"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ําแร่ มุกแท้เมืองระนอง" คือ คำขวัญประจำจังหวัดระนอง

ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนไปเยี่ยมญาติที่ระนอง
ครานั้นออกเดินทางตอนหัวค่ำด้วยรถทัวร์ จากสายใต้ (ทั้งเก่าและสายใต้ใหม่อันเก่า) แวะกินข้าวต้มที่มหาชัยเมืองใหม่แล้วหลับยาว มาตื่นอีกทีตอนเช้า เพราะรถเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาบนถนนสองเลนผ่านป่าเขาก่อนเข้าตัวเมืองระนองเกือบชั่วโมง
จำได้ติดตา น้ําตกปุญญบาลดูใหญ่โตอลังการชวนตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ยังไม่เพียงพอช่วยให้อาการพะอืดพะอมเมารถหายไปได้

น่าแปลกใจที่เคยไประนองบ่อยมาก แต่กลับนึกไม่ออกว่า คอคอดกระอยู่ที่ไหน?? ภูเขาหญ้าคืออะไร??

เวลาล่วงผ่านไป 20 ปีเศษ เพิ่งมีโอกาสมาเยี่ยมเยือนระนองด้วยการเดินทางทางถนนอีกครั้ง

เอาล่ะ มาตามรอยคำขวัญประจำจังหวัดระนองกันดีกว่า ^^


^ ศิลาจารึกสลักปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงจารึกไว้ครั้งเสด็จประพาสระนอง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 525-526 ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/att... ^

ระนองเป็นจังหวัดที่ทางหลวงประธาน หมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ตัดผ่าน
ขับตรงจากกรุงเทพมหานครถึงตัวเมืองระนอง ระยะทางก็เกือบๆ 600 กม.
ขับชิลๆ ไม่เกิน 8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับฝีเท้า คันเร่ง และความซิ่งของแต่ละคน

ถนนจากใจกลางเมืองหลวงถึงแยกปฐมพร จังหวัดชุมพร ถือว่าขับไม่ยาก เส้นทางตรงเป็นส่วนใหญ่
แต่ถนนจากชุมพรไประนองยังคงความคดเคี้ยวเหมือนเดิม แม้บรรยากาศหนทางเริ่มเปลี่ยนไป
บางช่วงถูกปรับปรุงเป็นถนนสี่เลน ติดเสาไฟส่องสว่างบ้างแล้ว บ้างก็ทยอยติดตั้งอยู่
บางช่วงกำลังก่อสร้างขยายให้เป็นถนนสี่เลน
เหลือช่วงน้อยๆ ระยะทางสั้นๆ ที่ยังคงกลิ่นอายของถนนสองเลนแบบดั้งเดิม

ศิลาจารึกสลักปรมาภิไธยย่อ จปร. กับด่านตรวจความมั่นคงของทหาร คือ สัญลักษณ์บอกเราว่าผ่านพ้นเขตจังหวัดชุมพร เข้าพื้นที่เขตจังหวัดระนองแล้ว

หลังจากนั้นอีกไม่เกิน 20 กม. เราก็จะมาถึงบ้านทับหลี ถิ่นกำเนิดซาลาเปาทับหลีอันโด่งดัง

ว่าแต่ ซาลาเปาทับหลี มีที่มาอย่างไร?

เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2495 ร้านค้าที่ตลาดท่าข้ามถูกไฟไหม้ นายยกกว้างจึงเดินทางกลับมาอาศัยอยู่กับครอบครัวดั้งเดิมและเริ่มทำซาลาเปาขาย จากนั้นก็ได้ถ่ายทอดวิธีทำซาลาเปาจากรุ่นสู่รุ่น จนแพร่หลายไปทั่วหมู่บ้าน และกลายเป็นสินค้าโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของบ้านทับหลี ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และเป็นแฟรนไชส์ซาลาเปาชื่อดังในปัจจุบัน

มีที่มาระดับตำนานแบบนี้ ขับรถผ่านร้านรวงขายซาลาเปาเยอะแยะมากมาย ลองแวะสักร้าน ขอชิมสักหน่อยละกัน ^^

