*ต่อจากกระทู้ภาคแรกนะครับในที่สุดเราก็มาถึงลานสนกันเเล้ว เหนื่อยใช้ได้เลยล่ะ พอมองดูเวลาก็เกือบ 15.30 เราเดินขึ้นตอน 9.30 น. ถือว่าใช้เวลานานพอสมควรเลยด้วยความเหนื่อย + เดี๊ยวมันจะมืดเเล้วเพราะในป่ามันมืดไว เลยต้องไปเอาของจากลูกหาบ หาที่เหมาะกางเต็นท์บนลานเจ้าหน้าที่ขุดร่องระบายน้ำไว้ให้ เมื่อเราจัดการเรื่องที่นอนเสร็จก็ไปตักน้ำที่น้ำตกมาอาบ เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยเพราะที่นี่ไม่มีน้ำใช้ให้ต้องตักเองพออาบน้ำเสร็จก็ก่อกองไฟทิ้งไว้ พอฟ้ามืดจะได้มีเเสงสว่างเเละมีไฟไว้ทำของกิน เมื่อเราจัดการเครื่องอำนวยชีวิตรอดได้เเล้วเราก็เดินเล่นเก็บภาพ55555 5 โมงกว่าๆเเล้วฟ้าเริ่มมืดวันนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดินเพราะหมอกลงหนักมากกกกกกก!!! เเต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ อยู่ท่ามกลางเปลวหมอกก็ได้บรรยากาศอีกอย่าง งั้นตามภาพที่ผมเก็บมาฝากกันเลย


1.ป้ายน้ำตกสายทิพย์ที่เราลงไปตักน้ำมีความชันอยู่นะเเต่บรรยากาศดีมากๆเลย


2.บริเวณลานกางเต็นท์ช่วงที่ผมไปมีนักท่องเที่ยวมากันหลายกลุ่มอยู่ ดูอบอุ่นดี นักท่องเที่ยวเเต่ล่ะกลุ่มรักษากฎระเบียบกันดีมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักศึกษาแบบพวกเรา สงสัยใกล้เปิดเทอมเลยต้องมาเติมพลัง55555 เปิดเทอมไปคงหาเวลามายากเเล้วล่ะ 😓 😓


3.บรรยากาศช่วงเย็นๆบริเวณลานสนเริ่มมีหมอกบางๆ เเต่พอสัก 6 โมงเย็นหมอกหนามากเลยอดดูพระอาทิตย์ตกเเต่ได้สัมผัสไอหมอกเเทน5555 เเต่ว่าไหมบางทีไปหมอกมันก็เย็นจนเราเหงาเลยนะ 😠😠


4.บางคนเดินเล่นคนเดียว บางคนเดินเป็นคู่ เเต่การสัมผัสทุ่งหมอกเเบบนี้เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดีเลย เเบบนี้แหละผมถึงชอบภูเขาเพราะมันทำให้ผมอบอุ่นใจทุกครั้งเเละมีเเรงบันดาลใจในการก้าวเดินต่อไปในชีวิตต ^^ 😍😍


5.ผมและเพื่อนๆเดินเล่นไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีห็หมอกหนามากเเล้วบริเวณจุดชมวิวบดบังไปด้วยหมอกทึบผมเลยรีบกลับที่พักทำอาหารรับประทานกัน ผมปวดหัวนิดหน่อยจึงรีบกินยาเข้านอน เเต่พอตกดึกก็ไม่ได้นอนเพราะฝนลงเมื่อตอนตีสองทำให้ผมต้องตื่นมาดูเต็นท์ว่าน้ำจะท่วมไหม เต็นท์ทนไหวหรือเปล่าเเต่เเล้วก็มีน้ำฝนบางส่วนที่ไหลซึมเข้ามาในเต็นท์(คิดว่าเป็นประสบการณ์ดีๆก้เเล้วกัน คืนนั้นจึงเปียกกันถ้วนหน้า5555 ) บอกเเล้วว่าถ้าไม่มีความอดทนขึ้นมาภูสอยดาวไม่ได้ เเต่สำหรับผมยิ้มสู้ไว้ถือเป็นพรจากธรรมชาติ เราบังคับธรรมชาติไม่ได้เเต่เราเรียนรู้ท่จะอยู่กับมันได้


6.เช้าเเล้วหลังจากเปียกฝนเมื่อคืนตอนเช้าจึงจิบกาเเฟร้อนๆเเล้วเดินถ่ายรูปดอกหงอนนาคเล่นซึ่งดอกหงอนนาคถือว่าเป็นจุดเดิ่นอย่างหนึ่งของภูสอยดาวเลยชนิดที่ว่าใครขึ้นมาก็ต้องเก็บภาพไปเป็นที่ระลึก ช่วงที่ผมขึ้นไปดอกหงอนนาคยังออกดอกไม่ค่อยมากเเต่ถ้าช่วงฤดูหนาวน่าจะสวยงามหกว่านี้ เเต่สำหรับผมเเค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเเล้ว หยดน้ำที่กลิ้งบนต้นหงอนนาคช่างมีควาามงดงามมากจริงๆ ยิ่งมองยิ่งสบายตาถือว่าเป็นยามเช้าที่สดชื่นมากเลยทีเดียว


