รีวิว แม่ฮ่องสอน เป็นวงกลม 4 คืน 5 วัน Ep3

DAY 4 ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน - ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ 90.9 กิโลเมตร

เมื่อคืนหลับสบายมากๆๆๆๆ เหมือนได้พักร่าง ฮ่าๆ ก่อนจะออกไปกินข้าวเรากลับไปที่ #วัดพระธาตุดอยกองมู อีกครั้ง เพื่อชมวิวตอนเช้า

ข้างๆ วัดพระธาตุมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ด้วยนะ เราก็แวะไปจิบชากันเบาๆ พี่ชายนางก็ทุ่มทุนสร้างเหมือนเดิม ฮ่าๆ

ขี่รถมอเตอร์ไซค์ลงมาเพื่อไป #วัดพระนอน ตอนไปยังเช้าอยู่ ไม่มีคนเลย ดีนะน้องเณรอยู่ เลยเปิดให้เข้าไป เราก็เข้าไปทำบุญขอพร (วัดพระนอนมีกฎอยู่ว่าห้ามผู้หญิงขึ้นไปกราบพระด้านบนนะ)

เช้านี้ฝากท้องไว้ที่โรงแรม โรงแรมมีอาหารเช้ารวมอยู่ในแพ็คเกจด้วย จัดไปจ๊ะ อย่าไปอาย ไข่ดาวจัดไป 4 ฟอง ไส้กรอกไม่ต้องถามว่ากี่ชิ้น ข้าวอีก 1 จาน อาหารเช้ามีประโยชน์หรือมึงหิวววว ฮ่าๆ

ก่อนจะเริ่มเข้าวันที่ 4 พี่จ๋า ก้นชั้นไม่ไหวแล้วพี่จ๋า ระบมไปหมดแล้วววว ช่วยน้องด้วยยย (จะบอกว่าบ่นได้แค่ในใจ ห้ามส่งเสียงนะ เดี๋ยวนางไม่พาไปเที่ยวอีก) อดทนไว้จ๊ะ เราออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมง

ขี่รถออกมาได้สักพัก เราก็แวะ #หมู่บ้านห้วยปูแกง เป็นชุมชนเล็กๆ หลากหลายวัฒนธรรม “กะยัน” หรือ “กะเหรี่ยงคอยาว” เราแวะเที่ยวที่นี่ เส้นทางมันไม่ได้ยากอะไรมากมาย #แต่มันต้องนั่งเรือข้ามฝั่ง ตายแน่ชั้น นั่งรถร้อนแค่ไหนชั้นไม่กลัว เดินป่าชั้นก็ไม่กลัว แต่ชั้นว่ายน้ำไม่เป็นนนน ชั้นกลัววววว สภาพชั้นคือไม่อยากจะพูด อีพี่ 2 คน ก็ขำน้อง ไม่ได้ช่วยเหลือใดๆ สรุปยังไงชั้นก็ต้องไป (เดินกันมาอย่างกะโจร ป่าวนะ ชั้นร้อนนนน)

หมู่บ้านเปิดให้เที่ยวเชิงท่องเที่ยว เที่ยวชมวิถีชุมชนของ "กะเหรี่ยงคอยาว" น้องๆ เด็กน้อยน่ารักมาก (ถ่ายรูปกับน้องๆ แล้วอย่าลืมให้เงินค่าขนมกับน้องๆ บ้างนะ)

ความพีคของวันนี้ยังไม่หมดดดด เมื่อ GPS บอกเส้นทางที่จะไปทุ่งดอกบัวตองมี 2 ทาง ทางแรกเป็นถนนเส้นหลัก ใช้เวลานานกว่า ทางเส้นที่ 2 ใช้เวลาเร็วกว่าเป็นชั่วโมง ดูจาก GPS ก็ไม่น่าจะยากอะไร ไม่ได้คดเคี้ยวมาก นางสองคนก็ตกลงกันว่าไปเส้นทางที่ 2 นี่แหละ โอเค ไปกัน แล้วดูทางงงง โค้งแล้วชันมากกกกก

ถนนเป็นถนนปูนซิเมนต์ เริ่มเป็นทางชันขึ้นเรื่อยๆ อีนี่เริ่มเกาะหลังอีพี่แน่นๆ ละ ทางมันชันมากกกกก พีคคือล้อหน้ายก ไป 2 รอบอีนี่กรี๊ดดดด เสียงดังเลย (อีพี่นางก็บูลี่ว่าชั้นอ้วนนนนน)

ยังๆ ยังไม่หมด คือ รถขึ้นไม่ไหวววว อีพี่นางเลยไล่เราลงจากรถ แล้วให้เดินขึ้นไป โอ้ยยย ชั้นต้องเดินขึ้นไป คือโคตรเหนื่อยมันชันมากเธอ ชั้นหายใจทางปากเลยง่ะ มันบ่งบอกว่า ชั้นควรออกกำลังมากกว่านี้ แล้วพวกนางทำไงรู้ไหม ยืนขำกันอยู่จ้าาาา จะบ่นก็ไม่ได้ แค่หายใจ ยังหายใจไม่ทันเลย

