ลิ้งค์ของตอนอื่นๆ ในทริปนี้อยู่ล่างสุดนะจ๊ะ

ทริปนี้เรามาเยือนฝรั่งเศสแค่ 2 วัน เป้าหมายของเราคือพระราชวังแวร์ซายที่เดียวเท่านั้น ที่อื่นดูแล้ว ไม่ได้รู้สึกอยากไปเลย 555 เราเคยไปชมพระราชวังในรัสเซียมาแล้ว และจากที่เคยหาข้อมูลมา พระราชวังที่สวยกว่าพระราชวังในรัสเซียก็คือพระราชวังแวร์ซาย เราเลยแบบบ ยังไงก็ต้องไปให้ได้ เพราะถ้าทริปนี้ไม่ไป ไม่รู้จะได้มาอีกชาติไหน

การเดินทางไปพระราชวังแวร์ซายด้วยรถไฟ

มีรถไฟสามแบบให้เราเลือกใช้คือรถไฟ RER C รถไฟสาย L และรถไฟสาย N

เราพักอยู่ทางใต้ของปารีส เลยเดินทางด้วย RER C ค่ารถไฟไปกลับ 7.3 ยูโร

รถไฟที่มีคำว่า Île-de-France ตอนแรกเราไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่มาอ่านเจอทีหลัง มันแปลว่า เกาะฝรั่งเศสค่ะ

รีวิวในฐานะคนที่เพิ่งเคยเดินทางด้วยรถไฟในฝรั่งเศสครั้งแรก

จากหลายๆ ทริปที่ไปมา สรุปได้เลยว่า การซื้อตั๋วรถไฟปารีสงงสุดล่ะจ้าาา สระอาร้อยตัว ทำไมชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ดีนะที่เราเผื่อเวลาไว้

เริ่มจาก เดินจากกูเกิ้ลแมปมาที่สถานีรถไฟที่ใกล้สุด แต่พอจะกดซื้อตั๋วที่ตู้ อ้าวเฮ้ย เขาบอกว่าไม่มีรอบรถไฟไปแวร์ซายอ่ะ งงเต๊ก กดกี่รอบก็เหมือนเดิม เช้กความถูกต้องในกูเกิ้ลแมปแล้ว มันก้ถูกนะ เลยถามพนักงานขายของแถวนั้น

แกบอกว่าตรงนี้เป็นปารีสโซน 3 ต้องลงบันไดไปซื้อที่ปารีสโซน 1 = =

ลงบันได แล้วเดินเลี่ยรางรถไฟไปจนสุด ไม่ไกลมาก คล้ายจะเจออีกสถานีนึง

มองซ้าย แลขวา ลองกดตู้ขายตั๋วไปสองตู้ ไม่ได้ เลยถามพนักงาน 55 จะไปอีนี่อ่ะ ซื้อตั๋วที่ไหน เขาเลยพาไปตู้แบบที่ 3 ห่างไปไม่กี่เมตร

โฉมหน้าตู้แบบที่ 3 เจ้าค่ะ ถ้าจะซ์้อตั๋วไปแวร์ซายต้องซื้อกับตั๋วหน้าตาแบบนี้เท่านั้นนะ

พอซื้อได้แล้ว เอาล่ะ เอาไงต่อ 555 เห็นคนอื่นสอดบัตรผ่านประตู เลยเอามั่ง เข้าไปด้านในปุ๊บ ขบวนไหนวะะะะ พยายามอ่านป้ายที่บอกแล้ว แต่อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจว่าต้องไปรอชานชาลาไหนอ่ะคะ 55

ถามเขาอีกเช่นกัน สรุปได้ว่า ตัวเลขด้านหน้าคือ เวลารถไฟออก บรรทัดที่สองใต้ชื่อรถไฟจะเป็นสถานีที่มันผ่าน และตัวเลขขวาสุดในสี่เหลี่ยม คือเลขชานชาลา อย่างเรา จะไปแวร์ซาย ก็ต้องลงที่สถานี Versailles Chantiers 

