บันทึกการเดินทางฉบับนี้จะเป็นทริปพิเศษที่ผมได้มีโอกาสนำกล้อง Canon EOS 6D Mark II พร้อมเลนส์ kit 24-105 mm f/4L II มาใช้ในการถ่ายภาพ โดยจะเดินทางไปเก็บภาพความสวยงามของดอกไม้นานาพรรณที่จิมทอมป์สันฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมาซึ่งจะเปิดให้เข้าชมกันในช่วงฤดูหนาวของทุกปี

สำหรับ กล้อง Canon EOS 6D Mark II ซึ่งเป็นกล้อง DSLR แบบฟูลเฟรม ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ภาพถ่ายทั้งหมดในรีวิวชุดนี้จะได้จากกล้องตัวนี้ทั้งสิ้น ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญและมีความรู้ทางด้านกล้องถ่ายภาพมากมายนัก อาศัยแค่ความคุ้นเคยและหยิบจับกล้องอยู่เป็นประจำเท่านั้น ผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เช้าวันนี้ผมเดินทางมาถึงที่จิมทอมป์สันฟาร์ม ราวแปดโมงกว่า โดยออกเดินทางจากบ้านที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ใช้เส้นทางสาย 304 ผ่าน อ.กบินทร์บุรี อ.วังน้ำเขียว ก่อนจะแยกซ้ายมุ่งหน้าสู่จิมทอมป์สันฟาร์มเมื่อเดินทางเข้าสู่ อ.ปักธงชัย รวมระยะทางราว 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง

บริเวณด้านหน้าของจิมทอมป์สันฟาร์มจะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่คอยโบกต้อนรับอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเดินทางมาถึงเราก็ทำการซื้อตั๋วที่ด้านหน้า ราคาตั๋วในปีนี้ก็จะตกอยู่ที่คนละ 220 บาท ผู้สูงอายุ 90 บาท ถ้าเป็นช่วงวันหยุด แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาราคาก็จะลดลงมาที่ 150 บาทเท่านั้น

ภายในจิมทอมป์สันฟาร์มจะมีรถไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว จอดรับส่งตามจุดต่างๆ ผู้สูงอายุก็แวะมาเที่ยวได้ ค่อนข้างสะดวกสบาย

ในส่วนของกล้อง Canon EOS 6D Mark II จุดเด่นของกล้องตัวนี้จะเป็นระบบโฟกัสที่สามารถโฟกัสได้ถึง 45 จุด อย่างฉับไวและแม่นยำ เมื่อรวมเข้ากับเลนส์ 24-105 mm ซึ่งเป็นเลนส์กึ่งเทเล ภาพนี้ผมโฟกัสไปที่จุดกึ่งกลางของมวลดอกไม้ และซูมไปที่ 105 mm จะได้ภาพที่ชัดเฉพาะจุดและดูนุ่มละมุนทีเดียว

ภายในจิมทอมป์สันฟาร์มจะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ มีมุมให้ได้เก็บภาพเยอะแยะมากมาย ภาพนี้แม้ว่าจะซูมจนสุดเลนส์แต่ก็ยังได้ความละเอียดของภาพอย่างดีเยี่ยม ด้วยจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของกล้อง Canon EOS 6D Mark II ที่สามารถให้ความละเอียดของ

ภาพได้ถึง 26.2 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวในแบบฟูลเฟรม

ในภาพเป็นช่วงเวลาราว 9 โมงเช้า นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมากนัก บรรยากาศค่อนข้างเย็นสบาย

โซนนี้จะเป็นโซนของฟักทองยักษ์ มีการนำผลฟักทองมาตกแต่งจัดวาง รวมไปถึงการสร้างออกแบบเป็นผลฟักทองยักษ์จำลองขนาดใหญ่ ดูสวยงามทีเดียว

เดินไปเรื่อยๆ ก็มาถึงบ้านของคำแก้วที่ใช้ถ่ายละครโทรทัศน์

สำหรับอีกจุดเด่นของกล้อง Canon EOS 6D Mark II คือ หน้าจอที่สามารถบิดได้ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพในมุมแปลกๆ ได้หลากหลาย น่าจะถูกใจคนที่ชอบมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ หรือนอนราบกับพื้น

บรรยากาศในมุมกว้างของจิมทอมป์สันฟาร์ม

วันนี้เราค่อนข้างโชคดี เพราะมีการแสดงร่ายรำแบบพื้นบ้านอีสานให้ได้ชมกันด้วย แต่ก็ถ่ายภาพค่อนข้างยากเพราะวัตถุซึ่งเป็นคนแสดงจะเคลื่อนที่ตลอดเวลา โชคดีที่กล้อง Canon EOS 6D Mark II มีระบบโฟกัสที่ค่อนข้างฉับไว สามารถใช้นิ้วมือจิ้มบังคับสัมผัสหน้าจอได้ และสามารถถ่ายภาพได้สูงสุด 6.5 เฟรมต่อวินาที ทำให้ไม่พลาดในการโฟกัส

