มาเลเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ถึงแม้มาเลเซียจะหล่อหลอมด้วยบุคคลหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินโดนีเซีย อินเดียและกลุ่มเชื้อชาติอื่นๆ ทำให้วัฒนธรรมในประเทศมาเลเซียมีความหลากหลาย สิ่งเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ประเทศนี้มีเสน่ห์มนขลัง จึงเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางท่องเที่ยวและแขกผู้ไปเยือนอยู่เสมอๆ

ฝากติดตามเพจและเว็บไซต์ "POPPU" ด้วยนะครับ

http://www.poppu.online

www.facebook.com/popputrip

(การเดินทางคือ "การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด")

นักเดินทางสำรอง


"เฮ้ย!! ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันสักครั้งไหม" เป็นเสียงคำถามจากเพื่อนคนหนึ่งในวันที่พวกเรานัดกินข้าวครบ 3 คน โดยปกติแล้วพวกเราไม่ค่อยเดินทางไปเที่ยวด้วยกันเท่าไร คำถามที่ถามขึ้นอาจเป็นคำถามเพื่อให้มีบทสนทนาในระหว่างทานข้าวเท่านั้น แล้วก็พูดคุยว่าจะไปที่ไหน เมื่อไร ก็มีเรื่องให้คุยจนแยกย้ายกันกลับบ้าน สำหรับผมก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่คุยอยู่แล้ว เพราะแต่ละคนก็มีธุระ มีครอบครัว ที่จะต้องดูแล จึงหาเวลาเดินทางไปเที่ยวด้วยกันนั้นเป็นเรื่องยาก เอาแค่นัดทานข้าวเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังจะต้องนัดล่วงหน้าเป็นเดือน ถ้าจะหาเวลาเดินทางไปเที่ยวแล้วละก็…เหอะๆ ยากอยู่

หลังจากนั้น 2 วัน เสียง Line ดังปกติ คราวนี้มาพร้อมกับรูปภาพที่พัก ตั๋วเครื่องบินและวันเดินทางไปมาเลเซีย ของเว็บไซต์ Air Asia go จากเพื่อนคนที่ตั้งคำถาม ให้เราเลือกว่าจะพักที่ไหน แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับทั้งผมและเพื่อนอีกคน ผมเห็นแล้วว่าราคาแพ็คเกจที่มันส่งมาให้ดูไม่แพง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ จนมันบอกว่า "รีบตัดสินใจสะ เอาชื่อภาษาอังกฤษมาด้วย กูจะจองให้ก่อนแล้วค่อยมาเคลียกัน" ผมกำลัง งง นึกในใจเอาไงดีวะ โอกาสที่พวกเราจะไปเที่ยวด้วยกันน้อยมาก จึงให้มันจัดการ เพื่อนอีกคนไม่ต้องพูดถึง สองคนแรกว่ายังไง มันก็เออ ออ ห่อหมกปลากาย ด้วยอยู่แล้ว สรุปอีก 5 วันต้องออกเดินทาง ทั้งๆที่ยังไม่ได้แผน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เอาว่ะ ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน

วันแรกของการเดินทาง

พวกเรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตอนตี 5 ไฟลท์จากดอนเมืองไปยัง สนามบิน KLIA2 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกจากดอนเมืองตอน 7 โมงเช้า ถึงนั้นก็ประมาณ 10 โมง สิ่งแรกที่มาถึงสนามบินคือซื้อซิมการ์ดก่อน เนื่องจากระยะเวลาใน

การเตรียม ข้อมูลท่องเที่ยวน้อยมาก จึงต้องเที่ยวไป Search ไปและอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ (พวกเราแลกเงินจากสนามบินดอนเมืองเอาไว้แล้วจากเคาเตอร์ธนาคาร คิดว่าเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนะ ไม่ทันได้สังเกต)

ออกเดินทางไป KL กันเลย

สายการบินนี้แหละที่พาเราไป-กลับ

ร้านขายซิม เลือกเอาเลยมีหลายร้าน แต่ร้านเหลือง DIGI ดูฮอตเนอะ?