จากรูปจะมีรถไฟรอบ 7.28 ที่ไป Versailles Chantiers อยู่ เราต้องรอให้มีเลขบอกชานชาลาขึ้นก่อน ถึงจะรู้ว่าต้องไปขึ้นที่ชานชาลาไหนค่ะ

เราซื้อบัตรพระราชวังรอบเช้าสุดคือ 9.00 แล้วคือมาสายสุดได้ไม่เกิน 9.30 ถ้าเกินกว่านี้คือทิ้งตั๋วแล้วซื้อตั๋วใหม่ เราเลยมาตั้งแต่ไก่โห่ 8 โมง 555 ประตูยังไม่เปิดเลยเจ้า รอไปยาวๆ

ถ่ายลอดประตูรั้วตอนที่มันยังไม่เปิด

อาคารนี้คือาคารต่อแถวรอเข้า ใครที่ซื้อตั๋วล่วงหน้า เขาจะให้ต่อแถวตรงนี้ตามรอบที่ตัวเองซ์้อ

จำได้ว่าได้เข้าตรงเวลาค่ะ คิวรอบแรกคนเลยไม่เยอะ


จริงๆ แล้วเราค่อนข้างคาดหวังกับที่นี่นะ แต่พอได้ไปจริงๆ เรากลับรู้สึกเฉยๆ  555 ไม่ถึงกับเข้าไปแล้วรู้สึกอิหยังวะ เหมือนบางที่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสวยเลอเลิศอะไร เราจะรู้สึกว้าวกับบางห้องที่ดูทองทั้งห้อง แต่เป็นว้าวแบบ เออ ทำเข้าไปได้นะ 555

ห้องนี้คือห้องที่เรารู้สึกว่า ทำไปได้นะ พี่แกเล่นเป็นสีทองทั้งดุ้นเลย ถ้าจำไม่ผิดนี่จะเป็นห้องนอนของพระเจ้าหลุยศ์ แต่จริงๆ แกมีห้องนอนเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ ที่ตกแต่งน้อยกว่านี้ 

เรางงกับการบริหารจัดการที่นี่มากเลย มีประตูให้ขึ้นได้ 2 ปีก เราก็ขึ้นประตูปีกที่ใกล้สุดก่อน และพบว่าไม่มีคนเลย คนอย่างโล่ง ถ่ายรูปสบาย แต่พอเราจะเดินไปอีกปีกหนึ่ง เขาบอกว่าเดินได้ทางเดียว เราต้องเดินออกแล้วไปเข้าประตูปีกฝั่งตรงข้าม ในใจคือคิดว่า แล้วทำไมไม่ติดประกาศไว้แต่แรก พนักงานที่ปีกฝั่งนี้ก็บอกว่าสามารถเดินไปอีกปีกได้โดยไม่ต้องออกประตู 

จากที่ดู พระราชวังนี้เน้นรูปวาด ลวดลายบนผนัง กับทองคำ

ส่วยเครื่องเรือนคือแทบจะไม่มีเลยจ้า ไปไหนโหม้ดดด

เป็นพระราชวังที่โชว์แต่การตกแต่งภายในจริงๆ ค่ะ แทบจะไม่มีเครื่องเรือนอะไรให้เห็นเลย 

The Hall of Mirrors ห้องที่ใช้เซ็นสนธิสัญญาแวร์ซายที่ทุกคนบอกว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ แต่เราคือแบบ - - มันเฉยมากเลยอ่ะคะซิสสสส 

จุดที่พระเจ้าหลุยส์กับพระนางมารี อ็องตัวแน็ตจัดพิธีแต่งงาน

งานละเอียดมว๊าก

สวนหลังพระราชวัง เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา

เมื่อชมพระราชวังหลักเสร็จแล้ว เราจึงเดินไปที่ Estate of Trianon ซึ่งใช้เวลาเดินไปก็ประมาณ 1 ชม. เราเดินออกจากพระราชวังแล้วเดินเลียบไปทางขวา ตัดผ่านเข้าสวนสาธารณะ