ปล. ซาลาเปาไส้หมูสับ ไส้ครีม ไส้ถั่วดำ และไส้สังขยา ลูกละ 6 บาท ขนมจีบ ลูกละ 3 บาท
เงิน 50+ บาท กินได้เกิน 1 อิ่ม ความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าอร่อยกว่าซาลาเปาทับหลีแฟรนไชส์นะ


ขับจากบ้านทับหลีไม่ถึงกิโล (ยังไม่ทันได้แกะกล่องซาลาเปาเลยยยย) เราก็จะมาถึงจุดหมายแรกบนคำขวัญประจำจังหวัดระนอง "คอคอดกระ" หรือเรียกอีกชื่อได้ว่า กิ่วกระ

คอคอดกระ (Kra Isthmus) คืออะไร??

คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ เป็นส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู มีระยะทางจากทิศตะวันตก บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันในเขตเมืองตระ ประเทศพม่า ผ่านเขตบ้านทับหลี ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จรดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยด้านทิศตะวันออก บริเวณอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ประมาณ 50 กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำกระบุรีเป็นเส้นพรมแดนธรรมชาติระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งในบริเวณริมแม่น้ำกระบุรีทางฝั่งไทย มีแผ่นป้ายคอนกรีตขนาดใหญ่ถูกสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ด้วย

^ คอคอดกระ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 545 ฝั่งขาออกจากอำเภอเมืองระนอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/23315 ^

คอคอดกระ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ช่วงทางโค้ง ทางเข้าเป็นช่องทางเล็กๆ หากไม่สังเกตดีๆ อาจมีขับรถเลยไปบ้านทับหลี
ตัวอนุสรณ์แลดูเก่า แต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีคติ แฝงความหมายมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ ที่ตั้งอยู่บนคอคอดกระ คือ ไทยและพม่า โดยมีประติมากรรมรูปหงส์ หันหน้ามาทางฝั่งไทย และประติมากรรมรูปสิงห์ หันหน้าไปทางฝั่งพม่า ส่วนด้านหลังของอนุสรณ์ คือ แม่น้ำกระบุรี ข้ามฝั่งแม่น้ำไปแลดูเขียวขจีไม่มีที่สิ้นสุดก็เป็นฝั่งประเทศพม่า
ยืนชมบรรยากาศริมน้ำสักครู่ใหญ่ เห็นเรือแล่นผ่านไปมาเป็นระยะๆ เส้นพรมแดนอาจกั้นแบ่งประเทศ แต่ไม่อาจขวางกั้นวิถีชีวิตของคนสองฝั่งน้ำได้

อนุสรณ์แห่งนี้อาจดูเงียบๆ เป็นทางผ่านที่ไม่ค่อยมีใครแวะเยี่ยมชม แต่นี่คือสถานที่แรกบนคำขวัญประจำจังหวัดระนอง

ใช่!! เรามาถึงแล้วววว ^^


พูดถึงแม่น้ำกระบุรีแล้ว ได้ยินมาว่ามีจุดชมวิวแม่น้ำกระบุรีที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเขา
เอ... เขาอะไรน้าาาา
ลองถามอากู๋เลยได้รู้ชื่อว่า จุดชมวิวเขาฝาชี เลยจากคอคอดกระไปทางเดียวกับทางเข้าเมืองระนองราวๆ 35-36 กม. เท่านั้น
เอา!! เราไปแวะชมวิวแม่น้ำกระบุรีที่จุดชมวิวเขาฝาชีกัน

จุดชมวิวเขาฝาชี คืออะไร??