เราเลือกร้าน DIGI ตามเขาไป มีราคา 35 RM และ 50 RM จัดอันที่แพงสุด (สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไร เน็ตชอบหลุด T_T)

ดินตามป้ายไปตรวจคนเข้าเมืองก่อน

ถ้ามีเวลาก็นั่งรถไฟธรรมดาก็ได้ แต่จอดหลายสถานีหน่อย

ราคา 55 RM แต่จอดสองสถานี และใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไป KL SENTRAL เพียง 30 นาที

เมื่อจัดแจงซื้อซิมการ์ดเรียบร้อยมุ่งหน้ามารับกระเป๋า ตรวจคนเข้าเมืองและนั่ง Airport Express เข้าไปยัง KL SENTRAL ซึ่งราคาตั๋วไม่ถูกเลย 55 RM/คน

(อยู่ที่นั้นผมคำนวณเงินไทย เป็นตัวเลขกลมๆเลย คือ คูน 10 เข้าไป) KL SENTRAL เป็นศูนย์กลางคมนาคมในกัวลาลัมเปอร์ ใครจะเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถก็มาที่แห่งนี้ ภายในสะดวกดี มีที่เก็บกระเป๋า และ WIFI ฟรีให้เล่นด้วย

เมื่อจัดแจงซื้อซิมการ์ดเรียบร้อยมุ่งหน้ามารับกระเป๋า ตรวจคนเข้าเมืองและนั่ง Airport Express เข้าไปยัง KL SENTRAL ซึ่งราคาตั๋วไม่ถูกเลย 55 RM/คน (อยู่ที่นั้นผมคำนวณเงินไทย เป็นตัวเลขกลมๆเลย คือ คูน 10 เข้าไป) KL SENTRAL เป็นศูนย์กลางคมนาคมในกัวลาลัมเปอร์ ใครจะเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถก็มาที่แห่งนี้

ใจกลางคมนาคมของกัวลาลัมเปอร์


แผนทีระบบขนส่ง เพื่อมีประโยชน์ครับ

จากนั้นเรานั่ง LRT(สายสีชมพู) จาก KL SENTRAL ไปยังโรงแรมที่จองเอาไว้ ชื่อ Double Tree by Hilton ต้องลงสถานี Am pangpark ห่างจากตึก Twin Town 1 กิโลเมตร สำหรับโรงแรมในมาเลเซียจะให้เช็คอินได้ในเวลาบ่ายสามโมง ซึ่งเราก็เข้าไปอากระเป๋าฝากไว้ก่อนและเดินทางต่อไปยัง BUTA CAVE

Double Tree by Hilton

สังเกตห้องน้ำ ถ้ามากับแฟนคง.......

บรรยากาศในเมืองกัวลาลัมเปอร์

ก่อนไปยัง BUTA CAVE กองทัพต้องเดินด้วยท้องเราจึงแวะทานข้าวกลางวัน เป็นอาหารมื้อแรกที่มาเหยียบมาเลเซีย ที่ Old Coffe อยู่ติดกับสถานี LRT AM PANGPARK (สำหรับร้านกาแฟ Old Coffee เป็นร้านกาแฟท้องถิ่นของที่นี้ จะเห็นได้ทั่วไป)

ร้านสุดฮิต ที่ใครมาจะต้องแวะกิน

กาแฟขึ้นชื่อใครต้องมาชิม

มื้อแรกในมาเลเซีย

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รสชาติ จืดๆ แต่ก็พอทานได้

จากโรงแรมไปยัง BUTA CAVE ก็นั่ง LRT จากสถานี Am pangpark มาลงยัง KL SENTRAL ซึ่งวันที่เรามานั้น ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไร ทำให้การเดินทางโดยใช้ LRT นั้นไม่เสียเงินเลย จาก KL SENTRAL นั่ง KTM KOMUTER สายสีแดงไปลงสถานี BUTA CAVE สุดสายเลย ราคาตั๋ว 2.60 RM

วันนี้ไม่ต้องใช้เครื่องนี้ ตู้ซื้อตั๋ว

ไปถามทางที่เคาเตอร์ ให้เหรียญมาขึ้น สะงั้น ในตอนแรกคิดว่าจ่ายปลายทาง 555

สำหรับ BUTA CAVE เป็นวัดศาสนาฮินดูที่มีท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมไม่ขาดสาย และมีถ้ำให้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศด้านในอีกด้วย แต่พวกเราไม่ได้เข้า เนื่องจากต้องเสียค่าไกด์นำทางเข้าไป ราคาก็สูงอยู่ จึงเดินขึ้น ชมแค่ภายนอก รอบๆเท่านั้น บวกถ่ายรูปไปด้วย แล้วจึงเดินทางกลับเข้าโรงแรมไปอาบน้ำอาบท่า

