สวัสดีค่า ทุกคน ขอแนะนำตัวหน่อยน้า เราชื่อ หมิง วันนี้เราก็จะมาเล่าเรื่องประสบการณ์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนของปี 2023 ของเรากับครอบครัว ซึ่งก็จะมี หมิง พ่อ ก๊อแต้ม พี่บาส และเจ้าพวกเด็กแสบอีก 2 คน ให้ฟังกัน 

      ก่อนที่เราจะทำการเดินทางเนี่ย หมิงได้งาน Final จากอาจารย์ประจำรายวิชานวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวมาเขาให้โจทย์หมิงเป็นการถ่าย Vlog และเขียน Blog เพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวในรูปแบบไหนก็ได้ ซึ่งหมิงเนี่ยก็ด้วยเป็นคนที่ชอบคิดวางแผนต่างๆนาๆ รวมถึงช่วงนี้เป็นใกล้เทศกาลตรุษจีนแล้วนี่นา! อีกอย่างครอบครัวเราก็ไม่ได้มาพร้อมหน้ากันนานแล้วด้วย งั้นเอาเลย จัดเลย 

      หมิงจัดการโทรไปหาพ่ออย่างกระทันหันมาก 'พ่อจ๋า ตรุษจีนนี้เราไปเที่ยวกันเต๊อะ' พ่อหมิงก็ฟีลแบบ ร้อยมันพันปีไม่เคยโทรมา มาชวนไปเที่ยวก็งงไปพักใหญ่แต่สุดท้ายแล้วก็ดีลกันได้เย้! ทริปตรุษจีนสไตล์สงขลา ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!

      ผู้หญิงเสื้อแด๊งแดงคนนี้ก็หมิงเองนะ ส่วนเด็กข้างๆขอเรียกแทนว่าเด็กแสบไปก่อนละกัน ตอนนี้พวกเราก็ได้เตรียมตัวนั่งกันอยู่บนเพื่อที่จะออกเดินทางไปรับสมาชิกครอบครัวอีกท่านนึงคือ เจ้าแต้ม (พี่ชาย) นั่นเอง โดยหมิงเนี่ยบอกเลยว่าใช้เตรียมตัวตื่นนอนมาตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาอาบน้ำแต่งหน้าต่างๆ แล้วเริ่มออกจากบ้านได้ประมาณเวลา 8 โมง พ่อหมิงก็ทำการโทรปลุกแต้มเลย แบบ 'ออกมารอรึยังใกล้ถึงแล้ว' แต่สภาพคือพึ่งสตาร์ทรถนะ ที่นัดกับแต้มไว้คือ 8 โมงเนี่ยแหละ 

      เป็นพ่อลูกที่เหลี่ยมกันได้ตลอดเวลาบอกเลย เนื่องจากบ้านหมิงนั่นอยู่ที่ ตำบลปาดังเบซาร์ ก็จะใช้เวลาเดินทางไปหาแต้มที่ทำงานหาดใหญ่ประมาณ 40 นาที ด้วยกันค่ะ

      หลังจากนั้นเมื่อเรารับเจ้าแต้มมาขึ้นรถพร้อมกับพี่บาสบาส(แฟนเจ้าแต้ม) ขึ้นมาบนรถแล้วก็มาแวะเติมคาเฟอีนในร่างกายสักกะหน่อย เลยได้โกโก้ไม่หวานติมขมมากิน 1 แก้วค่าา ที่สำคัญคือฟรีนะ อิอิ คนที่อยู่ในภาพก็ใข่แล้ว เจ้าแต้มนั่นเองค่าาา


      โกโก้ไม่หวานติดขมฝีมือจากเจ้าแต้ม 1 แก้วฮับ อร่อยเวอรรรร์ เมื่อได้เครื่องชูกำลังที่ถูกใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหมิงก็ได้หยิบแพลนของการเดินทางในวันนี้ขึ้นมา! เอาล่ะถึงเวลามุ่งหน้าไปยังนครสงขลา ย่านเมืองเก่า แห่งถนนนางงาม ฟิ้วววว 

