สวัสดีชาวRead.me วู้ววววว และแล้วเราก็เดินทางมายัง "รีวิวท่องเที่ยวอันที่4"ของเราแล้วววว ทริปนี้เราไปดูทะเลหมอกที่เขาค้อ แล้วต่อด้วยภูทับเบิก ด้วยทริป...."หัวหมึยในเมืองหมอก" ชื่อทริปแปลกๆมั๊ย?? เป็นชื่อทริปที่เพื่อนคิดให้ เนื่องจากเราเป็นคนผมหยิกเหมือน.....ฝอยขัดหม้อ!! เพื่อนเลยตั้งชื่อทริปนี้ให้เรา 555 อ่ะๆ เข้าเรื่องๆ! ช่วงเวลาที่เรานั้นเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวพอดิบพอดี อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป...สดชื่นเหมือนยืนบนไหล่เขาเลยแหละ! กิกิ สาธยายมานาน ไปเริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่าาาาาาาา

[Day0] วันที่ 5 พ.ย. 59

เวลา 16.30 น. แชทเฟสบุ๊คของเราเด้ง..."มุงๆ ไปเขาค้อกันมั๊ย?" "ไปคืนนี้ ไปถึงนู้นเช้า แล้วนอนนั่นคืนนึง" เราก็ได้แต่ตอบไปว่า.... "อยากไป...กุไปด้วย!" ทำไมเป็นคนใจง่ายแบบนี้นะ โถ่วๆๆๆ 555 และแล้วนั่นก้เป็นที่มาของทริปนี้ ทริปแบบกระทันหัน ทริปแบบไม่ทันตั้งตัว ทริปแบบไม่มีการจองที่พัก ไม่มีplanว่าจะไปไหนบ้าง แค่อยากเปลี่ยนสถานที่นอน และดูทะเลหมอกแค่นั้น! 5555 หลังจากนั้นเราก็เริ่มเก็บข้าวของสัมภาระเตรียมตัวออกเดินทางไปดื่มด่ำบรรยากาศทะเลหมอกกันนนนนน

เวลา 00.00 น. เราก็ออกเดินทางกัน โดยจุดนัดหมายของเรากับเพื่อนอยู่ที่ขอนแก่นเช่นเดิม กว่าจะวนรถไปเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ซื้อของกินไว้ประทังชีวิตยามหิว นุ้นนี่นั่น กว่าจะออกเดินทางจริงๆก็ตี1 ซึ่งหน้าที่ของเราในการเดินทางครั้งนี้คือ....นอน!! นอนจริงๆจังๆ หน้าที่ขับรถก็ให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนไป...


เวลา 03.00 น. เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เนื่องจากรถหยุด....เราถึงไหนแล้วเนี๊ย?? หยิบมือถือขึ้นมา.....ห๊า!! หล่มสัก!! ขับรถขอนแก่น-หล่มสัก 2 ชั่วโมง คุณพระ!! เพื่อนเหยียบมาเท่าไรรรร 555 เพื่อนอีกคนที่ดูทางช่วยบอกว่า "มันใส่ไม่ยั้ง! กุเบรคช่วยจนเมื่อยขา" คือแบบ.....555 หลังจากนั้นเราก็เดินทางออกจาหล่มสัก ไปถึงแยกแคมป์สนแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังเขาค้อ


[Day1] วันที่ 6 พ.ย. 59

เวลา 04.00 น. และแล้วเราก็เดินมาถึงที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ ซึ่งเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกได้สวยงามที่หนึ่ง แล้วก็เป็นลานกางเต้นท์ด้วย สำหรับใครอยากสัมผัสอากาศเย็น ตื่นเช้าขึ้นมาชมทะเลหมอก แนะนำมาที่นี่ได้เลย.... แต่เนื่องจากเวลาที่เรามาถึงนั้น....มันเช้าไปสำหรับการดูทะเลหมอก!! เพราะทุกอย่างคือเงียบสงัด ผู้คนหลับไหลกันอยู่ เราก็ใช้เวลานี้ทำการนอนบน รอจนทะเลหมอกเริ่มมา....

