วัดก็เข้า เหล้าก็กิน

      การเดินทางไปยังที่ที่ไม่คุ้นชิน เราก็จะอาศัย google Map เป็นเครื่องนำทาง แต่ในสภาวะที่ฝนตกเช่นนี้ก็อาจจะลำบากในการหยิบขึ้นมาดู แต่นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่เราใช้ คือการเปิด google map แล้วเสียบหูฟังทิ้งไว้ให้มันก็จะคอยบอกเส้นทางให้เราได้ยิน แต่ยังมีอีกวิธีที่สามารถทำได้โดยไม่เปียก คือ “ขับรถยนต์”

      วัดฉลอง หรืออีกชื่อที่เรียกกันเต็มๆ ว่า “วัดไชยธาราม” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของภูเก็ต หากใครแวะเวียนเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต ก็ต่างจะเข้ามากราบสักการะ “หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง” ด้วยทั้งเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ กิตติศัพท์คุณงามความดีต่างๆ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก นอกจากหลวงพ่อแช่มแล้วยังมีหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งก็เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านเช่นกันอีกด้วย โดยท่านทั้งสามประดิษฐาน ณ ภายในวิหารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม

      นอกจากนี้ยังมี พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกา ศิลปะอันงดงามตั้งสูงใหญ่เด่นสง่ามองเห็นแต่ไกล ก็อยู่ภายในวัดด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเรามาเยือนยังถิ่นภูเก็ต ก็เลยขอแวะกราบนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองสักหน่อย

๘.อาหารใต้เจ้าเด็ด

      หลังจากฝนได้หยุดตกไปนานแล้ว ร้านอาหารมีชื่อที่ เพื่อนๆ พี่ๆ tie-in ว่าเป็น Traditional ขนาดมิชลินไกด์ยังแนะนำให้มาลอง เราก็เลยจัดให้ไปอยู่ในแผนเมนูมื้อเที่ยง กว่าจะได้ลิ้มลองก็ปาไปเกือบ บ่ายสามโมงเย็น กับคิวที่รอถึง ๒๐ คิว
      “หมอมูดง” ร้านอาหารเรื่องชื่อของชาวภูเก็ต มีอายุยาวนานมากถึง ๒๐ กว่าปี ที่ต้องแวะมาโดนให้ได้สักครั้ง เมนูที่เราสั่งก็มีแกงส้มผักรวมปลามง ปลามงทอดน้ำปลา (อันนี้ถือว่าชอบสุดใน ๓ เมนู) และปิดท้ายด้วยปลาทูยัดไส้ ในราคาตัวละ ๗๐ บาท ที่นำเนื้อปลามาผสมกับพริกแกง และยัดกลับเข้าไปในตัวปลาก่อนนำไปทอด รสชาติจะออกคล้ายทอดมันแต่ก็มีกลิ่นเครื่องแกงคล้ายห่อหมกด้วย นับว่ารสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยสมการรอคอย แต่ด้วยมาช่วงบ่ายแล้วอาหารบางเมนูก็ได้หมดลงไปก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรสชาติอาหารจะออกติดเค็ม ๆ หน่อย อาจจะเพราะเป็นปลาทะเล แต่พอกินกับข้าวเปล่าแล้วหละก็ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

ปล.ปลาทูยัดไส้โทรศัพท์แบตหมด

๙.ทิ้งตะวัน

      อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของทริปนี้ นอกจากจะเก็บตะวันตอนขึ้นที่เสม็ดนางชีในช่วงเช้าไปแล้ว เราจะตามติดตะวันดวงเดียวกันไปทิ้งน้ำอีกด้วย 

      อุตุนิยมวิทยารายงานว่า พระอาทิตย์จะตกในวันนี้เวลาประมาณ ๑๘.๐๗ น. เพราะฉะนั้นทำให้เราเปลี่ยนแผนจากการเข้าที่พัก Centara Grand Beach Resort Phuket ที่ได้จับจองจยได้ราคาที่ถูกใจตามโปรโมชั่นเมื่อหนาวที่แล้ว เมื่อ V =S/t อัตราเร็วสัมพันธ์กับระยะทางในหนึ่งหน่วยเวลา เพื่อให้มุ่งตรงไปยัง "แหลมพรหมเทพ" ซึ่งเป็นที่หมายให้ทันเวลาที่กำหนด  เราจึงต้องทำความเร็วกันหน่อยแล้ว

      แสงอาทิตย์สาดส่องบนผิวน้ำระยิบระยับตามการสั่นไหวของเกลียวคลื่น มองเห็นเป็นแสงสีทองนวลอร่าม เรือใบหลายลำวิ่งฉิวลู่ลมแหวกอากาศเป็นเงาย้อนแสง ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจำแนกแยกออกจากสำเนียงที่เปล่งพูด ต่างพากันมาเพื่อชมพระอาทิตย์ที่ยามปกติอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงเจิดจ้ามิอาจมองได้ แต่เพียงแสงกำลังอ่อนลงชั่วครู่ เหมือนไข่แดงสีส้มถูกเจาะแตกเปรอะเปื้อนเมฆาหยาดเยิ้ม คลุกเคล้าสายลมเย็นพัดโชยอ่อนต้องกาย ความมืดค่อยๆเข้าปกคลุม บ่งบอกถึงการจากไปของวันเก่า และวันใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกเพียงหมดชั่ว ๑ ราตรี วันเวลายังคงเดินต่อและหมุนเวียนสลับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน

๑๐.สักวันคงพบกันอีก

        เกือบ ๙๐๐ กิโลเมตรจากกรุงเทพมายังที่แห่งนี้ เวลากว่า ๔๘ ชั่วโมง หรือ ๒,๘๘๐ นาที อาจนับเป็น ๑๗๒, ๘๐๐ วินาที ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ทุกอย่างได้หมุนเปลี่ยนรวดเร็ว เวลาเดินผ่านไปเบื้องหน้าเสมอ เพียงแค่หลับตาชั่วหนึ่งอึดใจ หูสดับรับฟังเสียงธรรมชาติ ทำใจให้สงบ จริง ๆ แล้วความสุขที่ได้จากการท่องเที่ยวนั้นคืออะไร ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ คือความสุขนั้นจริงไหม แล้วคุณหละคิดว่ายังไง....

สวัสดี

– เสือซ่อนยิ้ม –

เสือซ่อนยิ้ม

 วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.

ความคิดเห็น