หลังจากได้ลองเขียนรีวิวท่องเที่ยวแรกเรื่องจุดชมวิวเสม็ดนางชีไป เริ่มสนุกแล้วสิครับ ส่วนตัวผมว่าการได้แชร์เรื่องราวดีๆ ระหว่างการท่องเที่ยวผ่านตัวหนังสือและภาพถ่าย มันเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งเหมือนกันนะครับ และในวันนี้ถึึงโอกาสของ "เกาะตาชัย" หนึ่งในจุดหมายปลายฝันของใครอีกหลายคนที่อยากไปเหยียบเกาะนี้ให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต..

** รีวิวนี้ "ยาว" นะครับ ถ้าใครกำลังหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจไปเกาะตาชัย น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ เพราะผมลง details ทุกอย่างเท่าที่ผมเคยสงสัยและพยายามจะหาคำตอบก่อนหน้านี้ วันนี้ลงไว้ในนี้หมดแล้ว..

// แต่ถ้ายาวไป ก็ต้องขออภัยด้วยครับ ><

ได้ยินชื่อเกาะตาชัยมานาน ก่อนหน้านั้นก็นั่งอ่านรีวิวเยอะมากว่าจะซื้อทัวร์กับบริษัทไหนดี แต่สุดท้ายผมก็ใช้บริการ one day trip ของ Love Andaman ครับ ตอนนั้นมีโปรโมชั่น voucher 4 ใบ เลือกไปเกาะไหนก็ได้ ตกอยู่ใบละประมาณ 1,900 บาทต่อครั้งต่อใบ

หลังจากได้ voucher แล้ว ก็วางแผนเรื่องการเดินทางและโรงแรมครับ วางแผนพร้อมกับเตรียมลาพักร้อนไว้ล่วงหน้าประมาณครึ่งปีได้ ทุกอย่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เหลือแค่รอเวลา..

..แล้วเมื่อวันที่ผมรอคอยมาถึง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินภูเก็ตประมาณสิบเอ็ดโมง จากนั้นก็ใช้บริการรถเช่า Budget ที่สนามบินครับ เตร็ดเตร่แถวๆ ภูเก็ต ดูพระอาทิตย์กที่แหลมพรหมเทพ หาไรทานเสร็จจนค่ำๆ ก็ตีขึ้นไปนอนที่เขาหลัก ผมพักที่ Motive Cottage Resort ไม่ไกลจากท่าเรือมาก อยู่ใกล้ตลาดนัดและ 7-11 ถือว่าสะดวกมากเลยครับ ที่ผมไม่พักที่ภูเก็ตเพราะไม่อยากตื่นเช้ามาก จากภูเก็ตขับรถมาท่าเรือประมาณ 2 ชั่วโมงได้ครับ โดยโปรแกรมคือ เกาะตาชัยหนึ่งวัน และวันถัดไปเป็นเกาะสิมิลัน คือเอาให้เอียนทะเลกันไปเลย..

ก่อนหน้านั้น 1 วัน เจ้าหน้าที่เลิฟฯ จะโทรมานัดกับเราว่ารับที่ไหน ผมไม่เอารถส่วนตัวไปจอดทีท่าเรือเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีที่จอดรึเปล่า เลยให้รถตู้มารับ-ส่ง น่าจะดีกว่า

ใช้เวลาไปถึงที่ท่าเรือก็ประมาณ 15-20 นาทีครับ ไปถึงที่ท่าเรือทับละมุก็แปดโมงนิดๆ แล้ว ตกใจเพราะคนเยอะมาก จากรูปที่เห็นในรีวิวดูสถานที่ใหญ่ แต่พอเห็นของจริงเล็กถนัดตาไปเลย อาจเพราะคนมาใช้บริการเยอะมากกกกก ส่วนใหญ่เป็นคนจีนเกือบ 90% นอกนั้นเป็นคนไทยและฝรั่ง (เหมือนผมเป็นชนกลุ่มน้อย)

ที่จอดรถสาธารณะด้านหน้าเลิฟฯ ที่จอดรถน้อย แต่ข้างๆ มีของเอกชนครับ แต่ต้องเสียเงิน ดังนั้นไม่แนะนำให้เอารถส่วนตัวมานะครับ

พอมาถึงก็ต้องต่อคิวเพื่อทำการลงทะเบียนโดยใช้ voucher ในการลงทะเบียนก่อน (อย่าลืมเอาไปด้วยนะครับ แต่ผมถ่ายรูปเอาไว้ก็ยื่นมือถือให้เจ้าหน้าที่ดูได้) คิวจะแยกเป็น เกาะตาชัย เกาะสิมิลัน และเกาะสุรินทร์ หลังจากนั้นจะได้ wristband แต่ละสีมา และถ้ามีสีเหมือนกับเราแสดงว่าลงเรือลำเดียวกันครับ ไม่ได้ระบุนะครับว่าต้องใส่มือขวาหรือมือซ้าย แล้วแต่สะดวกเลยครับ ซึ่งหลายคนจะดีใจว่าได้ wristband น่ารักๆ มาฟรีด้วย เลิฟใจดีเนอะ..