มาถึงแล้ววัดฮินดู ถ้ำบาตู

ต้องขึ้นมาด้านบนนะไม่งั้นเดียวจะมาไม่ถึง เล่นเอาสะหอบเลย

อ้าว!! ยังมีเดินต่อไปอีก ป๊าด

เดินขึ้นธรรมดายังเหนื่อย นี่พี่เล่นแบกของไปด้วย 3 ลัง ถถถถ!!! ยอมเลย

รถไฟสายนี้แยก โบกี้ชาย-หญิงด้วยนะ โบกี้ 1,2 ผู้ชายนั่งได้....แต่ถ้าไม่รู้ เดียวก็มีคนมาไล่เอง

แดดร่ม ลมตกก็นัดหมายเพื่อน ออกไปตึกคู่หรือ Twin Tower จริงแล้วชื่อเต็ม คือ PETRONAS Twin Tower คนที่นี้ถ้าเรียกตึกปิโตนาสจะทำหน้า งง แต่ถ้าเรียก Twin Tower บอกทางถูกเลย จากโรงแรมที่พวกเราพักเดินไปไม่ไกล เพียงแค่ 1 กิโลเมตร

อยู่ที่ตึกคู่แชะภาพนานสองนานเลยแหละ หลังจากตึกคู่แล้วพวกเราจะเดินทางไปยัง China Town เพื่อหาของกิน โดยนั่ง LRT (ฟรีอีกแล้ว) จาก KLCC ไปลง Dang Wangi และต่อสายสีเขียว Bukit Nanas ไปลง Bukit Bin tang แต่จะบอกว่าเราลงผิดสถานี ซึ่งสถานีนี้ คือ ห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของมาเลเซีย Pavilion kuala lumpur นั้นเอง จริงๆแล้วสามารถเดินต่อยัง ไชน่าทาวด์ได้ แต่ ณ เวลานั้น พวกเราทั้งหิวและเหนื่อย คงไม่เดินชมอีกเลยต้องหาของกินแถวนั้นแทน

มาตั้งไกลเพื่อมากินสิ่งนี้แหละ รสชาติไม่ต่างกันเลย

สำหรับวันแรกการเดินทางยังติดขัดๆ และยัง งง งง ก่ง ก๊ง อยู่ ดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าเดินทาง LRT ทำให้พวกเราประหยัดค่าใช่จ่ายและเริ่มคุ้นกับการเดินทาง เพราะลงผิด ลงถูก อีกทั้งรู้ว่าฟรี ลงสำรวจ เกือบทุกสถานี 5555+

วันที่สองของการเดินทาง

ฝนตกแต่เช้าเลยตอนแรกแผนว่าจะออกไปเดินสำรวจสักหน่อย รอจนกระทั่ง 10 โมง ถึงได้ออก วันนี้พวกเราจะเดินทางไปยัง Sultan Abdul Samad Building (มัสยิดจาเม็ก) โดยนั่ง LRT(สายสีชมพู) จากจุดเดิม Am pang park ไปลงสถานี MASJID JAMEK (ดูตามแผนที่ได้เลย) เดินออกจากสถานีมาก็เจอเลย แต่เสียดาย วันนั้น เขาปิดปรับปรุง อีกอย่างใกล้เที่ยงแล้วด้วย พวกเราจึงตัดสินใจไปห้าง Pavilion เพื่อหาของกินและเดินเล่นสักพัก เสร็จแล้วก็เดินทางกลับโรงแรม ฮ่าๆ ทริปนี้ ชิลจริงๆ

อากาศมันน่านอนเสียจริง มุมจากห้องพักเลย

มัสยึดปิด เดินไป ถ่ายไป

มาถึงแหละ เทียบเท่ากับห้างพารากอน เชียวนะ

มื้อเที่ยงไม่ต้องถามนะ...ว่าชั้นไหน ตอบได้คำเดียว ฉันหลงมา!!