สิ่งที่อยากบ่นที่สุดของพระราชวังนี้คือ ห้องน้ำน้อยมากกกกกกกกกกกกก มากถึงมากที่สุด สงสัยคงจะขี้เกียจดูแล ดีที่เราเข้าห้องน้ำก่อนจะชมวัง เพราะพอชมวังเสร็จจะมาเข้าห้องน้ำอีกรอบคือแถวยาวเหยียดเว่รร์ ใจเลยว่าจะไปเข้าที่ Estate of Trianon ปกติห้องน้ำมันต้องมีทั้งในและนอกอาคารพิพิธภัณฑ์เนอะ แต่ที่ Estate of Trianon ห้องน้ำอยู๋ข้างนอกจ้า ห้องน้ำเดียวที่อยู่ใน Estate of Trianon คือห้องน้ำที่ฝั่ง Queen's Hamlet ซึ่งอยู่ไกลมากกกกก ลงท้ายเราเลยขอเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วออกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับเข้ามาเหมือนเดิม - - และห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกก็คือ มีหนึ่งห้องถ้วน 5555 พีกได้อีก ดีที่ไม่มีคิว เลยไม่ต้องรอ

Estate of Trianon

แผนที่ Estate of Trianon ประกอบด้วย 3 โซนหลักคือ Grand Trianon/Petit Trianon และ Queen's Hamlet

Grand Trianon/Petit Trianon

2 อาคารนี้ เราขอรีวิวสั้นๆ ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโต๊ะ เก้าอี้ 555 มีมันทุกห้อง ห้องละหลายๆ ตัว ตอนเดินดูห้องแรกๆ เราเฉยๆ แต่พอเดินไปเรื่อยๆ แบบ เอ๊ะ ทำไมเก้าอี้มันเยอะจัง ในห้องๆ หนึ่งต้องใช้เก้าอี้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ จนมาถึงบางอ้อทีหลังว่า เพราะเครื่องเรือนดั้งเดิมถูกขายทิ้งไปตั้งแต่สมัยปฏิวัติแล้ว แล้วอาคารพวกนี้ก็ถูกเปลี่ยนมือไปมาจนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังแวร์ซายอีกครั้ง 

Grand Trianon

Grand Trianon ทำจากหินอ่อนสีชมพู แต่เราพยายามจะถา่ยจากข้างนอกแล้ว ไม่สวย เพรามันย้อนแสง เลยเลิกถ่าย เอาแค่นี้พอ 

Petit Trianon 

คือของขวัญที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มอบให้กับพระนางมารี อ็องตัวแน็ต และเป็นที่ที่พระนางมารี อ็องตัวแน็ตใช้เวลาอยู่มากที่สุด 

พระนางมารี อ็องตัวแน็ต เดิมเป็นเจ้าหญิงออสเตรียที่ถูกส่งมาแต่งงานทางการเมืองกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเจ้าหญิงต่างชาติ จึงไม่ได้รับการยอมรับ ลงท้ายพระนางจึงมักจะหลีกหนีความวุ่นวายในวังมาอยู่ในวังส่วนพระองค์

Queen's Hamlet
โซนฟาร์มที่พระนางมารี อ็องตัวแน็ตสร้างขึ้นตามเทรนด์คนมีเงินสมัยนั้น และก็ใช้งานเป็นฟาร์มจริงๆ จนถึงปัจจุบัน กล่าวกันว่าพระนางมารี อ็องตัวแน็ตหลบมาใช้ชีวิตและแต่งตัวเหมือนหญิงชาวบ้านทั่วไปบริเวณนี้ด้วย

ตอนดูรูปในกูเกิ้ล เรานึกว่าเข้าไปในบ้านแต่ละหลังได้ พอมาจริงปรากฎว่าเข้าไม่ได้ ได้แต่เดินวนดูรอบๆ ผ่ามๆ  