       ด้วยความที่วันนี้เป็นวันอังคาร์และผู้คนก็ต่างทำงานกันทำให้การขับรถลื่นไหลมาก รถไม่ติดอากาศก็ดีไม่ร้อนจนเกินไป ด้วยเวลาเพียง 40 นาททีเราก็มาถึงถนนนางงามกันแล้ว

เป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมช่วงตรุษจีน

      ถนนนางงามนะคะ ถือว่าเป็นหนึ่งในถนนของย่านเมืองเก่าสงขลาที่มีทั้งอดีต วัฒนธรรม ประเพณี ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมมากมาย เรียกได้ว่าเป็นย่านแห่งประวัติศาสตร์เลยก็ได้ ที่เที่ยว ที่กิน ที่ถ่าย มีให้เพียบพร้อมแน่นอน และถ้าพูดถนนนางงามเนี่ย ขาดไม่ได้เลย ประติมากรรมตามสถานที่ต่างๆ และภาพสตรีทอาร์ตเก๋ๆ ให้ทุกคนเข้าไปถ่ายรูป โพสถ่ายอวดเพื่อนๆใน FB กันให้เต็มเลยย

      จากตอนแรกที่หมิงบอกว่าอากาศกำลังอุ่นๆกำลังดีนะคะเลยว่าจะเดินเล่นสักกะหน่อย พอลงมาปุ๊ป ตัวแทบละลายเลยจ้าา ดูถูกแดดเมืองไทยไม่ได้เลยนะ หมิงเลยเก็บภาพมาให้ทุกคนดูได้เล็กๆน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ เพราะเป็นช่วงเทศกาลหมิงก็ว่ารถไปไหนที่แท้แห่กันมาไหว้ก๋งที่ศาลเจ้าหลักเมืองสงขลากันนี่เอง 

      กลายเป็นว่าหารูปยากมากเลยจ้าาา แต่ยังแนะนำให้มานะ ของตรุษจีนเขาคือดี ครบจริง เล่นใหญ่จริง ประทัดดังจริง บริการในศาลเจ้าก็น่าประทัยพอสมควรเลยค่ะมอบความสะดวกแก่ผู้คนในเทศกาลมากๆ เอาไปเลยล้านดาว

     ศาลเจ้าหลักเมืองถือเป็นโบราณสถานที่จะเปิดให้เข้าชมในนช่วงเวลา 07.00น. - 17.00 น. นะคะ

      กิจกรรมที่หมิงทำในศาลหลักเมืองสงขลาสิ่งแรกเลยนะคะ คือได้ยิน 'จุดประทัดนะครับ จุดประทัดนะครับ' มาถึงก็เจอเซอร์ไพรส์เลยค่ะ ด้วยความที่หมิงเป็นคนกลัวเสียงประทัดก็อุดหูกันแทบไม่ทัน 

      จากนั้นหมิงก็ได้เดินเข้าไปในส่วนข้างในทำการซื้อ รูป,น้ำมัน,กระดาษ  พอได้ซื้อมาเรียบแล้วเนี่ย เราก็ต้องเอาไปวางในบริเวณที่เขาให้วางก่อนนะคะเพราะว่าเดี๋ยวจะปักธูป จุดธูปลำบากค่ะ เมื่อวางแล้วหมิงก็ทำการไปจุดธูปแล้ว ไหว้ขอขมาสิ่งศักิด์สิทธิ์จากนั้นจึง นำธูปที่มีไปปักตามจุดต่างๆที่กำหนดไว้ตามหลักการของสถานที่เมื่อเสร็จจากเรียกรูปแล้ว ก็กลับไปเอาน้ำมันและกระดาษเพื่อที่จะเติมมน้ำมันตะเกียง แล้วนำกระดาษไปเผา ตามประเพณี ตามวัฒนธรรมของวันตรุษจีนคนชาวสงขลาค่ะ แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะไปไหว้ขอขมา ทักทาย และอฐิษฐานกับเจ้าพ่อเสือในศาสหลักเมืองสงขลากันด้วยนะคะ 

      เมื่อเราเสร็จธุระจากตรงนี้แล้วก็ถึงเวลาาาา ที่จะไปเดินสตรีทฟู้ดอร่อยๆบริเวณหน้าศาลเจ้า กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องใช่ไหมคะ!