เขาค้อจ๋า....ทะเลหมอกจ๋า...พี่มาแล้ววววว ..... อากาศเย็นสดชื่นเหมือนยืนบนไหล่เขาเลอออ

มีแต่เสียงเพลงที่ว่างเปล่า....ปั๊ปปา ดาดี๊ดา....เงียบเหมือนไม่มีผู้คนอยู่....




เวลา 05.30 น. ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เราก็เลยไปปลุกเพื่อนๆ ขึ้นมาดูวิวทะเลหมอก คือแบบมองเห็นทะเลหมอกสีขาวจนสุดสายตาเลย.... และผู้คนก็เยอะพอสมควร ไม่ถึงกับแน่นมาก เราว่าเที่ยวช่วงนี้กำลังดีเลย คนไม่เยอะ อากาศก็เริ่มดี แถมทะเลหมอกก็มีแล้วนาจาาาา แล้วเราก็ได้ยินพี่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ บอกว่า"วันนี้ทะเลหมอกเพิ่งมีวันแรก" เห๊ยยยยยย อะไรเราจะมาประจวบคีรีขันธ์! เห๊ย! ประจวบเหมาะขนาดนั้น... 55555 ปล.มุกนี้ยังกล้าเล่น!!

หมอกจางๆหรือควัน.... หมอกดิว่ะ!!! ใครจะมาเผาขยะแถวนี้!! 55555


หมอกมาแล้ววววว....

ถ้านอนในเต้นท์แล้วตื่นขึ้นมาเจอบรรยากาศแบบนี้นะ....คือฟินมากกกก


หลังจากที่เราดื่มด่ำบรรยากาศทะเลหมอกเสร็จแล้วนั้น เราก็เริ่มหิว! เลยออกมากินข้าวเช้าอยู่บริเวณร้านขายของหน้าที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งก็จะมีพวกข้าวต้ม อาหารตามสั่ง ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวไก่ทอด มีเยะอแยะมากมายให้เลือกกินกันตามสบายใจ แล้วเราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่เช่นกัน...มาดูทะเลหมอกก็ฟรี! ที่พักก็ไม่ได้เสีย! ยังมาอาบน้ำฟรีอีก! 5555

ปลาอะไรอยู่บนเขา?? ปาท่องโก๋ไง?? 5555 มุก5บาท10บาทมาอีกแล้ว! 5555


เวลา 09.00 น. เราก็ออกเดินทางไปต่อ ตามแพลนของเราวันนี้คือไปเที่ยวเล่นในเขาค้อให้หมดก่อน แล้วเย็นๆก็ขับรถขึ้นภูทับเบิก บอกเลยว่ามันเป็นแค่แพลน!! 55555 สถานที่ที่เราจะไปต่อคือ พระตำหนักเขาค้อ.... ซึ่งตอนนี้นี่แหละ ที่เราเห็นสกิลการขับรถของเพื่อนแล้ว...อื้มมม ไม่แปลกที่จะ2ชั่วโมงจากขอนแก่นถึงหล่มสัก และก็ขับรถไปตามทางเรื่อยๆ มันมีป้ายบอกตามทาง ไม่ต้องกลัวหลงกันน้าาาาา เราก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงพระตำหนักเขาค้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดให้ชมข้างใน แค่ถ่ายรูปอยู่รอบๆพระตำหนักเท่านั้น

ซึ่งพระตำหนักเขาค้อนี้ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2527เนื่องจากพื้นที่บริเวรณนี้มีการก่อการร้ายของฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างมากมาย เมื่อปราบปรามเสร็จแล้วกองทัพจึงได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมเวลามาทรงงานที่พื้นที่บริเวณนี้ จากการที่เราเข้าไปข้างในไม่ได้นั้น....เราก็เลยถ่ายรูปไปรอบๆ ซึ่งบรรยากาศข้างนอกมันดีต่อใจมากกก อากาศกำลังเย็นสบายเลย...


