Osaka Again

เพราะกลัวโดนเท Madamkim เลยมาถึงสนามบินตั้งแต่ 05:45 น. ทำให้ได้ Check in เป็นคนแรกตอน 06:30 น. (ดีใจเป็นที่สุด) พอถึงเวลาเครื่องบินก็ออกบินตามเวลาคือ 09:35 น. ไม่มีปัญหาใดๆ ถือว่าโชคดีสุดๆ ตั้งแต่เดินทางไปเที่ยวมา Madamkim ไม่เคยมีปัญหากับสายการบินใดๆ เลย บอกแล้วว่า Madamkim มากับดวง 555

Madamkim รู้สึกว่าที่นั่งของสายการบิน Scoot นั่งสบายและกว้างดีคะ ยืดแข้ง ยืดขาได้มากหน่อย แอร์ก็ยิ้มแย้มให้บริการแบบน่ารัก ส่วนอาหารที่ Madamkim สั่งเอาไว้นั้น รสชาติก็พอไปวัดไปวาได้ ที่ชอบคือ เจ้าขนมห่อสีเหลืองนี่แหละ ขอบอกว่าอร่อยมว้ากกก

ไฟล์นี้ต้องขอชื่นชมกัปตันเป็นอย่างมากคะ เพราะ Madamkim ไม่มีอาการปวดหู หรือ หูอื้อแต่อย่างใด ปกติเวลาไปกับสายการบินอื่นพอเครื่องจะลงที่ไร ต้องทนนั่งปวดหูตลอดเลย ฝีมือกัปตันถือว่าเยี่ยมยอดกระเทียมดองไปเลย และหลังจากนั่งหลับๆตื่นๆมา 6 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงสนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า แบบตรงเวลาเป๊ะๆ ด้วยอุณหภูมิต้อนรับการกลับมาเยือนเมือง โอซาก้า อีกครั้งของ Madamkim ที่ 3 องศา หนาวจนหน้าชาไปเลยยยย

หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าจะ ตม. หรือ ด่านศุลกากร มาแล้ว Madamkim ก็เริ่มมองหาจุดบริการของ JR เพื่อจะได้ไปทำการแลก JR PASS (ซึ่งได้ซื้อล่วงหน้ามาจากเมืองไทยแล้วกับบริษัท H.I.S) ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ Madamkim เลือกใช้ JR Kansai Wide Area Pass แบบ 5 วัน ราคาอยู่ที่ 8,500 yen (ซึ่งต้องใช้แบบต่อเนื่อง) และซื้อตั๋วรถไฟ NANKAI Limited Express rapit แบบ 2 วัน ราคาอยู่ที่ 4,000 yen (ซึ่งไม่ต้องใช้ต่อเนื่อง เอาไว้สำหรับนั่งไป-กลับ สนามบิน)

สำหรับจุดแรกตั๋ว JR Kansai Wide Area Pass ก็คือ JR Ticket Office ชั้น 3

เครดิตภาพ : http://www.couplescape.com/travel/jr-west-kansai-wide/

(หน้าตาตั๋ว JR Kansai Wide Area Pass)

ส่วน NANKAI Limited Express rapit ก็สามารถแลกตั๋วได้ที่ชั้นเดียวกัน อยู่บริเวณข้างๆ สังเกตป้ายสีส้มๆ แดงๆ

เครดิตภาพ: http://japan-guides.blogspot.com/2016/04/nankai-ltdexp-rapit.html

(หน้าตาตั๋ว NANKAI Limited Express rapit )

เมื่อจัดการเรื่องตั๋วรถไฟเรียบร้อย ก็มองหาป้ายรถไฟสาย Nankai เดินตามป้ายไป ก็จะเจอกับสถานีรถไฟ เมื่อมาถึงให้เพื่อนๆดูจากบอร์ดตารางเวลา ว่าเที่ยวที่เราจะไปอยู่ Track ที่เท่าไหร่

