ตอนที่ 3 จะเน้นเรื่องที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และเรื่องราวปลีกย่อยอื่นๆ นะคะ ใครที่สนใจสามารถตามอ่านตอนก่อนหน้าได้จากลิ้งก์ด้านล่างค่ะ

ตอนที่ 1 https://th.readme.me/p/38393 

ตอนที่ 2 https://th.readme.me/p/38394
 
มาต่อกันเลยค่ะ

ซิมมือถือ

จำไม่ได้ว่าทำไมปีที่แล้วถึงไม่ได้ซื้อซิมจากไทยไป คาดว่าตอนนั้นจะยังไม่มีซิมไทยซิมไหนที่ครอบคลุมจอร์แดนกับอียิปต์ เอาเป็นว่า ตอนไปจอร์แดนพี่ที่ไปด้วยกันอีกสองคนซื้อซิม โดนไปคนละ 22 กับ 15 JD ตีคร่าวๆ ก็ประมาณ 1000 กับ 700 บาท แล้วถามว่าใช้คุ้มไหม ทั้งสองคนบอกเสียงเดียวกันเลยว่า ไมมมมม่ อาจเป็นเพราะเราอยู่จอร์แดนแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเองก็เป็นได้ 

ส่วนที่อียิปต์ ตอนแรกเรากับพี่ที่ไปด้วยกันวางแผนจะซื้อซิม เพราะอยู่ที่นี่นานหลายวัน และหากต้องการเรียกอูเบอร์ในไคโร กับอเล็กซานเดรีย จะต้องมีซิมอียิปต์ถึงจะเรียกได้ ทว่าพอเราไปถึงสนามบินลักซอร์ ร้านค้าต่างๆ ปิดหมดแล้ว แถวที่พักก็ไม่มีร้านขายซิม แถมวันต่อๆ มาเราเหมารถเที่ยวอยู่แต่ลักซอร์ฝั่งตะวันตก ไม่ได้เข้าไปฝั่งตะวันออก ยิ่งไม่มีเวลาไปตามล่าหาซิมเข้าไปใหญ่ อยู่ไปอยู่มาหลายวันเข้า เลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อซิมก็ได้  ไหนจะต้องบากบั่นไปหาร้านซื้อ ไหนจะต้องไปนั่งต่อรองราคา สู้เอาเวลาไปเที่ยวดีกว่า แอพที่ใช้ประจำอย่างกูเกิ้ลแมพ กับกูเกิ้ลแปลภาษา ก็สามารถเซฟไว้ใช้แบบออฟไลน์ได้ แพลนและการเดินทางทุกอย่างก็วางไว้หมดแล้ว ลงท้ายพวกเราจึงเที่ยวแบบไม่มีซิมและไม่มีเน็ต สนุกไปอีกแบบ

ร้านซุปเปอร์มาเก็ต

ที่อียิปต์ เวลาจะซื้ออะไรนอกจากร้านแผงลอยเล็กๆ ข้างทางแล้ว ก็จะมีเป็นร้านขายของชำให้ซื้อของทั่วไป ส่วนซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาเก็ตแบบเทสโก้ โลตัส บิ๊กซีนั้นอย่าได้หวังเลย อียิปต์ยังไม่มีเจ้าค่ะ เราพยายามตามล่าร้านซุปเปอร์เพื่อซื้อขนมของฝาก เจอร้านนึงแถวที่พักไคโร แต่ราคาไม่ได้แตกต่างจากซื้อตามแผงลอยเลย ต่อให้ซื้อขนมแพ็กโหล ราคาก็เท่ากับราคาต่อชิ้นคูณ 12 อยู่ดี ใครต้องการซื้อขนมของฝาก หาซื้อตามร้านแผงลอยได้เลย ไม่ต่างกันหรอก 55 

เราซื้อเวเฟอร์ช็อกโกแลตสอดไส้อินผาลัม(ซองสีเหลือง) กับคุ้กกี้สอดไส้อินทผาลัมมา เวเฟอร์อร่อย แต่คุ้กกี้ไม่อร่อย ไม่แนะนำค่ะ 

ร้านซุปเปอร์แถวที่พักไคโร ปิดไวมากแมมมมม่ ของในร้านค่อนข้างเยอะ (ถ้าเทียบกับร้านอื่นของอียิปต์) ตัวเลขบนแป้นแคชเชียร์เป็นตัวเลขอาหรับ การไปเที่ยวในแดนอาหรับ อย่างน้อยๆ ควรจะท่องจำตัวเลขอาหรับไว้ด้วยเพื่อความสะดวกในด้านต่างๆ ค่ะ

