แค่พูดว่าไปเที่ยว หลายคนคงเป็นเหมือนเรา หัวใจมักจะพองโตทุกครั้ง ยิ่งได้เห็นรูปจากที่ต่างๆ สวย งดงามแตกต่างกันไป มันยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อยากออกเดินทาง และเราก็ทำแบบนั้นมาหลายปี ออกเดินทางท่องเที่ยว เก็บความทรงจำผ่านภาพถ่ายเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้ง ที่เราเลือกไปกับกลุ่มคนที่ทำประโยชน์ต่อธรรมชาติ ในหลายๆ ด้าน ทำให้ทริปหลังๆ ของพวกเรามักจะมีกิจกรรมเข้ามาในระหว่างทริปด้วย ได้เที่ยวแถมได้ทำดี สนุกไปอีกแบบ



“เรา คิด ว่า เรา ค้น พบ แนว ทาง ของ เราแล้ว"

“อา สา เที่ยว แค่ อยาก ให้ คน ไป เที่ยว ได้ อะไร มาก กว่า แค่ ไป เที่ยว"

ในชีวิตคนเรายังมีอะไรอีกหลายต่อหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะ เวลา หน้าที่ความรับผิดชอบ ปัจจัยในการใช้เดินทาง นู่น นี่ นั่น อีกมากมาย ที่เราสามารถบอกออกมาเป็นเหตุผลที่จะไม่ออกเดินทาง แต่เรากลับเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามหาเวลาที่จะออกไปมองโลกกว้าง ไปช่วยกันทำให้โลกใบนี้น่าอยู่เหมือนที่เคยเป็นมา เพราะหลายต่อหลายสิ่งเปลี่ยนไปเพราะน้ำมือมนุษย์มากมาย แต่เราก็ไม่ได้ออกไปเพื่อจะทำให้ตัวเราดูดี รักธรรมชาติ แค่นั้น แต่สิ่งที่เราทำ เราหวังให้ผู้คนที่พบเห็นอยากทำเหมือนกันกับเรา เป็นการปลูกจิตสำนึกอีกทาง แม้ว่ามันจะเป็นทางอ้อม ทางเล็กๆ ก็ตาม



ทุกครั้งก่อนการออกเดินทางเรามีการหาข้อมูล เตรียมการต่างๆ ในระดับหนึ่ง เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บอกเจตนาชัดเจนในการไปแต่ละครั้ง และครั้งนี้ เรามีสมาชิกด้วยกัน 8 คน ที่ค่อนข้างเป็นทริปที่สมาชิกหลากหลายพอสมควร แค่คิดก็สนุกละ กับการจะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก คืนที่เราออกเดินทางเป็นวันเกิดของหนึ่งในสมาชิกพอดี ก็เลยมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ร้องเพลง เป่าเค้กก่อนออกเดินทาง และแวะกินเค้กตอนพักรถที่ปั้มน้ำมันตอนเที่ยงคืนแล้ว คนที่เห็นก็คงงง หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หลับกันยาวเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนถึงวัดแล้วประมาณตี 5



รถขึ้นมาจอดตรงจุดชมวิวเห็นหลังองค์พระไกลๆ เราไปยืนเลือกมุมใครมุมมัน พร้อมผ้าพันคอและเสื้อกันหนาว เพราะลมค่อนข้างแรง หนาวไปตามๆ กัน แล้วก็ฟ้าค่อยๆ เปิด มีหมอกฟุ้งกระจาย ท้องฟ้าหม่นๆ บรรยากาศเหมือนฝนจะตกเลย เรายืนชมวิวและถ่ายรูปกันสักพัก หลายคนเริ่มเห็นขยะ ที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดมากมายจากจุดชมวิวจุดนี้ เราก็เลยเดินไปเอาถุงขยะกับถุงมือที่รถ และลงมือช่วยกันเก็บแบบไม่มีใครบอกใครว่าต้องทำอะไรเลย เก็บจนจุดที่เรายืนจนหมด ตอนเก็บก็ได้แต่คิดในใจว่า ในเมื่อเอามากินได้ ทำไมถึงเอาลงไปทิ้งข้างล่างด้วยไม่ได้ เรื่องเล็กๆ ทำได้ง่ายๆ แค่นี้เอง อย่าทำให้คนอื่นต้องคอยรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ โลกจะน่าอยู่เพราะทุกอย่างเริ่มจากตัวเรา