แล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆกับป่าต้นสนเรียงรายกันอย่างส๊วยงามมมม


ลูกสนเบาๆ แบบclose-up...


เวลา 11.00 น. เราก็ออกเดินทางไปยังฐานยิงสนับสนุนอิทธิ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับพระตำหนักเขาค้อเท่าไร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ ที่รัฐบาลใช้ต่อสู้ในการเอาชนะพรรคคอมมิวนิสต์ ในช่วงปีพ.ศ.2511 หูววววว นี่มันทริปตามรอยประวัติศาสตร์นี่นาาาา มาเที่ยวแล้วยังได้ความรู้อีก! 5555

สวัสดีครับลูงตู่....เย้ย!! 5555

พิพิธภัณฑ์นี้เสียค่าเขาชมคนละ10บาทเท่านั้น! ย้ำ! 10บาทเท่านั้น ไม่ชมไม่ได้แล้วววววว 55555

แล้วเราก็เดินถ่ายรูปรอบๆพิพิธภัณฑ์ไปเรื่อยๆ ปล.ทางขึ้นมาแอบชันนิดนึงนาจาาาา ขับรถระมัดระวังกันด้วยเน้ออออ


ชื่อปืนใหญ่น่ากลัวมากกกกก....โหดๆๆ 5555




แมงมุมลายตัวนั้น...ฉันเห็นมันอยู่บนหลังคา.... 55555


จน11โมงครึ่งก็เริ่มหิว เริ่มเหนื่อยกันแล้ว ก็เลยขับรถลงมาจากเขาค้อ มากินข้าวที่ "ครัวเขาค้อ" ซึ่งอยู่แถวทางแยกไปเข้าเขาค้อ แล้วร้านนี้เขาก็โด่งดังเชียวหล่ะ! เดี๋ยวๆๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่มีอนุสาวรีย์ผู้สียสละ ทั้งๆที่อยู่ทางเดียวกัน..... คำตอบคือ เราไม่ได้แวะ แค่ขับรถผ่าน เพราะทุกคนบนรถเริ่มงอแงหิวข้าวกันแล้ว 5555 ด้วยความที่ทุกคนงอแงหิวข้าว เราจึงไม่สามารถถ่ายรูปอาหารมาได้ทัน 5555 แต่ร้านนี้อาหารอร่อย ราคาก็ไม่แพง แนะนำเลยๆ ใครมาเขาค้ออย่าลืมแวะกินน้าาาาา


เวลา13.00 น. หลังจากที่เติมพลังมาอย่างหนักหน่วงแล้วนั้น เราก็ออกเดินทางไปยังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปสีขาวเรียงซ้อนๆกัน และมีพระธาตุที่ผนังทำด้วยถ้วยเบญจรงค์ต่างๆ ใช้เวลาขับรถจากครัวเขาค้อไม่นาน เราก็มาถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว....ซึ่งสภาพที่เห็นคือ คนเยอะมากกกก เราเลยตัดสินใจไปไหว้พระขอพรที่พระพุททธรูปสีขาวใหญ่ แล้วก็เดินถ่ายรูปรอบๆบริเวณวัดแล้วกัน เพราะคนเยอะมาก คงไม่สามารถเบียดผู้คนขึ้นไปชมวิวบนพระธาตุได้จริงๆ เหอๆๆ



ดูผู้คนสิ!!! เยอะแยะมากมาย.....งือออออ TT



เราก็ถ่ายรูปวิวรอบๆวัดไปซักพัก ก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว..... ให้ทายว่าเราไปจะไปที่ใดต่อ แน่นอน!! ต้องร้าน "Pino latte café & resort" ซึ่งอยู่ด้านหลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สามารถชมวิววัดได้เต็มๆ แล้ววิวภูเขาได้จุใจ