เสื้อผ้า

จัดเสื้อตามสภาพอากาศในช่วงที่ไป ถ้าไปเที่ยวนานหลายๆ วันยังไงก็ต้องซักผ้า แนะนำให้พกเสื้อผ้าที่แห้งเร็วไปจะดีกว่าค่ะ

สำหรับอียิปต์ แนะนำให้พกชุดกันลม/กันฝนไปเพื่อใช้กันทรายแทน เป้าหมายมีแค่อย่างเดียว มันจะทำให้รู้สึกสะอาด ไม่ต้องซักบ่อย 55 เสื้อผ้าที่นี่ถึงจะใส่แค่วันเดียว พอเอาไปซักน้ำจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มทันที โดนฝุ่นทรายเล่นงานทั้งวันก็งี้แหละ เสื้อกันลม ใช้เป็นเสื้อกันลมบางๆ สำหรับเดินป่าก็ได้ เอาไว้คลุมชั้นนอกเฉยๆ  ขณะอยู่อียิปต์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเราเป็นชุดกันลมหมดเลย แล้วใส่พวกกางเกงเลกกิ้งกันหนาว เสื้อกันหนาวไว้ด้านในให้ความอบอุ่นแทน 

เสื้อสีเขียวๆ คือเสื้อกันลม กันฝนบางๆ ช่วยกันทรายได้เยอะเลย แถมช่วงลมแรงยังยกฮูดขึ้นมากันลมได้ด้วย ส่วนกางเกงเป็นกางเกงเดินป่าที่กันน้ำกันลมเหมือนกัน 

ที่พัก

ลักซอร์

หลักๆ แบ่งเป็น 2 โซน คือลักซอร์ฝั่งตะวันตก (West bank) กับฝั่งตะวันออก (East bank) ทั้งสองฝั่งแยกกันโดยมีแม่น้ำไนล์คั่นกลาง เดินทางถึงกันด้วยการนั่งเรือข้ามแมน้ำไนล์ หรือนั่งรถข้ามสะพาน (ค่อนข้างอ้อม เพราะสะพานอยู่ห่างตัวเมืองหลายกิโลเมตร) ความแตกต่างของสองโซนนี้คือ 

1.ฝั่งตะวันตก - เงียบสงบ ราคาถูก เข้าถึงชีวิตคนท้องถิ่น ใกล้สถานที่เที่ยวหลักๆ  แต่ไม่มีที่เที่ยวกลางคืนให้สำหรับคนที่ชอบปาร์ตี้

2.ฝั่งตะวันออก – ที่พักหรูหราราคาแพงจะอยู่ฝั่งนี้ มีที่เที่ยวตอนกลางคืน ร้านอาหาร ฟาสฟู้ด ร้านแลกเงิน เหมาะสำหรับคนที่ชอบความวุ่นวายของเมืองและสีสันกลางคืน

เราเลือกพักฝั่งตะวันตก เพราะเวลา 4 วันที่ลักซอร์ เราเที่ยวฝั่งตะวันตกถึง 3 วัน การพักฝั่งนี้จึงทำให้เราประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มาก

เราพักที่ The brown house อยู่ใกล้กับท่าข้ามฟาก เดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ที่พักนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์ห้องใหญ่ มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว เครื่องซักผ้า และห้องน้ำ เจ้าของที่พักเป็นกันเอง ดูแลดี ขนาดตอนที่เงินอียิปต์เราไม่พอ เพราะยังไม่เจอร้านแลกเงิน เราเลยตัดสินใจไปขอแลกเงินกับเขา ลงท้าย เขาให้เรายืมเงินอียิปต์แทน ให้ยืมแบบไม่มีหลักประกันอะไรเลยนะ ความเชื่อใจล้วนๆ พอเราเจอร้านแลกเงินที่ฝั่งตะวันออก จึงรีบแลกเงินแล้วนำเงินไปคืนเขาทันที

 เข้าใจว่าเจ้าของมีห้องพักหลายห้องในตึกนี้ เราได้พักชั้นดาดฟ้า สามารถเดินออกไปดูวิวแม่น้ำไนล์ และลักซอร์ฝั่งตะวันออกตอนกลางคืนได้

 