เราไล่เดินเก็บมาเรื่อยๆ จนถึงเวิ้งพื้นที่ว่างข้างล่าง และใช้เวลาเก็บตรงนี้นานพอสมควรเพราะส่วนใหญ่เป็นเศษแก้ว ต้องใช้ความระมัด ระวัง มากขึ้น และได้ขยะขนขึ้นรถ 2 ถุงใหญ่ ทำให้พื้นที่นั่งในรถตู้น้อยลง เราก็ไปนั่งเบียดๆ กัน ข้างหลัง ดีนะที่พี่คนขับใจดี ยอมให้ขนขยะขึ้นรถ กลิ่นก็ใช้ได้พอสมควรนะเนี่ย หลังจากนั้นเราก็นั่งรถมาแวะที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เดินชมความงดงามของมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และคำสอนต่างๆ ที่มีแอบแฝงตามจุดต่างๆ บรรยากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย เราก็เลยเดินชมกันเพลินเลย แต่บางจุดเราก็ต้องสำรวมเพราะที่นี่มีสถานที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วย เราออกจากที่เพื่อมุ่งหน้าไปที่ล่องแก่งกันต่อเลย ระหว่างทางเราพยายามมองหาร้านกินข้าวเช้า แต่สุดท้ายเราก็มาถึงจุดที่จะล่องแก่งแล้ว

ระหว่างนั้นเองที่มีคนมองเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเล็กๆ แอบซ่อนตัวอยู่ ไปถึงก็จะสั่งกันอย่างเดียวเลย ตอนแรกป้าคนขายก็บอกว่ายังไม่เสร็จดีเลยไปกินร้านข้างในก่อน แต่เราก็อ้อนจนป้ายอมทำให้เรากิน ทั้งหมู ทั้งเนื้อ และสารพัดเส้นถูกสั่งหมด และแล้วทุกคนก็ตื่นเต้นอีกครั้งตอนป้าเปิดหม้อกระเทียมเจียมที่มีหนังหมูอยู่ในนั้นด้วย มันเด็ดตรงนี้แหละ ป้าบอกวันนี้เหลือน้อยว่าจะทำเพิ่มพรุ่งนี้ ในใจเราอยากจะช่วยป้าทำซะวันนี้เลย เพราะมันเด็ดจริงๆ หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินมาเปลี่ยนชุด และฟังคำแนะนำต่างๆ ก่อนลงเรือ



เราทุกคนใส่อุปกรณ์เซฟตี้ตัวเองพร้อม ทั้งชูชีพ และหมวก พร้อมกับการสาธิตวิธีการพายเรือ การหลบกิ่งไม้ การขึ้นจากเรือเมื่อตกลงไป และทุกอย่างแบบละเอียดยิบ พอเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็ถึงเวลาลงมือปฏิบัติจริงกันละ เราทยอยลงเรือทีละคน และนั่งตามตำแหน่งที่คนพายบอก ซ้ายขวาพายข้างละ 3 คน คนริมนั่งทับขาหนึ่งข้าง อีกข้างยัดเบาะข้างหน้า คนกลางยัดทั้งสองข้าง ป้องกันการตกจากเรือ ตอนแรกก็เก้ๆ กังๆ จับไม้พายถูกบ้าง ผิดบ้าง ช่วยกันพายไปเรื่อยๆ เพราะช่วงแรกจะเป็นน้ำนิ่ง เราต้องช่วยกันพายไปก่อน พวกเรายังคงสนุก คุย หัวเราะกันไปตลอดทาง



และแล้วแก่งแรกสำหรับเรามือใหม่ก็มาถึง เสียงกรี๊ดเข้ามาแทนที่เสียงคุย และเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่โดนน้ำจนเปียกกันทุกคน ก็เริ่มสนุกมากขึ้นกว่าเดิมละ ตอนนี้ทุกคนเฝ้ารอเจอแก่งอย่างเดียวเลย จนมาถึงช่วงที่น้ำนิ่งพี่คนพายบอกว่าลงเล่นน้ำได้นะ จะรออะไรละ แต่ละคนนี่เลือกมุมโดนกันเลย ชุ่มฉ่ำ น้ำเย็นมาก แต่ไม่ค่อยใสเท่าไร เพราะช่วงฤดูฝนน้ำที่นี่จะออกสีส้ม ขุ่นๆ หน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เราแค่นอนลอยตัวให้ห่างจากเรือหน่อยจะได้ไม่อันตราย ตัวเราก็ไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ บอกเลยว่าชิวมาก เพลิน แต่พอจะถึงแก่งเราต้องขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัย



หลังจากนั้นนอกจากรอเจอแก่งแล้ว เราก็รอเจอน้ำนิ่งด้วย เพราะอยากลงเล่นน้ำมากกว่า พอคนพายบอกว่าลงได้เท่านั้นแหละ โดดลงน้ำกันอย่างไวเลย เราสลับขึ้นเรือ เจอแก่ง โดดน้ำกันอยู่สักพัก ช่วงที่กำลังเพลินกับการลอยไปตามน้ำแบบสบายใจ พี่คนพายบอกจะถึงแก่งละนะ ขึ้นเรือ ทำเอาเราว่ายกลับเรือแทบหมดแรง แก่งที่นี้มีตั้งแต่ระดับ 1 -5 และบางแก่งที่เราเจอก็ยาวหลายร้อยเมตร กระทบคลื่น เรือหมุนตามน้ำ สนุกมาก ตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคือกรี๊ด แต่ระหว่างทางที่เราล่องแก่งไปก็เห็นขยะบางส่วนที่ลอยพัดมาติดตามต้นไม้ ซึ่งไม่สามารถเก็บได้เพราะอันตรายเกินไป แต่พี่คนพายบอกว่าจะพาไปมีจุดที่ขยะมันถูกพัดไปรวมกัน

หลังจากสนุกกันมาพักใหญ่ เรือของเราก็ถูกพายเข้าไปจุดจุดหนึ่ง ที่มีขยะเต็มไปหมด เหมือนขยะส่วนใหญ่มันจะถูกพัดมาติดอยู่ที่นี่ หลังจากขึ้นฝั่งได้ พวกเราก็ไม่รีรอ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ ช่วยกันเก็บ ซึ่งเศษขยะส่วนใหญ่ก็จะเป็นพลาสติก มีขวดแก้วและโฟมอีกจำนวนหนึ่ง เราเก็บกันอยู่พักใหญ่จนได้ขยะเก็บสองถุงใหญ่ และช่วยกันขนขึ้นเรือ จากตรงนี้เราต้องล่องแก่งไปอีกสักพัก ที่สำคัญต้องเจอแก่งด้วย บอกเลยว่าลุ้นที่สุดละ



แก่งสุดโหดรอเราอยู่ข้างหน้า ทุกคนก็พร้อมแล้ว เรือเราค่อยๆ เข้าใกล้แก่งเข้าไปเรื่อยๆ หัวเรือค่อยๆ จมลง น้ำเข้าเรือเยอะขึ้น เสียงกรี๊ดก็ตามมา ตอนนี้ทั้งคน ทั้งเรือจมลงไปในน้ำ ห่วงอยู่อย่างเดียวถุงขยะจะยังอยู่ไหม พอพ้นน้ำขึ้นมาได้ ก็เฮกันลั่น เพราะเรือไม่คว่ำ ถุงขยะก็ยังอยู่ และแล้วแก่งสุดท้ายสำหรับเราก็มาถึง แต่ในขณะที่เรือกำลังจะถึงแก่ง มีคนตกลงไปในน้ำพี่คนพายรีบดึงตัวขึ้นมา และทันเวลาพอดี เพราะช่วงที่หล่น ข้างหลังเป็นก้อนหินและเรือกำลังจะเข้าไปกระแทกถ้าดึงขึ้นมาไม่ทัน อาจโดนเรืออัดเข้ากับก้อนหิน บอกเลยว่าพี่คนพายไวมาก



พอขึ้นเรือได้ถึงกับหมดแรงไปตามๆ กัน ได้น้ำอัญชันมะนาวเย็นๆ กับแก้วมังกรคนละชิ้นก็ชื่นใจ เรานั่งกระบะกลับ หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดก็มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่พักคืนนี้ของเรา



