น่าน.....ก็ น่านงัย จังหวัดเล็กๆจังหวัดหนึ่งทางเหนือ ที่มีมนเสน่ต์เฉพาะตัว ในวิถีชีวิตที่ช้าๆสบายๆ อย่างที่หลายๆคนพูดถึงกัน อยากไป อยากไป อยากไปล้วนๆเลย แค่นี้ล่ะ ที่ทำให้ผมออกเดินทางสู่ " เมืองน่าน "


ปกติผมกับแฟนและเพื่อนจะมีทริปประจำทุกครั้งในช่วง พฤจิ แต่จุดในครั้งนี้คือ น่าน-พะเยาจร้าาาาา โดยที่ไฮไลค์ ของเราคือดอยผาผึ้ง และ ดอยเสมอดาว ทำให้เราเลื่อนทริปขึ้นมาเป็นเดือนตุลา ( แต่ทามม้ายยยเพิ่งจะเขียนลง ) ไปช่วง ตุลา เนี่ยเพราะเรายังพอที่จะถ่ายทางช้างเผือกโดยที่ยังพอจะเห็นใจกลางได้ แถมไม่ต้องอดหลับอดนอนอีกตะหาก อิอิ

โอ้ยโย่ย....ลืมบอกไปน่อ..กระทู้นี้ไม่ใช่เป็นการรีวิวอะไรนะครับ เพียงอยากแบ่งปันสถานที่สวยๆกับเพื่อนๆครับ เพราะฉะนั้นข้อมูลการเดินทาง

จึงมีเล็กๆน้อยๆ เน้นรูปเยอะ แต่ยังพอมีสาระบ้างนาครับ555 ทุกรูปผ่านการโพรเสสนะครับ แต่คงไว้ให้เป็นอย่างที่ตาเห็นมากที่สุดนะครับ ไม่มีรีทัชตัดแปะครับ


เราเริ่มออกเดินทางจาก กทม. ประมาณ 21.00 แวะทานข้าวที่ นครสวรรค์ แล้วยิงยาวผ่าน พิษณุโลก อุตรดิตร์ แพร่ น่าน เส้นทางดีครับ มีขึ้นเขา

ช่วง เด่นชัยหน่อย ที่เหลือสบายๆ จุดหมายแรกของเราคือถ่ายแสงเช้าฟ้าระเบิด ปังๆ ที่วัพระธาตุเขาน้อยกันครับ แอบมีลุ้นทะเลหมอก เพราะช่วงที่ขับรถมามีฝนพรำๆ มีลุ้นๆ ^ ^



ถึงวัดพระธาตุเขาน้อย 05.50 ฟ้าปังม้ากกกกกกก ปังปิ้นาดดดด ย่อยยับ 555 แป้กไปตามระเบียบไม่เปงรายยย ยังงัยก็ต้องมานอนที่ตัวเมืองน่านคืนนึง เด๋วมาซ้ำใหม่ หึหึหึ



บรรยากาศตอนเช้าหมู่บ้านด้านล่างหลังฝนพรำๆ



จากนั้นเราเดินทางต่อไปไหว้พระที่ วัดพระธาตแช่แห้ง แต่รูปวันแรกนี่ไม่มีครับ ฝนตกกล้องก็นอนในเป๋าไปตามระเบียบเสร็จแล้วมาจับจายซื้อของกิน คืนนี้เราจะไปนอนที่ ภูลังกา กันหนึ่งคืนจร้าาาาา เราเดินทางผ่าน อ.ท่าวังผา ระหว่างทางดั๋นนนน เหลือบไปเห็นป้าย อุทยานแห่งชาตินันทบุรี เลยตัดสินว่าเราจะแวะซะหน่อย อิอิ ไหนๆก็ผ่านแล้วนิ