ซึ่งเราก็ตั้งใจว่าที่นี่แหละ ที่จะนั่งชาร์จแบตโทรศัพท์และพักเหนื่อยก่อนที่จะขึ้นภูทับเบิก.... เย้ๆๆ แต่สภาพที่เห็นตอนลงรถ ก็ไม่ต่างกับที่วัดเลย... แต่เอาว่ะ! ยังไงก็มาแล้ว มันต้องมีที่นั่งสิ! ซึ่งเราก็ได้ที่นั่งจริงๆ แล้วมันก็มีปลั๊กไฟด้วย!! ฟินลื้มมมมม 5555

ดูผู้คนสิ!!! 5555 มีลานสนามหญ้าเทียมให้เด็กๆได้วิ่งเล่นด้วย.....ใครไม่ชอบเด็ก!! แนะนำ!! ไม่ควรนั่งตรงนั้นเลย!! 5555

พอสั่งเครื่องดื่มนู้นนี่นั่นเสร็จ ก็ได้เวลาเดินถ่ายรูปรอบๆร้าน ซึ่งวิวร้านเขาก็สวยจริงๆ ว่าไม่ได้นาจาาาาาาา 5555



บริเวณตรงข้ามร้านPino Latte นั้น...ก็มีทุ่งหญ้า สะวันนา ให้เราได้ถ่ายแบบฮิปๆไปด้วยแหละ! 555555


พอเหลือบมาดูนาฬิกาแล้ว... เห๊ยยยยย จะบ่าย4โมงแล้ว เราต้องรีบออกไปแล้ว เพราะก่อนขึ้นภูทับเบิก แพลนเราคือจะไปดูกังหันลมเขาค้อ....ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน คิดมโนเอาเองว่ามันน่าจะอยู่ทางที่ไปพิษณุโลกแหละ เพราะเราวางแพลนไว้ว่าจะไปดูกังหันลม แล้วค่อยขึ้นภูทับเบิกโดยอ้อมขึ้นทางอช.ภูหินร่องกล้า เพราะทางที่ขึ้นจากหล่มสัก ถ้าขึ้นเย็นๆมันจะค่อนข้างชัน... เราก็ออกเดินทางจากPino latte ด้วยความเร็ว 140 km/hr ระหว่างนั้นก็ดูข้างทางว่าทางเลี้ยวเข้าไปดูกังหันลมอยู่ตรงไหน..... จนรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วแหละ มันมาผิดทางรึป่าว?? เลยหันกลับหลังไป...อ้าวววว มันอยู่ข้างหลังเราแล้ว....5555 ก็เลยโบกมือลาเบาๆ เพราะมันใกล้จะค่ำแล้ว ก็เลยออกเดินทางต่อ โดยผ่านไปทางอ.นครไทย แล้วเลี้ยวขวาเข้าอช.ภูหินร่องกล้า ซึ่งในตอนนั้นน้ำมันรถเหลือ...ครึ่งถึงพอดี เราก็คิดว่ายังๆ มันก็ถึงแหละว่ะ! 5555 เกริ่นมาขนาดนี้ทุกคนคงจะรู้ว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไร... ใช่เลย!! เพราะขับไปสักพักนึง ก็มีเสียงเตือนน้ำมันหมดดังขึ้นมา ทุกคนในรถมองหน้ากัน....เอาไงดี ตอนนั้นก็จะมืดแล้ว อยู่ก็ห่างจากอช.มาไกลแล้ว เหลืออีกตั้ง20-30กิโลจะถึงทางขึ้นภูทับเบิก...สัญญาณโทรศัพท์ของทุกค่ายไม่มีเลย ไม่ว่าจะ TRUE AIS และdtac 555 ง่อวววว ตายๆๆ เราจะเอาชีวิตมาทิ้งตรงนี้ไม่ได้นะเฟ้ยยยย!! เราต้องรอดกลับไปให้ได้!! เราเลยตัดสินใจ....ปิดแอร์ ปิดเสียงเพลง และเปิดกระจกลงฟังเสียงป่ายามภพค่ำ....กรี๊ดดดดด เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว ระหว่างทางเกือบชั่วโมงนั้น เราก็ท่องสวดมนต์นึกถึงหน้าพ่อแก้วแม่แก้วไว้.... 5555