ถึงแม้เมื่อวานไม่ได้ไปไชน่าทาวด์ วันนี้จึงต้องหาทางไปให้ได้ จึงนัดกับเพื่อนอีกครั้ง จนมันบอกว่า "มึงเอาให้ชัวร์นะ ว่าจะไม่พากู หลงอีก" เมื่อพักผ่อนเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเย็นย้ำตะเวนราตรี แต่ก่อนที่จะไป China town พวกเราได้วางแผนสำหรับการเดินทางวันรุ่งขึ้นเอาไว้ ว่าจะไป เกนติ้ง ไฮแลนด์ (Genting highlands) จึงต้องนั่ง LRT ไปลง KL SENTRAL เพื่อมาจองตั๋วรถบัสสำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้ (แนะนำให้ซื้อตั๋วรถบัส+กระเช้า เอาไว้)

ถามทางจาก รปภ. ข้างบันไดเลื่อน มาได้เลย Go Genting by Bus

ตารางเดินรถ

เมื่อซื้อเสร็จเรียบร้อย เราไล่ถามเลยว่าไป China town ไปอย่างไร ลงสถานีไหนใกล้ที่สุดจนได้คำตอบ ในตอนนั้นก็เจอฝรั่งอเมริกาผิวดำร่วมเดินทางไปด้วย จาก KL SENTRAL ให้นั่งสายสีชมพูสีเดิม(LRT) มาลงสถานี Pasar Seni (ย้อนไปย้อนมาเนอะ) พอออกจาก LRT ให้เดินเข้าไปในซอยแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึง

ใครมา China Town ต้องไม่พลาด น้ำร้านนี้ หาไม่ยาก อยู่กลางวงเวียนพอดี ไม่รู้ว่าน้ำอะไร แต่ก็อร่อย คล้ายๆเฉาก๊วย

มีฟู๊ดคอตให้ทานด้วยนะ

มื้อเย็นร้านนี้แหละ

ใช้นิ้วชี้เอา เพราะไม่รู้มันเรียกอะไร แต่ก็อร่อยเลย

สำหรับผม China town ที่นี้ธรรมดามาก ไม่มีอะไรโดดเด่นหรือโดนใจ อารมณ์เหมือนเดินสำเพ็งบ้านเราเลย หลังจาก China town แล้วเรามาเดินซื้อช็อคโกแลตที่ CENTRAL MARKET ซึ่งออกจากตลาด China town มาก็เจอเลย จะอยู่ฝั่งเดียวกับสถานี Pasar Seni จากนั้นก็กลับเข้าโรงแรมพักผ่อน

ที่นี้ไม่มีคนบังคับรถไฟนะ หัวรถไฟทั้งสองด้าน โลงเป็นกระจกแบบนี้แหละ ถ่ายรูปสะเลย

คืนนี้ ราตรีสวัสดิ์

วันที่สามของการเดินทาง

พวกเราเดินทางมาขึ้นรถบัส ชั้นล่างของ KL SENTRAL ซึ่งเป็นรถบัส GO GENTING ที่จองตั๋วเอาไว้เมื่อวาน เราได้รอบ 11.30 จึงไม่ต้องรีบตื่น แต่ก็ต้องมาขึ้นรถก่อน 10-15 นาที และใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีก็ถึง เมื่อลงจากรถบัสแล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 อ่อ ตั๋วที่เราจองนั้นเป็นตั๋วรถบัสและตั๋วขึ้นกระเช้า พร้อมแล้วก็ไปต่อแถวเลย วันนั้นตรงกับวันหยุดคนเยอะมาก ต่อแถวนานครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้น

ก่อนเดินทางก็ต้องหาของกินกันก่อน ในฟู๊ดคอตของ KL SENTRAL

รู้สึกว่ากินแต่ก๋วยเตียว ก๋วยเตี๋ยวทานง่ายสุดแหละ

รถคันนี้แหละที่จะพาเราไป

ถ้าไม่มาจองตั๋วตั้งแต่เมื่อวาน ป่านนี้ยังยืนต่อแถวอยู่แน่ๆ

มาถึงแล้วก็ขึ้นไปยังชั้น 3 ได้เลย

ตรงกับวันหยุด คนเพียบเลย

ระยะทางความยาวของกระเช้าน่าจะประมาณ 3-4 กิโลเมตร นั่งชมความสวยงามพร้อมอากาศเย็นได้อย่างสบายใจถือว่าคุ้มมากกับราคาแค่ 6 RM เมื่อมาถึง Highlands Hotel ก็เดินสำรวจและเข้าไปใน Casino ซึ่งถ้าจะเข้าไปนั้นจะต้องเอากระเป๋า กล้องถ่ายรูป ไปเก็บในล็อคเกอร์เสียก่อน เราเดินถามทางอยู่นานสองนานกว่าจะเจอล็อคเกอร์ (แนะนำให้ถามจากพนักงานโรงแรมดีที่สุด)