Source: http://intervoyager.com/towns_luxor_map.htm

ประตูหน้าตึก

อัสวาน

มีที่พักให้เลือกน้อย และค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับลักซอร์ ที่พักจะแบ่งเป็นบนฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันตก (หมู่บ้านของชาวนูเบียน) กับบนเกาะ หากพักบนเกาะ ไม่ควรจองทริปอาบูซิมเบลในเช้าวันถัดไป ตอนเช้าจะไม่มีเรือเมล์บริการ ต้องเหมาเรือข้ามฟาก และตื่นเช้ากว่าชาวบ้านชาวช่องเขาเพื่อมาขึ้นเรือ (ต้องมาขึ้นเรือประมาณตี 3 ในขณะที่ถ้าพักบนฝั่งจะมีรถมารับประมาณตี 4-5) ส่วนที่พักถูกๆ ก็คุณภาพแย่ ถ้าให้แนะนำคือเสียงเงินแพงๆ ไปพักริมน้ำไนล์เลยคุ้มกว่า ไม่เชื่อจะเล่าให้ฟัง 55 

เราอยู่อัสวาน 2 คืน และพัก 2 ที่ 

ที่พักแรกเป็นโฮศเทลขึ้นต้นด้วยตัว D ที่มาจากชื่อคน ไม่ใช่ที่พักที่ถูกที่สุด แต่ก็ราคาถูกแหละ ตอนจองก็เห็นแล้วว่าคะแนนความสะอาดค่อนข้างย่ำแย่ มีทั้งคนที่บ่น และคนที่ไม่บ่นคละๆ กันไป แต่เราคิดว่าไม่เป็นไรมั้ง มันนอนได้แหละ แถมที่สำคัญคือ ค่ารถตู้ไปอาบูซิมเบลแบบแชร์ของที่นี่ถูกกว่าที่อื่นเยอะ (20 USD/คน) เลยคิดว่า ก็มาพักและใช้บริการรถตู้ไปด้วยเลย ทีเดียวจบ เลยเลือกแบบห้องส่วนตัวที่มีสองเตียง ห้องน้ำรวมไป ตอนจองก็เห็นมันเขียนว่า ที่พักอยู่ชั้นใต้ดิน ด้วยความไม่ได้คิดอะไร (เห็นหนังฝรั่งมีห้องใต้ดินกันถมถืดไป ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็น่าจะแค่เย็นกว่าปกติเท่านั้นเอง) 

เอาเข้าจริง คือมันแยยยยยยยยยยยย่มาก ก.ไก่ล้านตัว ไม่เคยพักที่ไหนที่สกปรก และแย่เท่านี้เลย ข้อแรกคือ มันเป็นห้องใต้ดิน แล้วเจือกมีหน้าต่างบานเล็กๆ ด้านบน เปิดรับฝุ่นถนน ฝุ่นทรายเข้ามาในห้อง! คิดได้ไงเนี่ยยยยยย จองห้องส่วนตัว แต่ขอโทษ ไม่มีกุญแจล็อกห้อง กลอนประตูก้ไม่มีมั้งรู้สึก (แล้วตรูจะจองห้องส่วนตัวเพื่อออ) ห้องเล็กไม่ว่า แต่เตียง หมอน ผ้าห่มทุกอย่างคือ รู้สึกเลยว่าไม่ได้ทำความสะอาดมานานมาก เราแพ้แมลงเล็กๆ ในบ้านทุกอย่างอยู่แล้ว บอกเลยว่าคืนนั้น นอนไม่หลับ หายใจไม่ออก ทรมานมากจ้า จากที่ควรจะรีบนอนแต่เช้าเพื่อที่เช้าวันต่อไปจะได้รีบตื่นไปอาบูซิมเบล สรุป นอนไม่หลับ หมดสภาพ แถมหวัดกินอีกต่างหาก - - 

ก่อนนอนเย็นนั้นเลยตัดสินใจย้ายที่พักในคืนวันพรุ่งนี้ ค่าที่พักที่จ่ายไป จะได้คืนไม่ได้คืนไม่รู้ล่ะ ถ้าต้องพักอีกคืนคือตายแน่ๆ เช้าวันต่อเลยลองคุยกับเจ้าของที่พัก (เผื่อจะได้เงินคืน) เขาก็ถามว่า ทำไมไม่คุยกับเขาก่อน จะได้ทำความสะอาดให้ (อยากจะบอกว่า เอ็งทำยังไงก็ไม่หายหรอก อย่าพยายามเลย) เขาเลยให้เรายกเลิกการจองในระบบ แล้วคืนเงินส่วนที่เหลือให้