      มื้ออาหารแรกที่หมิงได้กินบริเวณศาลเจ้านะคะ ต้องเป็นร้านเจ้าติมโอ่งเจ้าดัง โดยหมิงซื้อมาชิมในราคาเพียง 50 แถมโอ่งฟรีด้วยนะ แล้วไอติมเขามีความพิเศษก็คือ เขาใส่ไข่เดิบลงไปในไอติมด้วยค่ะ 

      เฮ้ย! มันแปลกมากเลยนะหมิงก็ไม่เคยกิน ก็อยากจะลองชิมด้วยเหมือนกันได้ยินมานานแล้วเห็นว่าอร่อยนักอร่ยหนา ขอชิมหน่อยซิ อื้มมมมมมมมมมมหืมมม อร่อยสมชื่อค่ะ ไม่รู้ทำไมแต่รสชาติของไอติมและไข่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ หวาน กลมกล่อมเลยอ่าา ติดใจกันเลยทีเดียวช่วยคลายใจจากความร้อนของอากาศได้เป็นอย่างดีเลย

      และอาหารมื้อว่างบริเวณศาลมื้อถัดไปของหมิงก็คือออ ขนมโตเกียวสูตรแป้งนุ่มนั่นเองค่าา บอกได้เลยว่ารสชาติ รสสัมผัส ไส้ มีความคุ้มค่าอย่างมาก ราเคาเพียงชิ้นละ 5 บาทต่อชิ้นเท่าเองนะคะ กินแล้วฟินกับแป้งนู้มมมมมมม ครีมหวานๆ กลมกล่อมกันอย่างลงตัวค่ะ

      และอาหารมื้อว่างบริเวณศาลมื้อถัดไปของหมิงก็คือออ ขนมโตเกียวสูตรแป้งนุ่มนั่นเองค่าา บอกได้เลยว่ารสชาติ รสสัมผัส ไส้ มีความคุ้มค่าอย่างมาก ราเคาเพียงชิ้นละ 5 บาทต่อชิ้นเท่าเองนะคะ กินแล้วฟินกับแป้งนู้มมมมมมมนุ่ม ครีมหวานๆ กลมกล่อมกันอย่างลงตัวค่ะ

       เมื่อเรารับประทานอาหารว่างในถนนนางงามกันเสร็จสรรพแล้วก็ต้องไปรับประทานอาหานหนักกันต่อ เพราะว่าตอนนี้นั่นเป็นเวลาเที่ยงแล้วนั่นเอง!

      หมิงกับทางครอบครัวก็ได้ไปรับประทานอาหารที่หาดสมิหลากันนะคะ ซึ่งในระหว่างรออาหารมาเสริฟ์ก็ได้มานั่งชมวิว ตากลม เล่นชิงช้า และถ่ายภาพสวยๆกันก่อนไปพลางๆ ซึ่งพื้นที่มีบริเวณให้เด็กๆเล่นอย่างสบายใจอีกทังยังมีบริการให้ขี่ม้าด้วยนะคะ แต่หมิงยังไม่ได้ลอง คิดว่าถ้ามีโอกาสครั้งจะลองขี่ม้าเล่นดูเหมือนกันค่ะ ในขณะที่ท้องกำลังหิวนั่นเอง... ก็ได้ยินเสียงพ่อเรียกว่า 'ข้าวมาแล้ว' โอ้ววววว ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงจนได้ค่ะทุกคนนนน

      อื้มหิ้มมมมมม คนหิวๆอย่างเราก็นั่งลงบนโต๊ะอาหารอย่างขมักเขม้นเลยนะ ก็คือหิวไง รายการอาหารก็จะประกอบด้วย ปลาไข่กระพงแกงส้มยอดมะพร้าว กุ้งแม่น้ำยักษ์ หอยนางรมพร้อมเครื่องเคีง ปูผัดผงกระหรี่ ไก่ทอดกระเทียม ยำมะม่วงปลากระพง และข้าวผัดกุ้ง บอกเลยว่ากินแบบจัดหนักจัดเต็มจัดเลยทีเดียวค่ะ ราคาจัดอยู่ที่ประมาณ 3,400 กว่าบาทค่ะ

