สวัสดีเพื่อนๆชาว Readme พอดีช่วงนี้ว่างเลยมีเวลามาทำเขียนไรเรื่อยเปื่อย พอดีทริปนี้มันผ่านมาเดือนนึงได้  ทริปนี้เป็นการเดินทางแค่ 2 คน หลังจากที่ได้รับวัคซีนเรียบร้อย จึงขอออกเที่ยวบ้างหลังจากอัดอั้นมานาน

        วันที่ 16 ธ.ค. 2564 เรานั่งเครื่องบินจาก กทม. มาลงที่เชียงราย  แล้วเราเช่ารถมอไซค์จากร้าน Bikky เชียงราย หลังจากรับรถเรียบร้อยจึงออกเดินทางตามที่ได้วางแผนไว้ที่แรกที่เราจะไปเราจะขึ้นดอยผาหม่น ระหว่างเดินทางเราขอแวะไหว้พระก่อนการเดินทางหน่อยละกัน ที่แรกวัดร่องเสือเต้นในวันที่คนน้อย ถ่ายรูปก็จะสบายๆหน่อย

หลังจากไหว้พระเรียบร้อยเราจึงออกเดินทางต่อ แต่ระหว่างออกจากซอยมามีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ร้านนึง กลิ่นน้ำซุบลอยมาหอมมากจึงแวะชิม (( ร้านก๋วยเตี๋ยวจัมโบ้ น้ำลึก ))

สรุปอร่อย หลังจากอิ่มแล้ว เป้าหมายต่อไปไหว้พระต่อ วัดร่องขุน 

คนน้อยอยู่พอสมควร วัดนี้เราใช้เวลาไม่นานเพราะเดี๋ยวจะไปต่อคาเฟ่ นางแบบอยากไป เอ้าก็ไปสิ

       เรามาแวะเช็คอินที่ร้าน "ESTHER" ร้านนี้ชาอร่อย เค้กก็อร่อย ถ่ายรูปกันได้อยู่พักใหญ่เราก็ต้องออกเดินทางไปจุดแรกที่เราจะต้องไปพักใช้เวลวาเดินทางประมาณ 2 ชม.  ซักพักเราก็มาถึงที่พัก จะบอกว่าระหว่างทางอากาศเย็นเลยแหละ พอถึงที่พักเอาของออกจากเป้เตรียมตัวออกไปดูพระอาทิตย์ตกที่ ดอยผาตั้งเนิน 102 ใช้เวลาเดินไปไม่นาน 

                                                          ทางเดินขึ้นมาเนิน 102

    ไม่นานแสงตะวันก็ลับขอบฟ้า เราก็ขับรถกับที่พัก อาหารคืนนี้ที่พักได้จัดเตรียมหมูกะทะไว้ให้ซึ่งในส่วนนี้รวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว เราได้ทำการแจ้งพี่เจ้าของที่พักให้หารถพาเราขึ้นดอยผาหม่นในตอนเช้าด้วย โดยนัดกันเวลา 05.00 น ค่ารถเหมาอยู่ที่ 500 บาท 

        วันที่ 17 ธ.ค. 2564 รถกระบะมารับเราที่จุดนัดหมาย พร้อมออกเดินทางขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยผาหม่นใช้เวลาเดินทางไม่นานระยะทางประมาณ 3 กม. ข้างบนลมแรง อากาศหนาวด้วย ไม่นานแสงแรกของเช้าวันนี้ก็โผล่มากับทะเลหมอกสวยๆ

                                           บอกได้คำเดียวว่าสวย คนน้อยด้วยถ่ายรูปได้ยาวๆเลย

แล้วเราก็นั่งรถลงมาข้างล่างเพื่อไปต่อที่ ดอยผาตั้งเนิน 103 เห็นขาวบ้านบอกทะเลหมอกยังไม่หายเราจึงไปตามคำบอกเล่าดู ใช้เวลาเดินขึ้นซักพักนึง พอขึ้นไปก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

เวลาตอนนั้น 9.00 น. แต่แดดไม่รู้จะแรงไปไหน แต่ ณ จุดนี้มีแค่เรา 2 คนทะเลหมอกแน่นมาก แต่ไม่อาจสู้แดดที่แรงได้จึงขอลงมากินหมั่นโถ จิบชาหอมๆพร้อมสามชั้นอะไรซักอย่างจำเมนูไม่ได้

       หลังจากชิมบรรยากาศกับวิวดีๆแล้วเป้าหมายต่อไปก็ไม่ไกลกันคือ "ภูชี้ดาวและภูชี้ฟ้า" หลังจากย้ายถิ่นฐานจากผาตั้งแล้วเราได้มาพักแถวๆภูชี้ฟ้า เพื่อที่ตอนเช้าเราจะขึ้นภูชี้ดาวไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่เย็นนี้เราขอไปชมพระอาทิตย์ตกที่ภูชี้ฟ้าก่อนละกัน ทางขึ้นก็ประมาณ 700 เมตร เดินกันสนุกเลย

          วันที่ 18 ธ.ค. 2564 เสียงนาฬิกาปลุก 05.00 น. ล้างหน้าแปลงฟัน พร้อมออกเดินทางไปขึ้นรถเพื่อที่จะขึ้นภูชี้ดาว ค่ารถตกคนละ 100 บาท ระยะทางประมาณ 3 กม. แล้วเราก็ต้องเดินขึ้นอีกเพราะทางกำลังปรับปรุงอยู่ เล่นเอาเหงื่อออกแต่เช้าเลยขึ้นไปถึงข้างบนเหมือนเดิม ลมแรง หนาว ไม่นานแสงเช้าก็โผล่มาอีกแล้วแต่ที่นี้คนเยอะกว่าดอยผาหม่นอยู่ไม่มาก

              หลังจากลงมาจากภูชี้ดาวเราก็ไปต่อกันที่ภูชี้ฟ้าอีกรอบนึง อยากเห็นวิวตอนสายๆ

                  ทะเลหมอกที่นี้ก็เริ่มจางแล้ว ก็ได้เวลาลงเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านเรา 

ทริปนี้เป็นทริปที่ดีส่งท้ายปีแบบไม่ติดอะไรทะเลหมอกมาทุกวัน เที่ยวหลายที่ด้วย อากาศก็ดี คนก็น้อย 

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า

                                                      ขอบคุณที่ติดตามครับ

หนุ่มพเนจร

 วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.21 น.

ความคิดเห็น