หลังกลับมาจากอาบูซิมเบล เราจึงให้ที่พักเรียกรถแท็กซี่เพื่อพาเราไปที่รีสอร์ทริมแม่น้ำไนล์ (ค่าแท็กซี่ 100 EGP จริงๆ ควรต่อแหละ แต่ตอนนั้นคือเหนื่อย ขี้เกียจแล้ว จ่ายก็จ่าย) ในชุมชนของชาวนูเบียน Kato Dool Nubian Resort 

พอรู้ว่าเราพักที่นี่ แท็กซี่ยังชมเลยว่า เลือกได้ดี ที่นี่เป็นรีสอร์ทของชาวนูเบียนที่ดีที่สุดในแถบนี้แล้ว แล้วก็ถามราคาแท็กซี่ถ้าจะให้เขามารับเพื่อไปส่งสนามบินในวันพรุ่งนี้ แล้วต่อรองราคาได้ที่ 160 EGP

วิวที่พัก  Kato Dool Nubian Resort 

ไคโร

ที่พักมีหลายแหล่ง หลายราคา หลักๆ จะแบ่งเป็นโซนเมือง โซนนอกเมือง และโซนพิระมิดกิซา หากต้องการมองเห็นพีระมิดกิซาจากที่พัก ต้องมาพักในโซนพีระมิดกิซา แต่เวลาไปเที่ยวที่อื่นในเมือง ก็จะใช้เวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากกว่าการพักในตัวเมือง

เราพักที่ Castle Hostel อยู่ในตัวเมือง ที่เราลือกพักที่นี่ เพราะมันสามารถเดินไปที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ รถไฟฟ้าใต้ดิน และสถานีรถไฟได้ (ตอนแรกเราแพลนจะนั่งรถไฟนอนชั้น 2 จากอัสวานมาไคโร ราคาคนละ 80 USD แต่พอจะจอง มันกลับมีแค่รถไฟนอนชั้น 1 ที่เป็นห้องเดียว ราคาคนละ 120 USD ให้เลือก เราเลยเปลี่ยนไปนั่งเครื่องบิน ที่ราคาถูกกว่ารถไฟนอนชั้น 1 และใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าแทน) เราจองห้องแบบ 4 เตียง ในราคาห้องพักคู่ (เว็บไซต์อัพเกรดให้ฟรีโดยไม่คิดเงิน) แต่ตอนเช็กอิน ห้องที่ว่างและเข้าพักได้กลับมีแค่แบบ 2 เตียงและ 3 เตียง ผู้ดูแลให้เราดูว่าต้องการห้องไหน เราเลือกห้องแบบ 3 เตียง ที่มีขนาดห้องใหญ๋กว่า อย่างน้อยจะได้มีพื้นที่ดิ้นไปดิ้นมามากหน่อย 5

เราให้รถโรงแรมมารับที่สนามบินเลย ซึ่งก็คิดถูกแล้ว ถ้าเรียกรถมาเองมีหวังหาโรงแรมไม่เจอแหง ที่พักอยู่ในตึกที่คล้ายจะซ่อมแซมมานาน (และยังซ่อมไม่เสร็จสักที) ลิฟท์ตึกนี้มีประตูปิดสองชั้น ชั้นนึงเป็นประตูเลื่อนปิดตรงกลางแบบบ้านเรา อีกชั้นต้องออกแรงดึงถึงจะเปิดออกได้ ลิฟท์นี้เก่าอย่าบอกใครเลย กลัวลิฟท์ตายกลางทางสุดๆ ส่วนสภาพห้องพอไปวัดไปวาได้ ไม่ได้สวยงามแบบในรูปแต่ถือว่าไม่เลว อาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมให้ เป็นเซ็ทอาหารแบบอเมริกัน และแบบอียิปต์ ผลัดกันไปวันละแบบ ที่ชอบที่สุดคือพนักงานที่พักนี้เป็นกันเองมากกก คืนก่อนบินกลับ พวกเรามานั่งรอเวลาในล็อบบี้ แล้วคุยเล่นกันอย่างออกรสเลยล่ะ 

เราไม่มีรูปที่ไคโร เอารูปตึกระหว่างทางที่ลักซอร์ไปแทนละกันนะคะ

สถานที่เที่ยวในแต่ละวัน

จากนี้จะเป็นแพลนและรูปสถานที่ว่าในแต่ละวันเราไปไหนบ้าง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละสถานที่ ถามหาอากู๋โลดเลยจ้า มันเยอะมาก จำได้ไม่หมด