จุดชมวิวเขาฝาชี เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพลำน้ำกระบุรีมาบรรจบรวมกับลำน้ำละอุ่นก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน และเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง โดยจุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาฝาชี สูงจากระดับน้ำทะเล 259 เมตร ในอดีตสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นเคยใช้ยอดเขาแห่งนี้เป็นจุดตรวจการณ์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์ทวนสัญญาณโทรคมนาคม ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง

^ จุดชมวิวเขาฝาชี ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 580-581 ฝั่งขาออกจากอำเภอเมืองระนอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/3752 ^

จุดชมวิวเขาฝาชี ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาออกจากอำเภอเมืองระนอง ถ้ามาจากทางบ้านทับหลี ต้องข้ามคลองละอุ่นไปเล็กน้อย แล้วกลับรถก่อน จึงค่อยมาเลี้ยวเข้าทางเล็กๆ อีกประมาณ 3 กม. จึงจะถึงจุดชมวิว
อยากบอกว่าทางขึ้นเขาฝาชีค่อนข้างแคบและชัน ทำให้ระยะทางแค่ไม่กี่กิโลเมตรกลับช่างดูไกลแสนไกล คิดว่าใครที่อยากมาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ คงต้องเผื่อใจไว้ใช้ตอนขับรถกลับลงมาบนเส้นทางแบบนี้ท่ามกลางความโพล้เพล้แสงน้อยๆ พอสมควร เรียกได้ว่าต้องใช้ความระมัดระวังขั้นสุดๆ ไปเลยทีเดียว
แต่ทว่า... เรามาเยี่ยมเยือนในช่วงตะวันสาดแสงแบบนี้ ไม่มีปัญหา ค่อยๆ ขับไปไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง

ข้างบนจุดชมวิว บรรยากาศเงียบสงบ สามารถมองเห็นทัศนียภาพลำน้ำกระบุรี เกาะแก่งน้อยใหญ่ และทิวเขาฝั่งพม่าได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
อาจจะขึ้นมาไม่ง่ายดายเลย แต่ขอบอกว่าคุ้มค่า อยากให้ทุกคนได้ขึ้นไปยลสักครั้ง

จุดชมวิวแห่งนี้อาจดูเงียบๆ เป็นทางผ่านที่ไม่ค่อยมีใครแวะเยี่ยมชม (อีกแล้ว) แต่ขอแนะนำและย้ำอีกครั้งว่า ขึ้นไปเถอะ บรรยากาศทิวเขากับลำน้ำสวยๆ ที่กั้นแบ่ง 2 ประเทศแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นทั่วไป

ใช่!! เรามาถึงแล้วววว ^^

ออกจากจุดชมวิวเขาฝาชี เลี้ยวจากทางเล็กกลับสู่เส้นทางถนนเพชรเกษม แล้วกลับรถมาตามทางเข้าเมืองระนองอีกราว 17 กม. ก็จะผ่านน้ําตกปุญญบาลที่ได้กล่าวถึงไปในตอนต้น
ขอรำลึกความหลัง แวะอีกที่แล้วกันนะ ^^

น้ำตกปุญญบาล คืออะไร??

น้ำตกปุญญบาล คือ น้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ก่อนถึงตัวเมืองระนอง ตัวน้ำตกมี 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปุญญบาล ชั้นที่ 2 โตนไม้ไผ่ ชั้นที่ 3 โตนต้นเฟิร์น มีน้ำไหลแรงตลอดปี โดยมีต้นน้ำจากลำห้วยสายเล็กๆ บนป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่นและป่าราชกรูด บริเวณน้ำตกมีเส้นทางศึกษาแหล่งต้นน้ำและระบบนิเวศน์ป่าดิบชื้น ซึ่งเป็นเส้นทางเดินระยะทางประมาณ 300 เมตร จากน้ำตกชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 3 ด้วย

^ น้ําตกปุญญบาล ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 597 ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://park.dnp.go.th/visitor/scenicshow.php?id=478 ^

น้ําตกปุญญบาล ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง ช่วงก่อนถึงทางแคบชันเลาะภูเขาช่วงสุดท้ายก่อนเข้าเมืองระนอง
ตอนเด็กๆ เวลานั่งรถผ่านน้ำตกแห่งนี้ก็มักจะตื่นเต้น เพราะขนาดของมันอลังการมาก
แต่อีกทางหนึ่ง น้ำตกแห่งนี้ก็เหมือนสัญญาณเตือนว่า อดทนหน่อยเด็กน้อย ทางคดเคี้ยวช่วงสุดท้ายกำลังมาถึงแล้ว ทนเมารถอีกสัก 10 นาทีนะ