หากเดินเลยโซนนี้ไปหน่อย จะเป็นโซนของฟาร์มที่แท้ทรู แบบที่ยังมีสัตว์ตัวเป็น และยังมีคนมาทำฟาร์มกันอยู่ในบริเวณนี้

ภายในสวนนี้มีต้นไม้ที่น่าสนใจสำหรับเราคือต้น Weeping beech กิ่งไม้และใบไม้จะแผ่ปกคลุมต้นของมัน ข้างในจะเป็นที่โล่งๆ หากมองจากข้างนอกจะคล้ายสุ่มใบไม้

หากมองจากด้านนอก จะคล้ายสุ่มใบไม้

Weeping japanese pagoda tree เป็นต้นไม้คนละพันธุ์แต่ลักษณะใกล้เคียงกัน

ปิดท้ายด้วยต้นสุดท้าย ต้นที่พระเจ้าหลุยศ์ (องค์ที่เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว) เป็นคนปลูกกับมือเอง และยังคงยืนต้นอยู่จนถึงปัจจุบัน เป็นต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นในสวนนี้ที่ยังเหลือรอดมาได้

ลิ้งค์ของตอนอื่นๆ ในทริปนี้จ้า
ตอนที่ 1 ทริปหลงเดี่ยว 22 วัน@ยุโรป ตอนที่ 1 ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์กลางของอาณาจักรโรมันกับ Full experience colosseum ticket เดินมาราธอนที่โคลอสเซียมใต้ดิน ลานอารีนา และจตุรัสโรมัน https://th.readme.me/p/42617
ตอนที่ 2 Bath Of Caracalla โรงอาบน้ำโรมันโบราณณ สนามแข่งม้ายุคโรมัน และการเดินทางในโรม https://th.readme.me/p/42624
ตอนที่ 3 Day Trip สู่ทิโวลิ (Tivoli) เดินชิวใน Villa Adriana วิลล่าตากอากาศของจักรพรรดิโรมันและ Villa D'Este ต้นฉบับของสวนอิตาลีสไตล์เรเนซองส์ https://th.readme.me/p/42618
ตอนที่ 4 Day Trip สู่ Ostia Antica อดีตเมืองท่าโรมันโบราณใกล้กรุงโรม https://th.readme.me/p/42620
ตอนที่ 5 ปอมเปอี Pompeii เมืองโรมันที่หายสาบสูญไปจากแผนที่ภายในชั่วข้ามคืนเมื่อภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด https://th.readme.me/p/42734
ตอนที่ 6 เฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) เมืองโรมันโบราณที่มีอะไรให้ดูไม่แพ้ปอมเปอี Pompeii ประเทศอิตาลี https://th.readme.me/p/42735
ตอนที่ 7 พิพิธภัณฑ์อิทรัสคัน อารยธรมโบราณในอิตาลีก่อนการมาถึงของจักรวรรดิโรมัน National Etruscan Museum https://th.readme.me/p/42736
ตอนที่ 8 Hiking from Grindelwald to First จากกรินเดลวัลด์สู่ภูเขาเฟิร์ส ขึ้นกระเช้าทำไย เดินขึ้นกันดีกว่า และ First cliff walk ในม่านหมอก https://th.readme.me/p/42746
ตอนที่ 9 รีวิว Flixbus รถบัสสัญชาติเยอรมันราคาย่อมเยาว์สำหรับสายเที่ยว https://th.readme.me/p/42788
ตอนที่ 10 เที่ยวพระราชวังแวร์ซายแบบครบสูตร เดินขาลากที่ The Estate Of Trianon และ Queen's Hamlet ของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต https://th.readme.me/p/42794
ตอนที่ 11 การซื้อตั๋วรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์ ซื้อตั๋วแบบไหนดีนะ https://th.readme.me/p/42796

Duck's journey

 วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 21.09 น.

ความคิดเห็น