       หลังจากเติมจากเสบียงให้กับกองทัพแล้วก็ต้องเดินทางกันต่อ โกวๆๆ ตอนนี้เนี่ยมาถึงหาดสมิหลาจะมาพลาดที่นี้ไม่ได้นะคะ นั่นคือ เราต้องไปเช็คชื่อกับคุณครู ณ วงเวียนวงชื่อของหาดสมิหลาค่ะ 

      โดยต้องทำการขับรถเวียนเวียน วงเวียนหนึ่งรอบพร้อมบอกชื่อของตัวเองมาค่ะ ของหมิงมาถึงก็จัดเลย ตะโกนเอาเต็มที 'เยาวลักษณ์ มาแล้วค่าาา' เนี่ยทุกคนคะ ถ้ามาหาดสมิหลาแล้วไม่มาเช็คชื่อถือมาว่ายังมาไม่ถึงนะคะ 

      ซึ่งประติมากรรมดังกล่าวมีลักษณะเหมือนกับคุณครูที่กำลังเช็คชื่อนักเรียนเองนั่นเองง ประติมากรรมนี้ก็มีชื่อว่า คนอ่านหนังสือ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2548 โดยอาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ ค่ะเพื่อบอกถึงความที่เมืองสงขลานั่นเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ และการเป็นสถานที่เช็คชื่อเรียบร้อยซะแล้วในภายหลังถือว่าเป็นการเกิดกระแสการท่องเที่ยวที่นี่และน่าสนใจมากๆเลยค่ะ

      ไหนๆหมิงก็มาเช็คชื่อแล้วก็ขออนุญาตเก็บภาพเพื่อเป็นการเช็คอินสักหน่อยนะคะ เย้เย้เย้ ลมแรงดีมากเลยค่ะ สู้กับแดดแรงๆแบบนี้ได้พอดี

       หลังจากนั้นน เมื่อเรามาเช็คชื่อกันเสร็จแล้วก็ต้องต่อไปก็ต้องเดินทางไปยังแสนด์มาร์กสถานที่ใหม่อย่าง Seaverse Cafe and Restaurrant จากที่หมิงเห็นรีวิวต่างๆนาๆ ว่าวิวสวยเหมาะกับการถ่ายรูป สวยอย่างกับฮาวาย มีโอกาสได้พิสูจน์ทั้งทีก็ต้องเดินทางไปเห็นกับตาสักหน่อย

      โอโห ปังมาก อลังการมากแม่ ใครมาหาดใหญ่แล้วไปมาที่นี่ถือว่าพลาดของจริง ค่าเข้าชมเพียง 20 บาท วิวทั้งหมดภายในสถานที่จะกลายเป็นแหล่งถ่ายรูปชั้นดีของเพื่อนๆทันที ฟีลอย่างกับอยู๋ต่างประเทศอะไรอย่างนั้นน ช่วงเวลาที่หมิงเข้าไปถึงนะคะ เป็นช่วงเวลา 15.30 น. พอดี บอกเลยว่าแดดกำลังสวย และอากาศไม่ร้อนมากจนเกินไป ถ่ายรูปคือกลายเป็นตัวแม่ทุกคน 

      ด้วยช่วงนี้ที่เป็นเทศกาลหมิงเจอ อปป้าเกาหลีหลายคนมาก แอบเขินหน่อยตอนถ่ายรูป แต่ก็ได้รูปมาอวดนะจ้ะ หอคอยที่สีดำที่เป็นรูปล่าสุดนั่นคือจุดชมวิว 360 องศา จำกัดให้ขึ้นไปได้ครั้งละ 20 คนไม่มีค่าบริการเพิ่มเติมนะคะ คุ้ม คุ้มแบบไม่ไหวแล้วป่ะ ต้องไป ต้องไป! แบบตะโกน

      ซึ่ง Seaverse Cafe and Rastaurant นั้นจะมีเวลาเปิดปิด 08.30 - 20.00 น นะคะ และสำคัญมาก ปิดทุกวันพุธนะคะ มีห้องน้ำ อาหาร เครื่องครบจบในที่เดียวค่ะ

      ว่าแล้วก็อวดรูปตัวเองกับวิวสวยๆไปอีกรอบ ไปตามนะ ตามมาถ่ายมุมเก๋ๆกัน ฮิๆๆๆ หลังจากที่หมิงเดินชม Seaverse Cafe and Restaurant ครบทุกซอกทุกมุมกันแล้ว 

       ก็ได้เวลาเดินทางไปยังงง จุดหมายจุดหมายสุดท้ายค่า จุดชมวิวพระอาทิตย์ที่สุดแสนจะโรแมนติกที่ในนครหาดใหณ่ เขาคอหงส์นั่งเอง!