ตอนเด็กๆ อีกเช่นกัน จำได้ว่าเคยแวะมานั่งกินส้มตำ เล่นน้ำตกที่นี่อยู่บ่อยๆ ยามหน้าฝน แรงน้ำที่ตกลงมาส่งเสียงกระหึ่ม ละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่วันนี้แวะมาเยือนในเดือนไร้ฝน น้ำตกเลยดูแล้งน้ำไปหน่อย

ออกจากน้ําตกปุญญบาล เส้นทางถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง เป็นช่วงทางแคบลัดเลาะไหล่เขา ทางขึ้นชันๆ ยาวๆ ก่อนจะไหลลง ยาวๆ อีกเช่นกัน
ไม่คุ้นเส้นทาง มือใหม่ ต้องขับช้าถึงช้ามาก ถ้าเจอรถท้องถิ่นขับจี้ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ ปล่อยพี่ๆ เขาหาทางแซงไป (แม้จะมีป้ายห้ามแซงตลอดทางช่วงนี้ก็ตาม)
เรียกได้ว่าต้องตั้งสติกันเต็มที่เลยทีเดียว

ขับผ่านช่วงนี้ไปได้ก็สบายใจหายห่วงแล้ว เพราะถนนเพชรเกษมช่วงสุดท้ายก่อนเข้าเมืองระนองเป็นทางราบ
มองผ่านกระจกรถแลเห็น
พระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งวัดวารีบรรพตเด่นสะดุดตา
กราบนมัสการพระท่าน เหมือนท่านให้พรว่า เดินทางปลอดภัย เที่ยวระนองให้สนุกนะโยม

สาธุๆๆ


ขับจากน้ําตกปุญญบาลไปอีกราวๆ 15 กม. แต่ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเศษ เราก็มาถึงจุดหมายต่อไปในคำขวัญประจำจังหวัดระนอง
"ธารน้ําแร่" หรือที่รู้จักกันในชื่ออย่างเป็นทางการว่า บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน คืออะไร??

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน คือ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ อุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส น้ำจากบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ได้รับการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์บริการแล้วพบว่า ประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญและไม่มีสารกำมะถันเจือปน จึงถือเป็นน้ำแร่ร้อนที่มีประโยชน์ในการบำบัดรักษาสุขภาพ
บ่อน้ำร้อน มี 3 บ่อตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน คือ บ่อพ่อ ขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.80 เมตร บ่อแม่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 เมตร และบ่อลูกสาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.00 เมตร
บริเวณพื้นที่โดยรอบบ่อน้ำร้อนเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะรักษะวาริน นามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จประพาสระนอง เมื่อ พ.ศ. 2510 อันมีความหมายความว่า น้ำที่ใช้รักษาโรคได้

^ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 613 ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/22135 ^

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ตั้งอยู่บนถนนชลระอุ (ฟังชื่อแล้วมั่นใจได้เลยว่ามาไม่ผิดที่แน่นอน) เลี้ยวซ้ายเข้ามาจากถนนเพชรเกษมช่วงผ่านตัวเมืองระนองเล็กน้อย ทางเข้าเป็นถนนอย่างดีมีป้ายครบครัน ใครไปใครมาไม่มีวันหลง ฟันธง!!

ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อน ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นระเบียบเรียบร้อยตกแต่งอย่างสวยงาม จะมาแช่น้ำร้อนก็ดี เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวก็มีสปาไว้คอยบริการ หิวๆ ก็มีร้านอาหารร้านกาแฟไว้ให้ฝากท้อง ร้านขายของที่ระลึกหรือมุมเก๋ๆ ก็ไม่มีตกหล่น เพลิดเพลินกายแล้วจะเจริญใจก็มีวัดใกล้ๆ ให้เดินไปทำบุญ
ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบเครื่องครบครันเลยทีเดียว


บ่อน้ำร้อน ทั้งบ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว เป็นบ่อปูนขอบสูงและระดับน้ำลึก ไม่สามารถลงไปแช่ตัวได้
แต่ถึงจะให้ลงไปแช่ได้ แล้วใครจะลงหละ ก็อุณหภูมิตั้ง 65 องศาเซลเซียสเชียวนะ

เอาเป็นว่า ไปลองสัมผัสบรรยากาศอุณหภูมิสบายๆ สัก 40 องศาเซลเซียส ในบ่อที่ทางสวนสาธารณะรักษะวารินเตรียมไว้ให้ทุกคนได้แช่เท้าแล้วกัน (บ่อค่อนข้างตื้น แต่แอบเห็นบางคนลงไปแช่ทั้งตัวเลยเหมือนกัน)

ส่วนใครที่ยังไม่หนำใจ ไม่ไกลกันก็ยังมีบ่อน้ำร้อนที่ได้รับการออกแบบคล้ายออนเซ็นที่ญี่ปุ่น แลดูเป็นส่วนตัว แต่ก็อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ให้ใช้บริการด้วยค่าใช้จ่ายสุดแสนประหยัด

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแช่น้ำให้ตัวร้อนตัวเปียก ในบริเวณใกล้ๆ กันก็มีบริการนวดในสวนท่ามกลางธรรมชาติด้วย

หรือใครสนใจจะไปยืดตัวหรือเอนกายภายในอาคารกิจกรรมโยคะร้อนที่พื้นอาคารได้รับไออุ่นจากความร้อนสะสมใต้พิภพก็น่าสนใจไม่น้อยน้าาาา


สะพานขึงเหนือธารน้ำไหลข้างๆ บ่อน้ำร้อน เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง
พาคู่รักไปถ่ายรูปบนสะพาน (ปั๊ดโธ่!! อย่าเผลอไปแกว่งสะพานแกล้งนางเซ่) จากนั้นชวนกันไปนั่งปิคนิกกินส้มตำริมลำน้ำก็ดูโรแมนติกไม่น้อย

บรรยากาศสวยๆ มุมถ่ายภาพดีๆ ก็ยังมีอีกเพียบบบบ
เดินวนไปค่ะ

นั่งแช่เท้าตรงบ่อน้ำร้อน เห็นคนเอาภาชนะ ไม่ว่าจะเป็น ถัง แกลลอน ขวดขนาดใหญ่ มารองน้ำร้อนขนกลับไปเป็นระยะๆ มากบ้างน้อยบ้าง
ตรงที่จอดรถก็มีจุดถ่ายน้ำใส่รถบรรทุกน้ำ
ใครมาพักแรมที่เมืองระนอง ถ้าในโรงแรมมีบริการแช่น้ำร้อน ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าน้ำร้อนเหล่านั้นถูกนำมาจากที่ไหน

เดินเที่ยวเพลินๆ แช่เท้าแช่ตัวผ่อนคลายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาแวะหาอะไรรองท้องเสียหน่อย
"ร้านคุ้นลิ้น" ร้านอาหารใต้พื้นบ้านสูตรระนองแท้ๆ ตั้งอยู่ตรงบ่อน้ำร้อน ยั่วน้ำลายเรามาสักพักแล้ว
ต้องไปลิ้มลองสักหน่อย

หน้าร้านมีโมเดลน่าสนใจให้สายกล้องถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอีกแล้ว
ดาราและคนมีชื่อเสียงก็แวะเวียนมาที่นี่อยู่ไม่น้อย ชอบดาราคนไหน ดูภาพแล้วถ่ายตามรอยได้เลยจ้าาาา

ภายในร้านตกแต่งบรรยากาศสบายๆ
บนโต๊ะอาหารมีตุ๊กตาไล่ฝนไม่มีหน้า เว้นไว้รอให้เราเขียนหน้าเขียนตาแล้วเอาไปแขวนรวมกัน
เมืองฝน 8 แดด 4 แบบนี้ คงต้องใช้ตุ๊กตาไล่ฝนเยอะหน่อยสินะ