วิวระหว่างทางก่นเข้าสู่อุทยาน



และแล้วๆๆๆ เราก็มาถึง อุทยานแห่งชาตินันทบุรี ทางขึ้นมาอุทยานเนี่ยหน้าฝนรถเก๋งหมดสิทธิ์จร้า ทางเป็นดินแดง มีการเซาะของน้ำเป็นร่องลึก ถ้าไม่เจอฝนรถเก๋งพอขึ้นได้ครับไม่ลำบากมากนัก แตที่ผมไปฝนมันพรำๆงัย เกือบแย่ ขับขึ้นไปถึงเจ้าหน้าที่ยังงงๆว่าขึ้นมาได้ไงหว่า แถมเอาโทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้อีก555



เขตอุทยานนันทบุรีเนี่ย เคยเป็นเขตพื้นที่สีแดงด้วยนะเออ เพราะเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พื้นที่อุทยานครอบคลุม อ.ท่าวังผา และ อ.บ้านหลวง การเดินทางก็ ใช้เส้นทาง 1080 ไปยัง ท่าวังผา แล้วเลี้ยวซ้ายใช้เส้นทาง 1148 อีกประมาณ 1.5โล เลี้ยวซ้าย ใช้เส้นทาง 1082 ประมาณหลักกิโลที่27 เราจะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานทางด้านขวามือ



แล้วเราก็ต้องรีบออกเดินทางอีกครั้ง เพราะฝนเริ่มทำท่าจะตกอีกแล้ว ถ้าตกลงมานี่มีหวังได้นอนค้างที่นี่แน่นอน เลยร่ำลาพี่เจ้าหน้าที่ แล้วออกเดินทางสู่จุดหมายต่อไป " ภูลังกา "


ช่วงประมาณ 14.00 เราก็ถึง ภูลังการีสอร์ท จัดแจงติดต่อเรื่องที่พัก โดยเราเอาเต็นท์มากางเอง เสียค่าใช้จ่ายคนละ 120 บาท รวมอาหารเช้าด้วยนะเออ ช่วงที่ผมไปห้องพักว่างนะแต่นอนแบบติดดินมันอินในอารมณ์มากกว่าอ่ะ แต่ใครจะพักแบบห้องพัก ผมแนะนำ ภู10 นะ ผมรูสึกว่าวิวมันดีสุดล่ะ



เลือกกางเต็นท์เพราะมันนอนดูวิวได้แบบนี้.....

นั่งถ่ายรูปไปเพลินๆ ให้แม่บ้านจัดแจงอาหารไป เราคนขับจะทำอะไรก้อด้ายยยย โฮะโฮะโฮะ


มีรุ้งด้วย เห็นกันมั้ยๆ แฟนผมบอกว่าใครชี้รุ้ง ต้องเอานิ้วที่ชี้จิ้มตูดแล้วดม ไม่งั้นนิ้วกุด555 หมดกันความโรแมนติก


แสงหยอดเป็นระยะๆ หลังจากรูปนี้ก็ กินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดื่มๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็หลับสนิทเลยเนื่องจากขับรถมาทั้งคืน พรุ้งนี้เช้าจะได้ตื่นมาดูทะเลหมอกทัน

พรุ้งนี้เด๋วมาต่อนะครับ ไปทำธุระแป้ปๆๆๆๆๆมาต่อแล้วจร้า......


มาถึงช่วงที่พวกผมรอคอยกันล่ะ แสงเช้าทะเลหมอก หุหุหุ แต่ๆๆๆๆๆ ตื่นมาแล้วท้ามม้ายยยยย มันไม่มีหมอกกกกกก แถมฟ้าไม่ปังๆอีก สตั้นท์ๆๆๆ นี่ทริปนี้ตรูมีตัวฟ้าอาเจนมาด้วยอ้ะป่าววะเนี่ยยยยยย แต่ช่างเหอะได้สูดอากาศดีๆ ลมหนาวๆตอนเช้า ก็โอเครอยู่ล่ะเนอะ

ฟ้าใสๆใจชื่นบานกันไปคร่า....