หลังจากถึงที่พักและเก็บของเรียบร้อยเราก็ขึ้นรถ หลังเพียงเพื่อจะมาลาเสียงสุดท้ายที่ลานหินปุ่ม แต่สุดท้ายฟ้าปิด ไม่เห็นแสงสุดท้ายตามที่คาดไว้ และอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดในขณะที่เราเดินออกมา ดีที่ทุกคนเตรียมไฟฉายมาด้วย พอเช้าวันรุ่งขึ้นมาก็กลับมาที่ลานหินปุ่มอีกรอบ วันนี้ก็ดูบรรยากาสไม่ต่างจากเมื่อวาน ท้องฟ้าปิดสลับกับเปิด มีหลอกลงในบางช่วงเวลา ตอนแดดมาก็ร้อนจนแสบผิว แต่พอหมอกลงก็หนาวก็ขึ้นมาทันที แทบจะปรับสภาพกันไม่ทันเลย เราออกจากที่นี่ก็เที่ยงพอดี



หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่น้ำตกร่มเกล้ากับน้ำตกภราดร น้ำตกฝาแฝด 2 แห่งที่อยู่ติดกัน ห่างจากอุทยานฯ ไม่ไกล แต่ต้องเดินเท้าลงไปที่น้ำตกประมาณ 800 เมตร แต่ช่วงที่เราไปทางค่อนข้างลื่น และแฉะ ทำให้ใช้เวลาเดินนานพอสมควร ที่นี่เราเจอดอกลิ้นมังกรสีชมพูด้วย ตอนลงว่ายากละนะ ตอนขึ้นทำเอาหลายคนหอบและแทบหมดแรง เพราะทางชันมาก ต้องมานั่งพักกันอยู่นาน ก่อนจะขึ้นรถ และแวะไปที่โรงเรียนการเมืองการทหารที่อยู่ห่างไปนิดเดียว ถ้ามาช่วงนี้ใบเมเปิ้ลแดง ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเลย แต่ตอนนี้ก็สวยไปอีกแบบ ทุกอย่างดูชุ่มฉ่ำ เขียวไปหมด พวกเราแวะไปไหว้พระพุทธชินราชก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ

มิใช่แค่ปลายทาง



ได้เห็นความงดงามในช่วงฤดูฝนที่ใครหลายคนไม่ชอบที่มันเฉอะแฉะ แต่สำหรับที่นี่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจะชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยพันธ์ุไม้อย่างบีโกเนียที่เห็นผิวเผินก็เหมือนใบไม้ทั่วไปสีเขียวๆ แต่พอก้มดูใต้ใบตอนที่แสงส่องพอดี บอกเลยว่าถ่ายรูปกันเพลิน ซึ่งช่วงที่เราไปดอกของบีโกเนียบานพอดี ซึ่งแต่ละปีมันจะบานมิถุนายนถึงสิงหาคม นอกจากนั้นเรายังได้ชมดอกไม้นานาชนิด อย่างลิ้นมังกร เห็ด และมอสสีเขียวตามต้นไม้ก็เด่นไม่แพ้กัน



บอกได้เลยว่าคนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบที่นี่ และต้องเพลิดเพลินแบบที่เราเป็น เดินไป แวะไป มาโครกันตลอดทางทั้งมือถือ กล้องตัวเล็ก กล้องตัวใหญ่ หลากหลายยี่ห้อ ถูกหยิบออกมาถ่ายกันไม่ยั้ง ฟ้าก็เปิดบ้าง ปิดบ้าง แต่เราก็มีความพยายามหามุมกันเอาเอง ตั้งท่าถ่ายเพื่อรอให้แสงมาก็ทำ เรื่องเนี้ยมีความอดทนกันสูง



เก็บตก



เราทั้งหมดเป็นพวกมีความสนุกอยู่ในตัวอยู่แล้ว กินง่ายอยู่ง่าย เออ ออ ตามๆ กันไป ถ้าทริปใดที่มีเหยี่ยวไปด้วย มั่นใจได้เลยว่าทริปนั้นไม่ธรรมดา กระเป๋าที่ถูกอัดแน่นไปด้วยพร็อพถ่ายรูปบอกเลยว่าเด็ด ทำให้คนถ่ายสนุก คนดูก็สนุก แต่คนถูกถ่ายน่าจะสนุกสุดๆ สนุกทุกที่ ใช่ไหมเหยี่ยว แต่ก้องก็ดูจะเป็นคนที่สนุกง่ายๆ ติดดินเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่ช่วงเดินป่าด้วยกันใหม่ๆ จะมีสักกี่คนที่จะนอนที่ลานหินปุ่มแบบนี้ บอกเลยต้องใช้ความพยายาม ส่วนทริปนี้สำหรับฉันสนุกกับการถ่ายรูปเยอะมาก รูปที่ออกมาบอกให้รู้ว่าอย่าพยายามเลย หัวยุ่ง ผมฟู ปิดหน้าตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่คงจำไปอีกนานคือช่วงเวลาที่ฝูงผึ้งบินผ่านเฉียดหัวไปเพียงเล็กน้อย นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้านั่งลงไม่ทันจะรอดมาได้ยังไง ลุ้นระทึกสุดๆ อย่างกับหนังเลย