      วันตรุษจีนแบบนี้ทุกคนก็เข้าขอพร ขอเรื่องราวต่างๆกันมากมาย หมิงก็ได้ขอเหมือนกันค่ะ ขอให้เรียนจบและสอบติด สาาาาธุ แต่ขอไม่เติม 99 นะ อิอิ ซึ่งประติมากรรมพระพุทธรูปดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า 'พระพุทธมงคลมหาราช' เป็นปางประทานพร อีกเป็นพระปางประทานพรที่ใหญ่มากที่สุดในภาคใต้อีกด้วยค่ะ

      เขาคอหงส์เราสามารถเดินทางเข้ามาผ่านรถยนต์แล้วขับขึ้นไปได้แล้วนะคะเรื่องการเดินทางสะดวกมาก มีห้องน้ำอยู่บริเวณเขา เวลาเปิดปิดให้เข้าชมอยู่ที่เวลา 05.00 - 21.00 น. 

      ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในสวนสาธารณะที่แหวกแนวเพราะมีทั้งรูปปั้นทางศาสนา คาเฟ่ กระเช้าลอยฟ้า ปั่นเรือเป็ดแบบโมเมนต์กับคู่รักก็มีน้า สนามให้เด็กๆได้วิ่งเล่น เป็นสถานที่ที่เหมาะกับกับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบเลยคะอย่างสุดท้ายเขาคอหงส์นั้นสามารถมองทั้งเมืองของหาดใหญ่ได้จากยอดจุดสูงสุดของที่นี่ ถือว่าจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด และโรแมนติกที่สุดอีกซะด้วย งื้อออออ น่ารักจังเลยอ่า

      เพื่อนๆคะ ตอนนี้ก็คงถึงเวลาต้องบอกลาสำหรับ One day Trip ตรุษจีนสงขลาสไตล์ ที่หมิงได้จัดขึ้นกับครอบครัวแล้วค่ะ ซึ่งเป็นความทรงจำร่วมกันกับครอบครัวของเราที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสหน้าพบตากันเท่าไหร่เป็นความทรงสำคัญแสนสำคัญและล้ำค่า 

      นอกจากนี้หมิงก็หวังว่าการเดินทางในทริปนี้จะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆที่หาสถานที่ท่องเที่ยวในวันตรุษจีนกับครอบครัวสามารถตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ

      อีกทั้งต้องขอขอบคุณอาจารย์ประจำรายวิชาการท่องเที่ยวที่ได้ให้โอกาสนักเรียนแสดงความสามารถของตัวเองมาได้อย่างสรรค์ อีกทั้งไกด์แนวทางคอยสอนหมิงในเรื่องต่างๆ หมิงรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริงค่ะ ทั้งความรู้และประสบการณ์ ความหวังดีที่อาจารย์ให้หนูมา หนูรู้สึกขอบคุณจริงๆค่ะ ที่ช่วยสร้างความกล้า กำลังใจให้หมิงกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง ขอบคุณจริงๆค่ะ 😊

**หมายเหตุ Blog นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรายวิชานวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยว
จัดทำโดยนางสาวเยาวลักษณ์ แซ่ลิ่ม ซึ่งจัดทำใน Concept การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่จีน ตรุษจีนสงขลาสไตล์ โดยไปยังสถานที่ศาลหลักเมืองสงขลา หาดสมิหลา และ Landmark ใหม่ของหาดใหญ่ Seaverse Cafe and Restaurant. โดยจัดทำการท่องเที่ยวแบบ One Day Trip

YAOWALAK SAELIM SAELIM

 วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.03 น.

ความคิดเห็น