ถึงไม่เจอหมอกแต่ที่นี่ก็สวยนะ แถมบรรยากาศดีมาก คงเพราะมันเดินทางมาง่ายไม่ต้องลำบากปีนเขา 4-5ลูก แบกของ ฝ่าดงทาก มันเลยทำให้เรารู้สึกว่ามาแล้วมันได้ผ่อนคลาย .....


ก่อนไปแถมความรู้เล็กๆน้อยๆนิดนึง คือภูลังกา เนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันปันน้ำ เป็นที่ตั้งของชาวเย้า ที่ี่จะมี วนอุทยานภูลังกาที่เราสามารถไปพัก และทำกิจกรรมเดินป่าได้ด้วยนะ และที่ ภูลังการีสอร์ท ยังมี หนังสือเดินที่ย้าวยาวยาวไว้ให้ชมในช่วงเช้าหลัง อาหารเช้าด้วย โดยจะมีครูแคะเว่น มาให้ความต่างๆถึงที่มาที่ไป ลองไปฟังกันดูนะ


หน้าตาพาสปอร์ตยุคโบราณ


ครูแคะเว่นที่ให้ความรู้กับเรา มีศักดิ์เป็นหัวหน้าชาวเย้าเลยนะ


ออกเดินทางกันต่อจุหมายต่อไปของเราคือ ดอยผาผึ้ง เป็นอีกหนึ่งไฮไลค์ของเราในทริปนี้ (ไม่ไฮไลค์ได้งัย ผบ.ผมจะไปขัดได้หราาาา ) เราขับรถย้อนกลับมาเส้นเดิม มุ่งหน้าสู่ อ.ปัว เพื่อซื้อเสบียง และ ทานข้าวกลางวันกันที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ หลังจากจับจ่ายซื้อของไปทำกินอย่างจุใจแล้ว ก่อนเข้าบ้านหัวน้ำเราแวะที่ วัดภูเก็ต เพราะเคยเห็นรีวิวแล้ว มันสวยดี



ไหว้พระเอาสิริมงคลแล้วเราก็ออกมาชมวิวกัน

เออ.....ที่นี่สวยจริงแฮะ แต่อากาศตอนผมไปถึงมันร้อนไปหน่อย ถึงซะเกือบเที่ยง 555


เป็นช่วงที่เค้ากะลังเกี่ยวข้าวกันพอดี


แล้วเราไปทานข้าวเที่ยงกันที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ที่นี่ขึ้นชื่อพิซซ่าเห็ดอ่ะแล้วคนชอบกินพิซซ่าแบบผมจะพลาดหรอ 555 แต่ไม่มีรูปนะ มาถึงนี่ใส่เอาใส่เอาแล้วค่อยมานึกได้ เออตรูลืมถ่ายรูปนี่หว่า 555 ดีเนอะ คือปกติผมไม่ถ่ายของกินงัยแถมกลิ่นมายั่วขนาดนั้น ที่นี่ มีวังศิลาให้เที่ยวด้วยนะแต่เรายังไม่เข้าไป เพราะผมตั้งใจมากินข้าวที่นี่อีกแล้วเด๋วค่อยเข้าไปวันนั้นเลย ออกเดินทางกันจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ 14.00 มุ่งหน้าสู่บ้าน มณีพฤกษ์ เส้นทางเข้าสู่บ้านมณีพฤกษ์เนี่ย โหดร้ายกับรถเก๋งเอาเรื่องครับ เป็นทางราดยางนะ แต่มันจะเลวร้ายเริ่มตั้งแต่ใกล้เข้า บ้านปางแก ไปครับ ถนนถูกน้ำเซาะพัง เป็นหลุม เป็นคลื่น เป็นบลาๆๆๆๆ คือ ใต้ท้อง สเกิร์ตหน้านี่ ขูดกันมันอ่ะ กว่าจะถึงบ้านมณีพฤกษ์ก็พาเข้าไป 17.45 แล้ว ป้าดดดด ไม่กี่10โล วิ่ง 3 ชั่วโมง โหดมั้ยอ่ะ แต่รถกระบะก็สบายล่ะครับ