7.ก่อนลงจากภูเลยพาเพื่อนเก็บภาพทิ้งท้าย เพราะไม่รู้จะได้มาอีกเมื่อไหร่ต่างคนก็ต่างมีภารกิจมีความฝันที่ต้องเดินตามเป็นของตัวเองเเต่อย่างน้อยที่สุดเราก็มีภาพที่ทำให้นึกถึงสถ่นที่นี้ทุกครั้งที่ดู


8.สภาพรองเท้าบ่งบอกว่าผ่านอะไรมาบ้าง นันยางก็ปีนเขาได้5555 เเต่ผมไม่เเนะนำให้ทำตามใส่ร้องเท้าปีนเขาดีกว่า ผมมันสายบ้าบิ่น🙈 🙉 🙊


9.ปิดท้ายภาพจากภูด้วยบรรยากาศขณะลงจากภูเต็มไปด้วยธรรมชาติท่สวยงาม เวลาของการเดินทางใกล้หมดลงเเล้วสินะ เเต่ความฝันของเรายังคงต้องเดินต่อไปพอลงมาถึงป้าที่เราเหมารถมาตอนเเรกท่านก็มารับเราพอดีบริการดูแลเราดีมาก พาเราไปหาที่อาบน้ำล้างตัวด้วยเพราะเรากลับรถไฟรอบ 22.00 ระหว่างรอรถไฟกลับบ้านเราก็หาอะไรกินเเถวสถานีรถไฟนั่งเล่นกับเพื่อนคุยกันเเรกเปลี่ยนประสบการณ์เพราะหมดจากทริปนี้ทุกคนต้องเเยกย้ายไปเรียนตามมหาลัยของตนเเละความฝันของตนเอง


*เเละเเล้วเเบตกล้องก็หมดเหมือนสัญญาณย้ำเตือนว่าทริปนี้สิ้นสุดลงเเล้ว เเต่เเน่นอนที่สุดการเดินทางของผมยังไม่จบเเค่ทริปนี้เเน่ผมยังมีความฝันที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ไปเพื่อเรียนรู้ตัวเองเเละสิ่งรอบข้าง ไปเพื่อพัฒนาตัวเองเเละสรรหาเเรงบัลดาลใจให้กับชีวิต


ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณเพื่อนสมัยประถมทั้ง 4 คนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ขอบคุณน้องๆวิศวะ ม.สุรนารีที่เจอกันระหว่างทางเเล้วไปด้วย หวังว่าพวกเราจะมีโอกาสเจอกันอีกในทริปหน้า

ส่วนใครสนใจไปตามได้นะครับสนุกมากๆอยากให้ทุกคนที่อ่านรีวิวไปจะได้เรียนรู้พิสูจน์ความอดทนของตนเอง จะไปกับกลุ่มเพื่อนก็ดี กับเเฟนก้ดี กับครอบครัวก็ดี หรือไปคนเดียวก้ได้ เพราะทุกรูปแบบการท่องเที่ยงมันมีความหมายในตัวมันอยู่ หลายคนอาจเบื่อทะเลเสียงเรียกจากภุเขาอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งท่ช่วยคุณได้ไปเถอะครับ ลองพิสูจน์ใจตัวเองดูสักครั้ง เเล้วคุณจะรัก "ภูสอยดาว"

#เราเลือกภูเขา

#ความฝันกำลังเดินทาง

#เขาไม้สน

#ภูสอยดาว

สอบถามข้อมูลผมได้ที่ : [ https://www.facebook.com/tassapolthiburpan]

ติดต่ออุทยาน : โทรศัพท์ : 055 436793

095 6299528 (สำหรับติดต่อในเวลาราชการเท่านั้น)

091 0247633

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายกำจรเดช ศรีวิลัย

*สรุปค่าใช้จ่าย

1.ค่ารถไฟ 179 บาท ไปกลับรวมเป็น 358 บาท

2.ค่ารถสองเเถวสถานีรถไฟไป บขส เก่ากลับ 40บาท

3.ค่าเหมารถไปภูสอยดาว 500 บาทรวมเเล้วทั้งไปเเล้วกลับ

4.ค่าเข้าอุทยานนักศึกษา 20 บาท คนทั่วไป 40 บาท

5.ค่ามัดจำขยะคณะล่ะ 200 บาทหารกัน

6.ค่าเตาเเละถ่านทำอาหาร เตา 100 บาท ถ่าน 20 บาท(อุทยานขาย50 เเต่พวกผมซื้อไปเองจจากตลาดเลยถูกกว่า)

7.ค่าลูกหาบไป 15 โล ลงมา 12 โล รวม 27 โลโลล่ะ 30 บาท รวม 810 หารกัน 4 คน รวม

8.ค่ากินระหว่างการเดินทาง 400 บาท (เเล้วเเต่บุคคลว่าใครกินเยอะกินน้อย)

9.ค่าเเท็กซี่จากบ้านมาหัวลำโพงไปกลับหารกันตกคนล่ะ 70 บาท

รวมงบประมาณที่ใช้ต่อทริปประมาณ 1670 บาท (เเต่ควรติดเงินไป 2000 บาทเพื่อบางคนกินเยอะเเละต้องการซื้อขอ

ฝากอย่างผมซื้อเสื้อมาเป็นของที่ระลึก 1 ตัว )

*****สุดท้ายเเล้วจริงๆสำหรับทริปนี้ เอาไว้เจอกันทริปหน้านะครับเเล้วจะเอาประสบการณ์ใหม่ๆมาฝาก ขอบคุณมากๆครับ*****

[Champ] TT.GEO39

 วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.51 น.

ความคิดเห็น