สำหรับใครที่คิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะลองลิ้มชิมรสอาหารใต้แท้ๆ ระนองสไตลส์เมนูใดดี ก็ลองเสี่ยงดวงให้เซียมซีทำนายละกันนะ

เมื่อเดินจนทั่วและอิ่มท้องป่องได้ที่แล้วก็ถึงเวลากล่าวคำร่ำลา
บ่อน้ำพุร้อนรักษะวารินแห่งนี้ไม่มีคำว่าร้างผู้คน และน่าจะถือเป็นสถานที่ที่ใครที่มาเยี่ยมเยือนเมืองระนองแล้วไม่แวะมา ถือว่าผิด!!
และนี่คืออีกสถานที่หนึ่งที่ปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัดระนองแห่งนี้นี่เองงงง

เย้ๆๆ เรามาถึงแล้วววว ^^


ขับรถออกจากบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ทางถนนชลระอุ ทางเดียวกับที่เข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษมอีกราว 12 กม. เราก็จะมาถึงจุดหมายต่อไปในคำขวัญประจำจังหวัดระนอง "ภูเขาหญ้า"

ภูเขาหญ้า คืออะไร??

ภูเขาหญ้า คือ ภูเขาที่แลดูเหมือนภูเขาหัวโล้น แต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพราะแทบไม่มีต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโตขึ้นได้เลยและไม่ได้เกิดจากการโดนตัดโค่นต้นไม้จนเลี่ยนเตียนโล่งอีกด้วย คงมีแต่ต้นหญ้าที่ขึ้นเสมอกันราวกับมีคนมาปลูกไว้ปกคลุมตลอดทั้งปี ด้วยขนาดย่อมๆ ของมัน เนินเขาแต่ละลูกที่มีทางเดินเชื่อมถึงกันจึงพอเหมาะพอดีที่จะเดินขึ้นไปเที่ยวได้โดยไม่เหนื่อยหอบ
ภูเขาหญ้าสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยในช่วงฤดูฝน จะมีสีเขียวแลดูสวยงาม ส่วนในช่วงหน้าแล้ง จะถูกปกคลุมด้วยหญ้ายืนต้นแห้งสีน้ำตาล

^ ภูเขาหญ้า ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม กม.ที่ 625 ฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองระนอง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/att... ^

ภูเขาหญ้า ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม เยื้องกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ห่างจากตัวเมืองระนอง ไปทางทิศใต้ประมาณ 12 กิโลเมตร
หากออกจากบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ก็แค่เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษม ช่วงผ่านตัวเมืองระนองมุ่งหน้าตามทางลงไปยังจังหวัดพังงา เมื่อเห็นน้ำตกหงาวอันสูงใหญ่ (แต่ไม่มีน้ำในช่วงไร้ฝน) ตั้งตระหง่านอยู่ริมทาง ก็ค่อยกลับรถ แล้วเลี้ยวเข้าทางลูกรังน้อยๆ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้

ก่อนมาได้ยินว่า ภูเขาหญ้า คือ ภูเขาหัวโล้นที่มีแต่หญ้าปกคลุม ก็ฟังดูไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสักเท่าใดนัก แต่เมื่อมาเห็นแล้วก็ชวนให้พิศวงงงงวย เนื่องจากพื้นที่โดยรอบก็มีพืชพรรณใหญ่น้อยขึ้นปกคลุมแลดูเขียวขจีดี ไฉนภูเขาหญ้าจึงมีแต่หญ้า

ก็เพ่งพิศชื่นชมแบบงงๆ สักพักใหญ่ ไม่มีป้ายหรือคำอธิบายใดๆ ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ใจใจ พร้อมเห็นใครต่อใครผ่านไปผ่านมาแวะเยี่ยมชมเป็นระยะไม่ขาดสาย
และนี่ก็คือสถานที่ที่สามบนคำขวัญประจำจังหวัดระนองจ้าาาา