เวลาประมาณ 18.00น. เราก็ถึงปากทางขึ้นภูทับเบิกแล้ว..... ดียังรอดมาถึงบริเวณที่มีผู้คนมาขอความช่วยเหลือได้.... 5555

อากาศเย็นมากกกก....และดีมากกกก.....แต่ในใจยังตุ่มๆต่อมๆว่าคืนนี้จะถึงภูทับเบิกม๊ายยยยยย 5555



เราเลยถามชาวม้งว่า แถวนี้มีที่เติมน้ำมันมั๊ย?? เขาก็ได้แต่ตอบว่ามี! แต่ต้องลงไปอีก6กิโล......กรี๊ดดดด ได้ๆๆ ไหนๆก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เสี่ยงนะ...มันก็คงต้องเสี่ยงสิ! เราก็ลุ้นระทึกตามทางไปว่าจะถึงไม่น้าาาาา แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็สบายใจแล้วแหละ เพราะมีสัญญาณโทรศัพท์เราไม่กลัวอะไรแล้วววววว 5555

พอขับรถมาซักพักนึง ประมาณ20นาที แล้วเราก็มาถึงปั้มน้ำมันหมุนมือแล้ววววว 55555 คืออะเมซิ่งมากกกก เกิดมา20กว่าปีไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย.....โหววววว ตื่นเต้นๆๆ


จากนั้นเราก็จัดการเติมน้ำมันเอาให้เต็มถังไปเลย เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางย้อนกลับไปในภูหินร่องกล้าอีกรอบ หลังจากเติมน้ำมันเสร็จสรรพ ก็ออกเดินทางไปหาที่พักของเราในคืนนี้ ซึ่งตอนนั้นก็เวลา 18.30น. ฟ้าก็มืดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.... 5555 แล้วเราจะนอนไหนดีหล่ะคืนนี้? โชคดีที่เพื่อนเราเคยมาภูทับเบิกเมื่อไม่นาน เลยพอรู้จักที่พักบ้าง เลยพาเรามาที่ที่พักไม่ทราบชื่อ.... อันนี้ไม่รู้จริงๆ ดูจากชื่อไวไฟแล้ว คือ "อำนวย" รู้แค่นี้เลย ซึ่งมีให้เลือกอยู่3รูปแบบด้วยกัน คือเป็นเต้นท์ ซึ่งสามารถนอนได้4คน เป็นห้องแคปซูล นอนได้3-4คนเช่นกัน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ต้องมาใช้ห้องน้ำรวม ส่วนเป็นห้องพักใหญ่ที่เราเลือกครั้งนี้ เป็นห้องที่นอนได้6คน มีห้องน้ำในตัว และมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย!! กิกิ อยู่รอดแล้วกรูววววว 5555



ได้อาบน้ำแน่นอน!!! มีเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว....5555


ปล.มีเรื่องฮาๆมาเล่าอีกเช่นกัน คือตอนแรกเราเข้าใจนั้นคือว่าห้องใหญ่ไม่มีห้องน้ำในตัว เลยกะว่าจะเอาแคปซูล1ห้อง ซึ่งตอนนั้นเหลือแค่นั้นจริงๆกับเต้นท์1หลัง แต่เจ้าของที่พักก็เสนอมาว่ามีที่พักห่างจากตรงนี้ไม่ไกล ใกล้กับไร่กะหล่ำปลี เป็นบ้านเป็นหลังๆ นอน5คนได้สบาย มีห้องน้ำในตัว ในราคา 1700 บาท เราก็สนใจขึ้นมาทันที เลยให้เจ้าของพาไปดู ปรากฏว่าไม่ไกลของเขานั้นเกือบข้ามเขาเป็นลูก! (เว่อร์ไปๆ 555+) เราก็เลยย้อนกลับมาเอาที่พักที่เดิม แต่คุยไปคุยมาถึงรู้ว่าห้องใหญ่นั้นมีห้องน้ำในตัว!!! เราก็เลยรีบตกลงอย่างรวดเร็ว!!