มาถึงโซนที่มีการจัดแสดงวิถีชีวิต วิถีอาชีพของชาวอีสานกันบ้าง ในภาพเป็นรังไหม โซนนี้จะมีการสาธิตการทอผ้าไหม สาวไหม เลี้ยงตัวอ่อนไหมให้ได้ชมกันอีกด้วย

เดินมาเรื่อยๆ ก็มาหยุดที่การแสดงการร้องเพลงและร่ายรำในแบบพื้นบ้านอีสาน ในหลายๆ ภาพข้างต้นในการปรับภาพนั้น ผมจะใช้โปรแกรมแบบแมนนวล (M) เป็นหลัก แต่ภาพนี้ผมลองมาทดสอบการใช้โปรแกรมในแบบออโต้ (A) ดูบ้าง การหยุดภาพที่เคลื่อนไหว และให้ความสว่างแม้จะอยู่ในที่ร่ม ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

ลืมบอกไปว่าอีกจุดเด่นของกล้อง Canon EOS 6D Mark II คือสามารถปรับค่า ISO ได้ถึง 40000 เลยทีเดียวนะครับ

เดินต่อมาอีกนิดจะเป็นบ้านเรือนไทยโบราณที่ปลูกสร้างเหนืออ่างเก็บน้ำ ดูสวยงาม และบรรยากาศร่มรื่นมากๆ

พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จริงๆ แล้วก็มีรถให้นั่งอยู่ตลอดเส้นทางนะครับ แต่พวกเรารู้สึกเพลินเพราะได้เดินดูอะไรไปเรื่อยๆ เสียมากกว่า จนมาถึงโซนสุดท้ายที่มีชื่อว่าตลาดจิม เป็นโซนที่จัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งผักผลไม้ เสื้อผ้า เป็นต้น

ถัดจากตลาดจิมก็เป็นทุ่งดอกคอสมอส ในส่วนนี้จะมีต้นสนที่ปลูกเป็นแนวยาวร่มรื่นสวยงาม รู้สึกชอบโทนสีของกล้องและเลนส์ kit 24-105 mm f/1.4L II ดูสีที่ได้จะเป็นธรรมชาติและละมุน แม้จะอยู่ในที่แสงน้อยๆ ก็ตาม

ไฮไลท์สำคัญเมื่อมาจิมทอมป์สันฟาร์มคือ ทุ่งดอกคอสมอส แต่ดูเหมือนว่าปีนี้จะบานยังไม่เยอะมากนัก แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ

สามภาพนี้ผมลองซูมเลนส์มาสุดที่ 105 mm และปรับมาที่แมนนวล(M) เพื่อทดลองปรับสปีด(S) สูงๆ ให้รถได้หยุดนิ่ง ภาพที่ได้ถือว่าถูกใจผมทีเดียว

สีและภาพที่ได้จากกล้อง Canon EOS 6D Mark II และเลนส์ kit 24-105 mm f/1.4L II สีสันดูอิ่ม หวานละมุนใช้ได้เลยครับ

เราใช้เวลาอยู่ในจิมทอมป์สันฟาร์มราวสี่ชั่วโมงเศษ และเป็นสี่ชั่วโมงที่มีความสุขมากๆ ทั้งบรรยากาศความสวยงามและอากาศที่บริสุทธิ์ ถือได้ว่าคุ้มค่ากับราคาตั๋วพอสมควร

บ่ายวันนี้เราเดินทางมาที่โรงคั่วกาแฟ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งไม่ไกลจากจิมทอมป์สันฟาร์มมากนัก

โรงคั่วกาแฟ อ.วังน้ำเขียว การเดินทางจะเข้ามาทาง ต.ไทยสามัคคี จากปากทางถนนใหญ่สาย 304 เข้ามาอีกราว 9 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกไม่ไกล รถยนต์สามารถเข้าถึง

ชื่อก็บอกว่าเป็นโรงคั่วกาแฟ ที่นี่ก็จะมีการคั่วกาแฟกันจริงๆ เป็นการรวมกลุ่มของชาววังน้ำเขียว ที่นี่มีมุมพักผ่อนที่ติดกับอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศร่มรื่นใช้ได้เลย

บรรยากาศภายในร้านที่มีนักท่องเที่ยวต่อคิวกันสั่งเครื่องดื่ม ราคาก็ไม่แพงมากนัก แม้เนื้อที่โดยรอบจะกว้างขวางแต่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยว คงเพราะบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายนั่นเอง ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสาย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณบริษัทCanon ที่ให้นำกล้อง Canon EOS 6D Mark II มาใช้ออกทริปในครั้งนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบันทึกการเดินทางฉบับนี้ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ

ม่วงมหากาฬ

 วันพฤหัสที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.13 น.

ความคิดเห็น