ใช่!! เรามาถึงแล้วววว ^^


"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ําแร่ มุกแท้เมืองระนอง"

วันนี้เราไปพิชิต 3 สถานที่ที่อยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดระนองเรียร้อยแล้ว ทั้งคอคอดกระ ภูเขาหญ้า และธารน้ําแร่ คงเหลือแค่กาหยูหวานกับมุกแท้เมืองระนอง ซึ่งไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น
ดังนั้น ภารกิจของเราในวันนี้จึงถือว่า สำเร็จจจจ ^^

อ๊ะๆๆๆ แต่เดี๋ยวก่อน หากคุณคิดว่าระนองมีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงเท่านี้ บอกเลยถือว่าผิดดดด...

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จําลอง)
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้สักและไม้ตะเคียนทอง เพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมที่จังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2433) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2452) และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2471) ภายในมีห้องจัดแสดงที่สำคัญ ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ชั้น 3) และห้องพระราชินี (ชั้น 2)

หอพระ 9 เกจิอาจารย์
หอแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2525 เมื่อคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ภายในประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ ได้แก่ หลวงพ่อจันทร์ หลวงพ่อนุ้ย หลวงพ่อรื่น หลวงปู่ทวด หลวงพ่อเบี้ยว หลวงพ่อติ๋ว หลวงพ่อลอย หลวงพ่อน้อย และหลวงพ่อบรรณ ถือเป็นสถานศักดิ์ที่สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งซึ่งชาวระนอง รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศนิยมมาสักการะบูชา

จวนเจ้าเมืองระนอง
จวนเจ้าเมืองแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2420 บนเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ เพื่อใช้เป็นที่พำนักของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง ณ ระนอง)เจ้าเมืองระนองคนแรก ภายในจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของต้นตระกูล ณ ระนอง

สุสานเจ้าเมืองระนอง
สุสานของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2426 บนที่ดินที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ตัวสุสานมีลักษณะแบบจีน ตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดเล็ก หันหน้าไปทางทิศใต้ บริเวณลานกว้างหน้าสุสานปุศิลาขึ้นไปจนถึงด้านข้างของสุสาน ด้านหน้าของสุสาน มีป้ายหินแกรนิตจารึกประวัติความเป็นมา และคำสรรเสริญเกียรติคุณพระยาดำรงสุจริต มหิศรภักดี (คอซู้เจียง) รวมทั้งมีตุ๊กตาหินโบราณ ซึ่งนำเข้าจากประเทศจีนในสมัยที่เจ้าเมืองระนองยังมีชีวิตอยู่ ตั้งอยู่หลายตัว และเสาหินแกรนิตตั้งอยู่ถัดไปอีก 2 เสา

เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในตัวเมืองระนองเท่านั้น นี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกมากมายที่มีอยู่รายรอบทั้งจังหวัดเลยนะเนี่ยยยย

ก็บอกแล้ว หากคุณคิดว่าระนองมีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงเท่านี้ บอกเลยถือว่าผิดดดด ^^

เที่ยวจนเย็นย่ำค่ำคืน หลังจากเช็คอินเข้าที่พัก เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่า "คืนนี้มีงานตรุษจีนถนนคนเดิน ที่ ถนนเรืองราษฎร์ ด้วยนะคะ เดินไปไม่ไกล"
ถือว่าเป็นโบนัสประจำทริป แวะไปหาของกินแวะชิมบรรยากาศตรุษจันหัวเมืองปักษ์ใต้สักหน่อย

ขาไปงานตรุษจีนถนนคนเดินก็เดินไป ขากลับก็เดินกลับ สบายๆ
ระนองเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ยามค่ำคืนก็พอมีร้านรวงเปิดไฟสว่างสไวไม่เงียบเหงานะจ๊าาาา