เวลา 19.30 น. เราก็ตกลงได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็ขนของสัมภาระมาเก็บแล้วก็สั่งเนื้อย่างมานั่งกินกัน พร้อมกับเสบียงที่ไปซื้อมาตอนแวะปั้ม ซึ่งเนื้อย่างชุดละ500บาท ซึ่งอาจจะคิดว่าแพง แต่เราไปกัน5คน นี่กินจนอิ่มอ่ะ! ซึ่งก็ไม่แพงเลย...จริงๆนะ!!


ตอนแรกกะว่าจะนั่งเล่นกีตาร์ชิวๆ ย่างเนื้อกับจิบเบียร์ไป แต่ทนความเหนื่อยล้าจากการแอดเวนเจอร์มาทั้งวันไม่ไหว เลยต้องขอตัวเข้านอนตั้งแต่4ทุ่มเลยดีกว่า....กลัวว่าพรุ่งนี้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ไหว สำหรับวันนี้...นอนหลับฝันดีจ้าาาาา


[Day2] วันที่ 7 พ.ย. 59

เวลา 05.30 น. นาฬิกาปลุกของเพื่อนๆเริ่มดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองจากเพื่อนๆ กว่าเราจะลูกจริงๆก็ 6โมงครึ่ง พอโผบ่ออกมานอกห้องเท่านั้นแหละ.... หูยยยย อากาศเย็นเว่อร์!! แล้วเราก็เตรียมตัวหามุมดีๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งพอได้มุมแล้ว ก็กลับเข้ามานอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอีกรอบ เพราะอากาศเย็นสบายจริงๆ เย็นจนปากสั่นเลย.....555 พอใกล้ๆจะ7โมง เราก็ออกมารับแสงแดดแรกของวัน.... หูยยยยย วิวคือดีอ่ะ!! ดีต่อใจมากๆเลย.....


วิวสวยมั๊ยล้าาาาาาา อยากอวดๆๆ 5555


หมอกมาแล้วววววว หมอกมาแล้ววววว กิกิ

ท้องฟ้าสีฟ้ามากกกกก




พอหลังจากถ่ายรูปวิวต่างๆแล้ว เราก็ไปอาบน้ำแล้วก็แต่งตัว เพื่อเดินไปหาข้าวเช้ากิน ตรงบริเวณโซนร้านขายของ ซึ่งก็มีอาหารให้เลือกกินมากมายเลยแหละ... ไปชมกันเล้ยยยย

ที่พักเราคือทางขวามือของภาพเลย... ข้างๆกับไร่ฟ้าใสเลย....

ไข่กระทะ เครื่องเน้นๆ!!



เราก็เลือกซื้อของกินนู้นนี่นั่นมานั่งตรงร้านที่ดูวิวสวยๆกันหน่อยแล้วแหละ ซึ่งถ้าเราเข้ามนั่งเฉยๆก็จะดูน่าเกลียดไป เลยต้องซื้ออาหารในร้านเขาบ้างแหละ! 5555




หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็กลับที่พักไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป.... แต่ก่อนจะกลับจากภูทับเบิกนั้น เราก็เดินลงไปถ่ายรูปไร่กะหล่ำปลี กับไร่สตรอเบอร์รี่ ที่ใกล้ๆกับไร่ริมผาหน่อยแล้วกัน.....โดยเสียค่าเข้าคนละ20บาทเท่านั้น เราไปในช่วงที่ดอกกะหล่ำเพิ่งกำลังจะออกต้นพอดี แล้วหมอกก็เริ่มมีมาจางๆแล้ว ซึ่งเรารู้สึกว่าที่เขาค้อเป็นทะเลหมอกสวยกว่ามากกกกก แต่ถ้าอยากมาฟินกับอากาศเย็นๆก็มาภูทับเบิกได้เลย