วิวข้างทาง จอดพักคนหน่อย....เหนื่อยกะทางเหลือเกิน

ถึงแล้วเราสามารถกางเต็นท์ได้ที่ พมพ.บ้านมณีพฤกษ์ครับ โดยที่เราสามารถติดต่อเรื่องที่พักได้ที่เบอร์ 0808528524 พี่กล้วย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่ พมพ.ครับ เนื่องจากเย็นมากแล้วจึงต้องรีบกางเต็นท์ก่อนจะมืด แล้วรีบจัดแจง ก่อไฟเพื่อปิ้งย่างกันครับ พี่เจ้าหน้าที่ใจดีมากครับ หาฟืนพร้อมก่อให้ด้วย เลยชวนพ่เค้ากินหมูกะทะด้วยกันเลย วันนั้นมีกลุ่มผมกลุ่มเดียวเองฟินมาก



ระหว่างย่างหมูอยู่นั้นเอง .... แม่จ้าวววว ทางช้างเผือกๆๆๆ มาแบบเห็ด้วยตาเปล่ากันชัดๆ

ทิ้งหมูกะทะไว้เบื้องหลังเดินออกมาด้านหน้า พมพ. แล้วจัดไปอีกรูป.....คืนนี้ฝันดีเลยทีเดียวครับ


เช้าต่อมาเราตื่นตี 4 ครับเรานัดรถ อีแต๋นไว้เพื่อพาขึ้นยอดดอยผาผึ้ง 700 บาทค่ารถครับ เป็นรถชาวบ้านครับเป็นการช่วยชาวบ้านให้มีรายได้ไปด้วยในตัว 700 นี่คุณจะไม่เสียดายสักบาทหลังกลับลงมาเชื่อโผมมม...ป่ะขึ้นยอดดอยกัน



นั่งรถฝ่าความมืด...ซักพัก เดินขึ้นอีกประมาณ 600 เมตร แล้ววิวเบื้องหน้าเราก็จะเป็นแบบนี้

รอจนแสงแรกมา......


แอ้คชั่นหล่อๆ ของพลขับและไกค์ในคนๆเดียว


ฟินดีจริมๆ


เริ่มสายแล้วววว


ลงแล้วจร้าาาาา......


โอ้วฟินจริงๆ กับที่นี่ ทางมายากไปหน่อยแต่ความสวยนี่ดีงามมากๆ คุ้มครับคุ้มใครมาช่วงพญาเสือโคร่งบานจะสวยกว่านี้อีกครับ เรื่องเส้นทางพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเด๋วจะมีการซ่อมแซม เพื่อรับกับเทศาลช่วงหน้าหนาวครับ คงดีขึ้นไปสะดวกขึน ออกจากที่นี่ เรามุ่งหน้าสู่ อ.ปัว อีกครั้ง เข้าบานหัวน้ำเพื่อไปวังศิลาแลง ช่วงที่ไปนั้นเป็นช่วงน้ำหลากทำให้อดเดินเข้าไปเก็บมุมในฝันเลยครับ ทำได้แค่อยู่ด้านหน้าแค่นั้นเองเสียดายม้ากกก



ออกเดินทางต่อเพื่อเข้าไปพักในตัวเมืองน่านครับ หลังจากจัดแจงเรื่องที่พักเสร็แล้ว เราก็ปั่นจักรยานหาของกินแล้วชมเมืองน่านตอนกลางคืนกันนิดหน่อยครับ



อเป็นที่พอใจเราก็กลับเข้าที่พักนอนเอาแรงแล้วเด๋วตอนเช้าเราจะไปแก้มือที่ วัดพระธาตุเขาน้อย ที่เราเจอฟ้าไม่เป็นใจในวันแรกกันครับ หึหึหึ พรุ่งนี้ไปกันกับเพื่อนสองคนถ้าฟ้าเน่าก็คนใดคนหนึ่งล่ะ 555 ถ้าไม่เน่า ก็ไอ้สองคนที่มันไม่มานี่ล่ะ 555