Luxor west bank day 1 - เหมารถเที่ยว

1.Vally of the kings (VOK) หุบผากษัตริย์

2.Deir el-Bahari (วิหารฮัตเซปซุต) อยู่ติดกับหุบผากษัตริย์

3.Carter’s House

5.Mortuary Temple of Seti I

Vally of the Kings (VOK)

แผนที่สุสานใน VOK สุสานจะเปิดปิดสลับกันไป เพื่อรักษาสภาพภายในของสุสาน

ภายในสุสานตุตันคาเมน ผู้ค้นพบคือคาร์เตอร์ (เราจะได้ไปบ้านของคาร์เตอร์กันด้วย จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บรักษาไว้ทำไมนะ แต่ถ้ามีพาสลักซอร์จะเข้าฟรี เลยไปแบบไม่คิดไรมาก 55)

ภายในสุสานอื่นๆ จำไม่ได้แล้วว่าเป็นสุสานไหนบ้าง เข้าไปเป็นสิบๆ สุสานอ่ะจ๊ะ

สัญลักษณ์ในวงกลม และมีขีดข้างล่าง หมายความวา่เป็นชื่อของฟาโรห์องค์ใดองค์หนึ่ง...ที่เราอ่านไม่ออก

บรรยากาศภายใน VOK

Deir el-Bahari วิหารฮัตเซปซุต ฟาโรห์หญิงองค์เดียวของอียิปต์

Carter’s House บ้านคาร์เตอร์ หลักๆ คือมาดูของแปลก ของใช้สมัยก่อน

Mortuary Temple of Seti I วิหารของฟาโรห์เซติที่ 1

ส่วนที่ยังมีสีหลงเหลืออยู่ มักเป็นส่วนที่ไม่โดนแดด


Luxor west bank day 2 เหมารถเที่ยว

1.Colossi of Memnon

2.Medinet Habu Temple

3.Vally of the queen (VOQ) - อาจเพราะคนไปน้อย สีของภายในจึงยังเห็นชัดมากกว่าที่ VOK

4.Tombs of the Nobles (ที่น่าสนใจคือ tomb of Ramose)

6.The Ramesseum (เดินจาก Tombs of The Nobles ไปได้)

7.Deir El Medina (หมู่บ้านเก่าของคนสร้างสุสาน) กับ Temple of Deir el-Medina

เราเที่ยว West bank 3 วัน วันสุดท้ายไปซ้ำที่ VOK แล้วเข้ามันทุกสุสานเลย (วันแรกมีไกด์ส่วนตัว ซึ่งเร่งมากกก เลยเข้าไปแค่ไม่กี่สุสาน)

Deir El Medina

ทางเข้าสุสานของคนสร้างสุสาน หมู่บ้านของคนสร้างสุสานเคยเป็นหมู่บ้านลับ ห้ามคนเข้าออก เพื่อกันไม่ให้คนภายนอกรู้วา่สุสานฟาโรห์อยู่ที่ไหน

ไม่แน่ใจว่าถ่ายที่สุสานไหน แต่รูปภาพภายในสุสานทุกที่จะมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน แต่สุสานของประชาชน จะเล่าถึงชีวิตประจำวันเป็นหลัก

Colossi of Memnon เคยเป็นรูปปั้นหน้าประตูเมืองโบราณ  แต่ส่วนอื่นๆ ของเมืองถูกน้ำท่วมทำลายลงหมดแล้ว เหลือเพียงรูปปั้นเหลือไว้ให้เห็

Medinet Habu Temple  ส่วนหนึ่งของวิหาร เป็นวิหารที่ใหญ่มากก

Deir El Medina (หมู่บ้านเก่าของคนที่สร้างสุสาน) ภาพถ่ายจากด้านบน ซษกปรักหักพังที่เห็นคือบ้านของคนสร้างสุสาน ตรงมุมสุดของหมู่บ้านจะมีวิหารเล็กๆ อยู่ สามารถเข้าชมได้