อุ๊ย!!! ดอก!! สตอ.....เบอร์รี่!! 5555



อุ๊ยยยย....กะ...หละ...หล่ำปลี!! 5555


เรา4-5คน (รวมคนถ่าย) อินภูทับเบิกกกกก กิกิ



แวะชมผลิตภัณฑ์ของชาวม้งกันซะหน่อย.....โพ๊ะ เอาแคโระมาฝาก... เพลงเก่ามากกก 5555


พอถ่ายรูปกับไร่กะหล่ำปลีจนหนำใจแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังอช.ภูหินร่องกล้า โดยที่ตอนแรกเราก็แวะไปชมวิวที่ "ภูแผงม้า"กันซะหน่อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นไปยังภูทับเบิกเท่าไร แต่เราต้องจอดรถไว้ที่ปากทางเข้า แล้วเดินขึ้นเนินเขาไปอีกประมาณ1กิโลเมตรเท่านั้น

ทางขึ้นไกลแค่ไหนก็สู้ตาย!! เฮ้!!



ทางค่อนข้างชันเล็กน้อย กว่าจะถึงก็เล่นเอาหอบเหมือนกันนะ 55




เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้วววว งุงิๆ


แต่พอไปถึงแล้ว วิวคือดีมากกกก สวยยยย เหมาะกับการมาถ่ายรูปมากๆเลย แถมวันนี้ท้องฟ้าก็สวยด้วยแหละ เลยได้รูปสวยๆมาฝากกันเยอะเลย...



แดดแรงแค่ไหน ก็บ่หยั่น!!! 5555




พอถ่ายรูปบริเวณภูแผงม้าเสร็จ ก็เกือบจะ11โมงแล้ว เราก็เลยไปสถานที่ที่ต่อไป คือ โรงเรียนการเมืองการทหาร ซึ่งอยู่ห่างจากทางขึ้นภูทับเบิกประมาณ30กิโลเมตร ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวคิดของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะประกอบไปด้วยบ้านของฝ่ายต่างๆหลายหลังมากมาย




ถ้าใครชอบถ่ายรูปแบบอาร์ตๆในป่าหน่อย! แนะนำเลย สวยมากกกก ภาพดีงาม...555




แล้วหลังจากนั้นเราก็เดินฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนการเมืองการทหาร เพื่อไปดู กังหันน้ำ ถึงเราจะไม่ได้ไปดูกังกันลม เราก็มาที่นี่แทนแล้วกัน!! 5555 ซึ่งเดินเข้าไปไม่ลึกมาก

แปปๆก็ถึงกังหันน้ำแล้ว อากาศเย็นสดชื่นมากกก พร้อมกับมีน้ำตกไหลผ่าน น้ำใสไหลเย็นเห้นตัวปลา(แต่ไม่มีปลา)เลยก็ว่าได้ ซึ่งกังหันน้ำนั้น สร้างขึ้นเพื่อเป็นครกกระเดื่องตำข้าว


หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้วแหละ เพราะหิวอีกแล้ววววว แหง่สิ!! กินไก่ทอดแค่2-3ชั้นเอง... นี่จะบ่ายโมงแล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย... ขอตัวไปกินและกล่าวคำว่า..สวัสดี แล้วพบกับทริปหน้า เร็วๆนี้!!! บ๊ายยยยยยยยยยยย


ฝากติดตามเพจของเราด้วยนะ ถึงแม้จะร้างๆบ้าง จะพยายามอัพบ่อยๆแล้วกัน เพจนี้ยังไม่ตาย!!! มีอะไรพูดคุย หรือซักถามได้นะครับบบบ แล้วจะอัพรูปทริปนี้เพิ่มเติมแล้วกันนาจาาาา 5555

https://www.facebook.com/TakeATripWithJN/

ฝากด้วยนาจาาาาา


ปล.สำหรับใครอยากรู้เบอร์ติดต่อที่พักของเรา โทรได้ตามเบอร์นี้นาจาาาา



Take a trip with JN

 วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.35 น.

ความคิดเห็น