ลุ้นๆๆๆๆๆ

รออยู่ซักพัก เออคงจะฟ้าเน่าจริงๆแฮะ หาอย่างอื่นถ่ายดีกว่า


แปปเดียว....แค่ั้น ฟ้าพี่ท่านเป็นใจครับ วิ่งๆๆๆๆๆกลับไปอย่างเร็วเลย 555


เป็นที่ชื่นใจ หุหุหุ กลับไปรอไหว้พระในเมืองกันต่อครับ สบายใจ อิอิ ด๋วพรุ้งนี้มาต่อนร้าาาาาาลงมาจากวัดพระธาตุเขาน้อยด้วยความชื่นใจ....เก็บของเตรียมตัวไปดอยเสมอดาวกันต่อ แต่ระยะทางจากตัวเมืองน่านกับดอยเสมอดาวอยู่ไกลกันไม่มากเราเลยจะปั่นจักรยานเล่นกันในตัวเมองก่อนแล้วค่อยหาเสบียงแล้วเดินทางไปดอยเสมอดาวกันครับ



แล้วล้อก็หมุนสู่ดอยเสมอดาว ขับรถออกมาไม่ไกลจากเมืองน่านมากนักครับ ออกมาจากน่านเที่ยงๆ บ่ายๆก็ถึงครับ ขับชิวๆไปเรื่อยๆชมบ้านชเมือง ดูต้นไม้วิวข้างทางไปเรื่อยก็แปปเดียวถึงแล้วครับ จริงๆที่ดอยเสมอดาวนี่ถือว่าสะดวกมากเพราะท่พักที่กินมีพร้อมเลยถึงว่าขนาดผมไปวันธรรมดาคนยังเยอะเต็นท์ของทางอุทยานเต็มทุกหลังเลย แต่มีคนเอาเต็นท์มากางเอง อยู่ 3 กลุ่มเอง ถึงช่วงบ่ายๆกางเต็นท์เสร็จก็นอนชิวได้เลย เด๋วบรรยายบรรยากาศด้วยรูปเลยละกันเนอะ สำหรับดอยเสมอดาวแหนี้



ต่อกันที่ช่วงเย็น-ค่ำกันเลยเนอะ


ใครไม่รู้มานั่งหวานกัน เราเลยเอามาประกอบฉากเลย อิอิ


กลับมาเต็นท์แล่วเตรียมตัวย่างหมู


ย่างหมูยังไม่ทันจะได้กินเลย ช้างโผล่คนับ!! จับช้างกันก่อนเลย


โอว....สุขจริงๆ กลับมานั่งกินข้าวแล้วพระจันทร์ก็ขึ้นล่ะ ตอนขึ้นแรกๆสวยมากดันถ่ายไม่ทัน


ขอเมียแต่งงานอีกรอบ555....กลางแสงจันทร์กะหมู่ดาวด้วยนร้าาาา5555


บรรยากาศตอนเช้าบ้าง....หมอกฟุ้งไปนี้ดดดด


ขอลากันด้วยภาพนี้เลยนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆที่เสียเวลารับชมกัน เนืองจากผมบรรยายไม่ค่อยเกง และอาจพิมพ์ผิดรึตกหล่น ก็ขออภัยด้วยนะครับ อยากให้คนไทยเที่ยวไทยกันเยอะๆ เพราะบ้านเราเมืองเราสวยงามไม่แพ้ที่อื่น อยากให้เที่ยวกันแล้วช่วยอนุรักษ์ให้มันคงไว้ช่วยกันรักษา อย่างน้อยแค่เท่าที่เราทำได้ก็พอ ขอบคุณครับ

SlowPix

 วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.08 น.

ความคิดเห็น