The Ramesseum


Luxor East bank - เที่ยวเอง นั่งเรือข้ามฟาก เดิน และนั่งรถม้า

-Luxor temple

-Mummification Museum – พิพิธภัณฑ์การทำมัมมี่ ภายในมีมัมมี่หลากหลายแบบให้ชม

-Luxor Museum - เล็กกว่าที่ไคโร มีมัมมี่ให้ดูเช่นกัน

·Karnak Temple complex - ใหญ๋นะจ๊ะ กะเวลาเดินดีๆ ล่ะ


การเดินทาง

ให้เริ่มต้นที่ Luxor temple ก่อน ถ้าพักอยู่ฝั่ง West bank ให้นั่งเรือข้ามฟากมาฝั่ง East bank ก็จะเจอที่นี่เลย แต่ทางเข้าจะอยู่ฝั่งถนนใหญ่ ต้องเดินอ้อมวิหารไป ตรงข้าม Luxor temple ฝั่งประตูทางเข้าจะมีร้านแลกเงินอยู่ใกล้ๆ กับร้านแมกโดนัล เรทแลกเปลี่ยนถือว่าดี สามารถนำเงินจอร์แดนที่เหลืออยู่มาแลกที่นี่ได้ด้วย แต่ตอนนั้นเราไม่ได้เอาเงินจอร์แดนติดตัวไป สรุปคืออด 5555

จาก Luxor temple  ให้เลาะมาเดินตรงฝั่งริมแม่น้ำไนล์ เดินไปทางลักซอร์สักพักจะเจอกับ Mummification Museum พิพิธภัณฑ์นี้อยู่ใต้ดิน ต้องเดินลงบันไดไป จากพิพิธภัณฑ์นี้ให้เดินเลียบแม่น้ำไนล์ต่อมาอีกประมาณ 700 เมตร ก็จะเจอกับ Luxor Museum พิพิธภัณฑ์ที่นี่จะมีปิดช่วง 14.00-17.00 แต่เปิดจนถึงทุ่มกว่าสองทุ่ม

จบจาก Luxor Museum  ไม่ต้องย้อนกลับทางเดิน ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอทางออกที่มีรถม้าจองอยู่หลายคัน ให้นั่งรถม้าไปที่ Karnak Temple complex ตอนนั้นเราต่อราคาได้ที่ 20 EGP (ประมาณ 40 บาท) แล้วนั่งรถม้ากลับไปยังท่าเรือข้ามฟาก

ถามว่าตอนนั้นเราเดินแบบที่แนะนำมาไหม ตอบเลยว่าไมมม่ ลืมเจ้าค่าเอ๊ยย โน่นน เสร็จจาก Luxor temple ก็นั่งรถม้าไป Luxor Museum เลย แถมไปตอนที่เขาปิดช่วงกลางวันอีกต่างหาก 555 ต้องนั่งรอเวลา ดูเสร็จก็นั่งรถม้าไปต่อที่ Karnak แล้วนั่งรถม้าย้อนกลับไปที่ Mummification Museum แล้วก็ เฮ้ยยย นั่นมัน Luxor temple ที่มาตอนเช้านี่หว่า แล้วจะอ้อมทำหยังนิ!


วิวหน้า Luxor Museum เรานั่งทานข้าวเที่ยงกันตรงนี้แหละ รอพิพิธภัณฑ์เปิดช่วงบ่าย ภูเขาที่เห็นคือหุบผากษัตริย์ที่ไปมาเมื่อวันก่อน

Luxor temple

ตรงไหนที่ไม่โดนแดด ก็จะเห็นสีที่ทาไว้ในสมัยก่อนอยู่

จะมีโซนซากหินที่ยังประกอบเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้วางอยู่ พร้อมกับแปะรายละเอียด

เสาร์โอเบลิสที่วิหารคาร์นัค


Luxor pass ใช้เข้าทุกสถานที่ที่ระบุไว้ได้หมด โดยไม่เสียเงินเพิ่ม ยกเว้น สุสานฟาโรห์เซติที่ 1 ที่ VOK กับสุสานราชินีเนเฟอร์ตารีที่ VOQ

สุสานเนอเฟอร์ตารี เป็นสุสานที่มีการรีโนเวทใหม่ทุกอย่าง ทำให้มีสภาพ และสีสันใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด

ค่าเข้าสถานที่ที่อียิปต์ราคาค่อนข้างแพง และมักจะขึ้นราคาทุกปี ควรเลือกสถานที่ที่ต้องการจะเข้าตามจำนวนวันเที่ยวที่ตัวเองมี แล้วคำนวณดูว่าหากซื้อ Luxor pass จะใช้คุ้มหรือเปล่า เราอยู่ที่ Luxor 4 วัน ยังไงก็ใช้คุ้มอยู่แล้ว จึงตัดสินใจซื้อ