เดินผ่านร้าน ก.ไก่ ศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน ที่ตั้งอยู่ข้างโรงแรมใหญ่ตกแต่งไสลส์บ้านไร่ชายทุ่งเลยบังเอิญได้เจอเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบที่ยังไม่ได้คั่วไม่ได้ถูกกะเทาะเปลือกเหมือนที่วางขายทั่วไป

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ = กาหยู ซึ่งเป็นชื่อเรียกตามสำเนียงภาษาถิ่นใต้นั่นเอง

"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ําแร่ มุกแท้เมืองระนอง"

วันนี้เจอะเจอไป 4 อย่างในคำขวัญประจำจังหวัดระนองแล้วววว
ว่าแต่มุกแท้เมืองระนองอยู่ที่ไหน อยากได้มาครอบครองบ้างจัง 555

ท่ามกลางโลกสมัยใหม่ที่หมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว ความคลาสสิคของชีวิตที่เรียบง่ายสบายๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ความฉับไวศิวิไลซ์กลับย่างกลายก้าวเข้ามาแทนที่ในชีวิตของพวกเราทุกคน

วันเวลาที่ผ่านพ้นไปจึงทำให้ใครหลายเริ่มคนโหยหาความทรงจำเก่าๆ
ระนองที่กำลังค่อยๆ พัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวสมัยใหม่ กลับยังคงกลิ่นไอบรรยากาศเก่าๆ ที่เราคุ้นเคยเมื่อครั้งยังเด็ก

ไม่ไปไม่รู้ อยากให้มาลองดูเอง

ฝากระนองไว้เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปของทุกๆ ท่านด้วยน้าาาา ^^

# # # # #

#VACAVACA #Thailand #Ranong #StoneInscriptionofKingRamaV #TubLeeSalapao #KraIsthmus #KhaoFaChiViewPoint #PunyabanWaterfall #RaksaWarinHotSpring #GrassHill #RattanaRangsanThroneHall #ResidenceoftheGovernorofRanong #RanongGovernorCemetery

#ประเทศไทย #ระนอง #ศิลาจารึกสลักปรมาภิไธยย่อจปร #ซาลาเปาทับหลี #คอคอดกระ #จุดชมวิวเขาฝาชี #น้ําตกปุญญบาล #บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน #ภูเขาหญ้า #พระราชวังรัตนรังสรรค์ #หอพระ9เกจิอาจารย์ #วงเวียนน้ำพุ #จวนเจ้าเมืองระนอง #สุสานเจ้าเมืองระนอง #อยู่ประเทศไทยก็เที่ยวได้ทุกวัน #ประเทศไทยวันเดียวก็เที่ยวได้

# # # # #

เรื่องเล่าจากการไปเที่ยวระนอง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562

# # # # #

สำหรับผู้ที่กรุณาอ่านรีวิวของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาช่วยกดไลค์กดแชร์ เราต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือถูกใจในรีวิว มีข้อแนะนำหรือติชม รวมทั้งสนใจพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็ทักทายในกล่องข้อความด้านล่างรีวิวนี้หรือตามลิงค์ต่างๆ ด้านล่างได้เลย จักยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อ้อ ฝากติดตามผลงานภายใต้ชื่อ VACA VACA นามปากกาใหม่ของเราบน Readme.me ด้วยน้าาาา
https://th.readme.me/id/sk38129
ขอบคุณมากครับ/ค่ะ ^/i\^

# # # # #

http://www.iamsk38129.com/
https://www.facebook.com/FootballandThailandLovers
https://instagram.com/ftls_store/?ref
https://twitter.com/FTLs_Store
https://plus.google.com/103925332040178584760/about
https://www.youtube.com/channel/UC_x851zlq7ufNa-dpQz04bQ

# # # # #

ดูรายละเอียดข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดระนอง (Ranong) ได้ที่ https://thai.tourismthailand.org/%E0%B9%80%E0%B8%8...
ดูรายละเอียดข้อมูลโครงข่ายการคมนาคมขนส่งมวลชนของจังหวัดระนอง (Ranong)ได้ที่ -

VACA VACA

 วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.29 น.

ความคิดเห็น