หลายทริปที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่ชอบถ่ายรูป ทริปนี้ก็เช่นกัน แต่การปล่อยให้ผู้ชายสองคนนี้อยู่ด้วยกัน เราทั้งหมดอาจจะต้องอยู่ต่ออีกคืนแน่ๆ โอนและโอ๊ค กว่าจะแงะให้ลุกขึ้นมาได้ต้องใช้เวลานานมาก กับอีกเหตุการณ์ที่ต้องคอยฉุดคนนั้น ดึงคนนี้ แบบเหนื่อยสุดๆ คือการปล่อยให้ผู้ชาย 4 คนไปซื้อของในตลาด ที่ตอนแรกวางแผนว่าจะซื้อแค่หมูมาย่าง สุดท้ายได้ทั้งจาน ช้อน แก้วน้ำ ซึ่งคิดจะซื้อกระทั่งหม้อหุงข้าว นี่มาเที่ยวรึจะย้ายมาอยู่ที่นี่เนี่ย ผู้ชายที่ช่วยกันเข้าครัว เด็ดผัก ตำพริก เออก็ดีไปอีกแบบนะ คุณพ่อครัว โอน โอ๊ค ก้อง ต้อม



และมีอีกสิ่งที่เรารู้สึกดีเพราะตอนที่แวะกินข้าวที่นครสวรรค์ ร้านนี้เราเพิ่งแวะเป็นครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกเกือบเดือนหนึ่งได้ แต่พี่เจ้าของร้านก็จำกลุ่มเราได้ เรียกว่าคุยกันถูกคอเลย ทั้งข้าวเจ้า ข้าวต้มและกับอีกหลากหลายอย่างทยอยเอามาเสิร์ฟพวกเราที่กินกันแบบไม่ยั้ง เกลี้ยงทุกจาน หมดทุกอย่าง ร้านนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่และดูใส่ใจลูกค้าดี ร้านกมลวรรณอาจจะกลายเป็นร้านประจำอขงพวกเราไปเวลามาทางเส้นนี้ก็เป็นได้ หาง่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามธนาคารออมสิน และมีร้านไอติมที่อร่อยอยู่ข้างๆ อย่างร้านพงษ์ VIP ถึงกับเบิ้ลตลอด ไอติมกะทิกับแตงไทย



แม้ว่าทริปนี้จะมีคนไปแค่ 8 คน แต่กลับเป็น 8 คนที่ บ้า บ้ามาก บ้าแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่บ้าไปในทิศทางเดียวกันได้ ไม่มีใครห้ามใครเวลาซื้อของ เดินตามๆ กันไป ใครแวะร้านไหน แวะด้วย แต่เรากลับไม่สามัคคีกันเลยเวลาถ่ายรูปหมู่ กว่าจะได้รูปหมู่ที่ทุกคนดูดี ไม่เผลอ ไม่มีใครบังหน้าใคร เราต้องถ่ายแบบกดรัวๆ เท่านั้น แต่ทริปนี้ก็จบไปแบบมีความสุข และสนุกเหมือนเดิม เจอกันอีกทีทริปต่อไปนะ



สำหรับผู้ที่สนใจ

อยากจะล่องแก่งน้ำเข็กสุดมัน แล้วไปเดินชิวศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากับธรรมชาติสวยๆอากาศดีๆ อย่างที่พวกเรามา ก็เก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางได้เลยนะ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก โทร 055 252 742 – 3 ทุกวัน เวลา 8.30 – 16.30 น. หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย



ขอขอบคุณ



• ข้อมูลการเดินทางจาก ททท.สำนักงานพิษณุโลก

• อุปกรณ์ แพยางพร้อมเจ้าหน้าที่จาก Rain Forest

• ที่พักและข้อมูล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

May Macro

 วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.37 น.

ความคิดเห็น