แผนที่ Luxor จากคู่มือ Luxor pass

Luxor to Aswan – เหมารถเดินทางระหว่างเมือง แวะเที่ยว 3 จุด

-Esna  ค่าเข้าต้นปี 2020 160 EGP ต่อคน ประมาณ 320 บาท

-Edfu  ค่าเข้าต้นปี 2020 180 EGP ต่อคน ประมาณ 360 บาท

-Kom Ombo ค่าเข้าต้นปี 2020 280 EGP ต่อคน ประมาณ 560 บาท ราคารวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์มัมมี่จระเข้ที่อยู่ติดกัน

สามที่นี้อยู่นอกเมืองลักซอร์แล้ว บัตร Luxor pass จึงไม่คลอบคลุม ต้องจ่ายค่าเข้าต่างหาก (แอบร้องไห้กับจำนวนเงินที่ต้องจ่าย แพงมากกกก)

Esna - วิหารสมัยราชวงศ์ปโตเลมี ราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์ ที่ค้นพบกลางชุมชน จุดขายบัตรอยู่ริมแม่น้ำ ซื้อบัตรแล้วต้องเดินเข้าซอยๆ เล้กๆ คล้ายตลาด เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอที่นี่

นกคือศัตรูทำลายวิหาร วิหารสมัยใหม่ๆ จึงมีตาขา่ยกันนกเข้าไปทำรังข้างใน

การแกะสลักของราชวงศ์นี้จะอ่อนช้อยกวา่ราชวงศ์ก่อนๆ และดูสมจริงกวา่

Edfu - ใหญ่และซับซ้อน ใช้เวลาเดินมากหน่อย อย่าลืมเดินดูรูปแกะสลักบนกำแพงวิหารด้านนอกด้วยนะ สวยอยู่ค่ะ

Kom Ombo - เป็นวิหารริมแม่น้ำ สร้างไว้บูชาจระเข้

ด้านบนคือวิหาร ด้านล่างคือ Nilometer แห่งที่สอง เอาไว้วัดว่าระดับน้ำของแม่น้ำไนล์ขึ้นลงมากน้อยแค่ไหน ถึงจุดเสี่ยงน้ำท่วมแล้วหรือยัง

Nilometer อีกจุดหนึ่งจะอยู่ฝั่งซ้ายของวิหาร (เมื่อหันหน้าเข้าวิหาร) มีลักษระเป็นบ่อน้ำลึกๆ มีบันไดวนอยู่ภายใน

มัมมี่จระเข้ที่ตายแล้ว มีตั้งแต่ไข่จระเข้ ยันตัวใหญ่ยาวหลายเมตร


Aswan

- Abu Simbel ค่าเข้าคนละ 510 EGP หรือประมาณ 1020 บาท

มีอีกที่หนึ่งที่น่าไปคือ Philae Temple Complex และ Nubian Museum เราแพลนจะไปในตอนแรก แต่เวลาไม่พอ เลยตัดไป

ทั้งสองที่นี้ต้องเรียกแท็กซี่ไป Philae ต้องจ้างเรือข้ามฟากของชาวบ้านไปกลับเท่านั้น ส่วนราคาน่ะเหรอ...แล้วแต่คนเรือแหละ 55

Abu Simbel - เป็นมหาวิหารที่ฟาโรห์รามเสสที่ 2 สร้างโดยการเจาะภูเขาเข้าไป ตอนที่มีการสร้างเขื่อนอัสวาน วิหารส่วนใหญ่จะต้องจมลงอยู่ใต้น้ำ แต่ลงท้าย รัฐบาลอียิปต์ก็หาทางตัดภูเขา ยกวิหารอาบูซิมเบลขึ้นมาประกอบใหม่เหนือเขื่อนอัสวาน

ทางเดินริมเขื่อน ฝั่งซ้ายคือวิหาร

ภาพบางส่วนภายในวิหาร

สถานที่ท่องเที่ยวใน Cairo ข้อมูลจาก Cairo Pass พาสนี้จะรวมค่าเข้าเที่ยวใน Sakkara Memphis Dahshur และรวมค่าเข้าชมภายในพีระมิดทุกแห่ง

หากซื้อ Luxor Pass หรือ Cairo Pass ใบใดใบหนึ่งก่อน สามารถนำพาสเก่ามาแลกพาสใหม่ได้ในราคา 50% และเจ้าหน้าที่จะยึดพาสใบเก่าไปเลย


Cairo day 1 - ขาไปนั่งแท็กซี่ ขากลับนั่งรถไฟใต้ดินกลับ

เดินไปเรียกแท็กซี่แถวพิพิธภัณฑ์อียิปต์ แท็กซี่อียิปต์มีหลายสี หลายคุณภาพ ควรเรียกรถแท็กซี่สีขาว และให้เขาเปิดมิเตอร์