เอาจริงควรไปเส้นทางปกติที่เขาไปกันนะ เส้นทางนี้ก็ไปได้ แค่ขี่รถอยู่บนสันเขาเท่านั้นเอ๊งงงงง เห็นที่เราวงกลมไหม นั่นแหละถนนที่เราขี่ผ่านมา โอ้วววว

เราแวะ #น้ำตกแม่สุรินทร์ อยู่ในอำเภอขุนยวมและอำเภอเมือง ป่าเขาเรียงรายสลับซับซ้อน มีภูเขาหินและหน้าผาน้อยใหญ่สูงและชันมากกกกก และสวยมากๆๆๆๆๆ เป็นต้นน้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์ เขาว่ากันว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เคียงคู่กับทุ่งบัวตอง ง้าววว ไปดูกันดีกว่า

เย่ๆ ในที่สุด เราก็มาถึงที่พักสำหรับคืนนี้ #สวนดอยแม่อูคอ เราจองห้องพักไว้ 2 หลัง ที่พักเราจะไกลจากทุ่งดอกบัวตองนึดนึงนะ แต่ที่นี่สะอาดดี วิวสวยด้วย

เราพักบ้านเดี่ยว 2 หลัง หมายเลข 9 และ 10 วิวสวยมาก

เราขี่รถไปถ่ายรูปที่ #ทุ่งดอกบัวตอง สวยมาก ทุ่งที่เต็มไปด้วยสีเหลืองส้มปกคลุมเต็มเทือกเขา มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ควรไปช่วง พฤศจิกายน-ธันวาคม จะเห็นเหลืองไปทั้งทุ่งเลย (แต่ควรไปกลางพฤศจิกายนนะ ช่วงนั้นกำลังบานสะพรั่ง)

ถ่ายรูปกลับมากินหมูกระทะที่บ้านพักกัน (ติดต่อหมูกระทะกับเจ้าของบ้านได้เลยมีหลายราคานะ ลองเลือกดู) หมูกระทะช่างเหมาะกับอากาศ 18 องศาเสียเหลือเกิน ดูได้จากสภาพพี่ชายชั้นทั้ง 2 คน

DAY 5 สวนดอยแม่อูคอ-ภูเชี้เพ้อ-ตัวเมืองเชียงใหม่ 227 กิโลเมตร

วันสุดท้ายของการเดินทางแล้ววว ไม่อยากกลับเลยง่ะ เช้านี้เราตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ #ภูชี้เพ้อ ที่นี่เอาจริงๆ รีวิวน้อยมาก แต่เจออันหนึ่ง เรามาถึงที่นี่เราต้องไปให้ได้นะ มันสวยมาก แต่พี่ชายชั้นพอรู้ว่าต้องเดินขึ้น นางส่ายหน้าไม่เอาละ ฮ่าๆ ถึงกับต้องฉุดกระชากลากถูกันไป เอ็นดูววว แต่ก็ยอมไป (ที่นี่ถ้าใครอยากไป ติดต่อแจ้งกับที่พักได้เลย เดี๋ยวเขาจะพาขึ้นไป) เรานั่งรถโฟวิลขึ้นไป แม่งทางขึ้นยากจริง ต้องคนชำนาญจริงๆ ตอนขึ้นไปมันมืดมาก ก็ไม่ค่อยกลัว คิดสภาพยืนเกาะรถโฟวิลอยู่ด้านหลัง แล้วอากาศประมาณ 10 กว่าองศา ฮึยยยย)

เหมือนชั้นมาถ่าย wedding ให้เขาเลย มองบนแปบ

ตอนขึ้นมืดมองไม่เห็นทาง ตอนลงเท่านั้นแหละชัดมาก รถวิ่งอยู่บนสันเขาาาา (เหมารถขึ้นไปดีกว่านะ อย่าเสี่ยงขับมาเองเลย) ไม่กล้าถ่ายรูปเลย ได้มาแค่นี้

ถึงเวลาต้องเดินทางกลับกันแล้ว ดอยแม่อูคอ - เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ 227 กิโลเมตร นั่นเช็คน้ำมันหรอ (เปล่าหรอกมีแต่ของฝาก ฮ่าๆ)

เอารถไปคืนที่ร้านแล้วเราก็เดินทางกลับกันด้วยรถไฟ ไม่อยากจะพูดดดด ก้นชั้นพังไปเลยจ้าาาา

การเดินทางของเราแต่ละครั้งต่างกัน เราเลือกที่จะไม่วางแผนอะไรเยอะ เพราะการเดินทางของเรา อยากให้มันเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไปผจญภัยให้มากที่สุด เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง เพื่อนๆ ก็ลองออกเดินทางกันดูนะ แล้วจะรู้ว่า "ความสุข" มันเป็นยังไง ลองออกไปเจอความลำบากกันบ้างนะ

ไว้เจอกันใหม่ #ขอบคุณสำหรับการติดตามน้าาาา