น่าเสียดายที่ภายใน Casino เขาห้ามถ่ายภาพ จริงๆก็อยากแอบถ่ายนะ แต่บอกตรงๆเลยว่า "กลัว" เดียวโดนจับไม่ได้กลับประเทศกันพอดี แต่ในส่วนของโรงแรม ร้านค้าข้างใน ถ่ายรูปได้ตามปกติ เพียงแต่เราไม่ได้ถ่ายมา หลังจากนั้นถ้าจะกลับให้เดินมาที่จุดกระเช้าจอดตอนขึ้น เพื่อซื้อตั๋วขาลง เมื่อลงจากกระเช้าแล้ว จะผ่านร้านของทีระลึก ให้มาที่ชั้นสอง ไปเคาเตอร์ GO GENTING เพื่อซื้อตั๋วรถบัสขากลับ ถ้าใครรู้เวลากลับที่แน่นอนก็จองตั๋ว ขาไป-ขากลับ จาก KL SENTRAL ไว้เลยก็ได้ แต่เราซื้อแค่ขามา ขากลับไม่ค่อยมีรถไป KL SENTRAL มีแค่ไปจอดที่ LRT GOMBAK ซึ่งโชคดีมาก เป็นเส้นทางที่เราต้องใช้กลับโรงแรมอยู่แล้ว และที่สถานี GOMBAK ก็สามารถนั่งรถจากที่นี้ขึ้น เกนติ้ง ไฮแลนด์ (Genting highlands) ได้ด้วยเช่นกัน อ่อ รถบัสหมด 2-3 ทุ่มนะ แต่ต้องดูด้วยว่าเต็มหรือยัง ใครจะไปแบบไม่ค้างก็วางแผนให้ดี

วันที่สี่ของการเดินทาง

วันสุดท้ายสำหรับวันนี้ไม่มีทริปไปไหน จริงๆแล้วก็แผนไว้นะว่าจะไป Putrajaya & Cyberjaya แต่โหวตกันแล้ว จะไปเดินหาซื้อของฝากแถว Pavilion วันนี้ทั้งวันก็เดินห้าง รอจนได้เวลาเดินทางกลับเมืองไทย

ตึกโรงแรมที่พวกเราพัก

เดินเล่นครั้งสุดท้าย

ลองเรียก Uber มาใช้บริการไปสนามบิน ถูกกว่านั่ง KLIA EXPRESS อีก (Y_Y) 80 RM เอง มารู้ตอนจะกลับเสียแล้ว

มื้อสุดท้ายในสนามบิน ตั้งแต่มาเที่ยวยังไม่มีข้าวตกถึงท้องเลย กินแต่เส้น

สำหรับค่าใช่จ่ายของทริปนี้ บอกตรงๆไม่ได้จดไว้เลย แต่ค่ากินก็ตกมื้อละ 10-50 RM ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับร้าน ส่วนค่าเดินทางราคาไม่สูงมากนัก แต่ขอบอกอย่าเรียกรถแท็กซี่ใช้เพราะโกงราคาแน่นอน แนะนำ Uber ดีกว่า แต่อย่าไปจอดรับ-ส่งใกล้ๆแท็กซี่ละ เดียวเป็นเรื่อง

ค่าตั๋วเครื่องบิน + ค่าที่พัก 3 คืน = 6090/คน บาท

เงินที่แลกไป 5000/บาท เหลือประมาณคนละ 1000-1200 บาท

("เราไม่สามารถปรับแต่งสถานการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้นได้..แต่เราสามารถปรับทัศนคติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้")

ขอบคุณนะครับ ^^

POPPU

 วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.12 น.

ความคิดเห็น