- Giza pyramid complex พีระมิดมีสองทางเข้า ต้องให้รถแท็กซี่มาส่งประตูฝั่งพีระมิด ที่อยู่บนเขา อีกประตูหนึ่งเป็นประตูสำหรับกรุ๊ปทัวร์เข้าเท่านั้น

- The Solar Boat Museum ในกิซา

ภายในพีระมิด นอกเหนือจากพีระมิด 3 พีระมิดแล้ว ยังมีพีระมิดบริวารที่สามารถเข้าไปดูได้ เข้าฟรีทุกที่ถ้ามี Cairo pass สำหรับใครที่ไม่มีพาส ไม่ต้องจ่ายเงินเข้าไปหรอก ไม่มีอะไรเลย ให้เสียงเงินเข้าไปดูในพีระมิดที่ Dahshur ดีกว่า คุ้มกว่ากันเยอะ


Cairo day 2 – เหมารถเที่ยว ชมพีระมิดที่เจ๋งกว่ากิซา แต่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า

-Memphis Museum

-The Pyramids Of Dahshur

-The Pyramids Of Sakkara

-Old Kingdom Mastaba Tombs At Sakkara

Memphis Museum - เมมฟิสเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของอียิปต์ ตอนนี้เหลือแค่ซากรูปปั้นบางส่วนให้เห็น

Dahshur - ในบริเวณใกล้ๆ กันมีหลายพีระมิด พีระมิดแดง พีระมิดดำ พีระมิดมน แต่ปัจจุบันเปิดให้ชมประมาณ 2-3 พีระมิดเท่านั้น

ภายในพีระมิดที่นี่จะลึกมาก คนเอเชียอย่างเราๆ แค่ย่อเขาหรือก้มหลังก็เข้าไปได้ล่ะ แต่คนตะวันตกจะมีปัญหาหน่อย ออกมาแต่ละคนคือมอมแมมเลยจ้า

เราชอบภายในพีระมิดนี้ที่สุด รู้สึกจะลึกประมาณ 80 เมตรมั้ง การเข้าออกแอบผจญภัยนิดนึง คือต้องไต่บันไดที่ชันแสนชันลงไป ไต่แล้วก็ขึ้นลงบันไดข้างในอีกสองสามจุด ตามด้วยบันไดสูง แล้วต้องลอดถ้ำ ถึงจะไปเจอกับจุดที่ไว้โลงศพ ทว่า ที่นี่ไม่เคยถูกใช้งานจริงๆ เพราะสร้างผิดหลัก ทำให้ฟาโรห์คนนั้นทิ้งพีระมิดนี้ แล้วไปสร้างใหม่ ใกล้ๆ กัน ภายในพีระมิดจะมีกลิ่นแก๊สไข่เน่าสูงมาก ไม่ควรอยู่นาน เดี๋ยวสลบ

Sakkara - พีระมิดขั้นบันได เฉพาะแขก VVIP เท่านั้นที่เข้าไปข้างในพีระมิดนี้ได้ (ซึ่งเราไม่ใชชชชช่)

ใกล้ๆ พีระมิดมีสุสานสมัยราชวงศ์เก่าอยู่ ควรค่าแก่การเขาชม ตอนแรกเราไม่รู้หรอกนะว่ามีสุสานนี้ด้วย แต่คนขับรถแกใจดีบอกว่ามีด้วยนะ ไปดูต่อสิ 

ซากสิ่งก่อสร้างใกล้ๆ เป็นมุมถ่ายรูปที่ดี แต่ลมแรงม๊ากกก ถึงมากที่สุด ตัวแทบปลิว โดยเฉพาะถ้าเดินไปข้างๆ พีระมิด เพราะไม่มีพีระมิดช่วยกันลมให้


Cairo day 3 - เดินจากที่พักไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงล่ะ

-Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์ไคโร ใหญ่มาก ต้องใช้เวลาดูทั้งวัน

-ล่าสุดอียิปต์สร้าง Grand Egyptian Museum ใกล้ๆ กับพีระมิดกิซาขึ้นมา ของใน Egyptian Museum น่าจะถูกย้ายไปรวมกันที่พิพิธภัณฑ์ใหม่นี้

จบการรีวิวเพียงเท่านี้จ้า ใครที่แพลนว่าจะไปเอง ขอให้สมหวัง ได้ไปหลังสถานการณ์์โควิดดีขึ้นน้า

Duck's journey

 วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 19.44 น.

ความคิดเห็น