หน้าตารถไฟ ก็หรูหรา ใช่ได้เลยนะคะ

Madamkim ก็จับจองที่นั่งเป็นที่เรียบร้อย

วิธีการเดินทาง : โดย Madamkim จะนั่ง Nankai Ltd. Exp. Rapit 66 ไปลงสุดสายที่สถานี Namba

เมื่อมาถึงสถานี Namba (นัมบะ) (Y15) แล้ว ให้มองหาป้ายสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Sub way สายสีน้ำเงิน Yotsubashi Line

เดินตามป้าย ไปเรื่อยๆคะ

เมื่อถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Sub way สายสีน้ำเงิน Yotsubashi Line สถานี Namba (นัมบะ) (Y15) ให้ทำการซื้อตั๋วรถไฟจากตู้เสียก่อน ซึ่งราคาตั๋วจะอยู่ที่ 180 เยน

เพื่อนๆ สามารถเปลี่ยนภาษาที่ตู้ซื้อตั๋วให้เป็นภาษาอังกฤษได้คะ

เมื่อซื้อตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว ให้มายืนรอรถไฟที่ป้ายหมายเลข 2 (สำคัญมากสำหรับการขึ้นรถไฟ เพื่อนๆต้องดูให้ดีว่าต้องมายืนที่หมายเลขใด เพราะถ้าขึ้นผิดฝั่งก็ไปคนละที่เลยคะ) เพื่อนั่งไปลงที่สถานี Higobashi (Y12) เพื่อไปยังที่พัก

เมื่อมาถึง สถานี Higobashi (Y12) ให้ออกทางออกที่ 3 (Exit 3) เดินขึ้นมาก็เจอโรงแรมเลยคะ

โผล่ขึ้นมาก็หน้าประตู โรงแรม APA Hotel Osaka Higobashi Ekimae

ปกติ Madamkim ใช้บริการในการจองโรงแรมที่พักผ่าน Booking.com ที่เลือกใช้ที่นี่เพราะขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีริวิวจากผู้ที่เข้าไปพักจริงๆ มาให้ข้อมูล และก็ไม่เคยทำให้ Madamkim ผิดหวังจากการจองเลยสักครั้ง ก็เลยใช้ Booking.com เป็นประจำคะ

ครั้งนี้ Madamkim เลือกพักกับ โรงแรม APA Hotel Osaka Higobashi Ekimae ทั้งหมด 8 คืน แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงวันที่ 04 – 06/02/2018 และช่วง 09 – 13/02/2018 ที่เลือกพักที่นี่เพราะว่าโรงแรมมี Onsen ด้วยคะ ซึ่งอยู่ชั้น 2 ของโรงแรม กะว่าเดินช้อปกลับมาเหนื่อยๆ มี Onsen ให้แช่จะได้สบายตัว 5555

เครดิตภาพ : https://goo.gl/3Aagys

จริงๆแล้วเป็นเพราะ Madamkim เห็นว่าโรงแรมอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินต่างหาก ลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน Yotsubashi Line มาลงสถานี Higobashi (Y12) ปุ๊ป เดินออกมาที่ทางออก Exit 3 โผล่ขึ้นมาก็เจอโรงแรมพอดี อะไรจะง่ายดายขนาดนั้น นอกจากนั้น แถวๆโรงแรมก็มีร้านค้าใกล้ๆ ให้อุ่นใจ หรือฝากท้องได้ มีทั้ง ร้านเซเว่น (อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เยื่องๆไปทางซ้ายมือของโรงแรม ลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินสามารถออกทางออก Exit 2 โผล่ขึ้นไปก็เจอเลย) และ ร้าน Daily Yamazaki (อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม) ซึ่งเป็นร้านขายของคล้ายๆ เซเว่น แต่ราคาของบางอย่างก็ถูกกว่า นอกจากนั้นภายในโรงแรมยังมีตู้สำหรับแลกเงิน ทำให้สะดวกสบายมากๆ