แต่เดี๋ยวก่อนครับ! ทุกอันต้องคืนตอนกลับ หากใครอยากได้ ทาง Love Andaman มีจำหน่ายครับ (55 เป็นอันเฟลไป)

ต่อคิวอาหารเช้าของ Love Andaman

ระหว่างนั้น ก็ต่อคิวเพื่อทานอาหารเช้า คิวค่อนข้างยาวครับ อาหารเช้าที่เห็นก็เป็นอาหารง่ายๆ เป็น แซนวิชอันเล็กขนาดพอดีคำ ข้าวเหนียวสังขยาที่มาพร้อมในห่อใบตอง มีแซนวิชโรลปูอัด คุ๊กกี้ ปาท่องโก๋ และก็ข้าวต้มหมู (หรือไก่ไม่แน่ใจ) ส่วนเครื่องดื่มก็จะมี ชา กาแฟ soft drink และก็ผลไม้ กว่าจะได้อาหารมาก็เกือบแปดโมงครึ่งแล้ว ไกด์ก็จะมาตามตัวเราให้ไปรวมตัวด้านหลัง ซึ่งบริเวณที่ทานอาหารด้านหน้าคนเยอะมากครับ ให้แนะนำเดินไปนั่งชิวๆ ด้านหลังเลยครับตรงที่ brief

ระหว่างนั้นผมก็ต้องรีบๆ กินเพราะไกด์เริ่มจะ brief ให้ฟังแล้ว (เพราะกลุ่มที่จะลงเรือลำเดียวกับเรา มาถึงก่อนหน้านี้และได้ทานเช้าเรียบร้อยแล้วครับ) ณ จุดๆ นี้ ยัดอะไรได้ยัดไปเลยครับเพราะเราจะต้องใช้พลังงานหลังจากนี้อีกเยอะ ทั้งการถ่ายรูป เล่นน้ำ ฯลฯ ไกด์ก็จะแนะนำว่า โปรแกรมเป็นอย่างไร ข้อห้าม รายละเอียดต่างๆ ครับ หลังจาก brief ก็จะให้ขึ้นเรือเพื่อที่จะออกเรือเป็นลำแรกเลยครับ ก่อนขึ้นเรืออย่าลืมทานยาแก้เมาเรือเผื่อไว้ก็ดีนะครับ หลายคนบอกว่า ทานแล้วจะง่วง แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆ นะ หรือแล้วแต่คน

หลังจากนั้นไกด์ก็จะพาเราไปด้านหลังสุดตรงท่าเรือเพื่อขึ้นเรือ ตรงนั้นก็มีห้องน้ำอีกจุดนะครับ ทำธุระให้เรียบร้อยเพราะหลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งจะอยู่บนเรือ การทำภารกิจบนเรือดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะผมว่า (ยังไม่เคยลองเหมือนกัน) จากนั้น จะมีตะกร้าให้ถอดรองเท้าฝากไว้ครับ ไกด์บอกว่า ในวันหนึ่งๆ จะมีคนลืมรองเท้าไว้เยอะและจะกลายเป็นขยะ และทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าขึ้นเกาะครับ (แต่เอ๊ะ.. ทำไมคนที่มากับทัวร์เจ้าอื่นก็เห็นใส่กับบ้างประปราย.. ช่างมัน อย่าสงสัยมาก)

หลังจากนั้น ก็จะผ่านจุดถ่ายรูปครับ (ซึ่งก็คือทางไปขึ้นเรือครับ) จะมีช่างกล้อง stand by แล้ว ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า รูปของเราจะมาอยู่ในกรอบรูป หรือไม่ก็ในจานที่ระลึกหลังจากที่เรากลับขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่อยากเสียตังค์ซื้อก็ตามแต่ก็ถ่ายๆ ไปเถอะครับ ให้ทุกฝ่ายสบายใจเนอะ (เพราะรูปที่เราถ่ายกันเองที่เกาะตาชัย สวยกว่าเยอะ 55)

สำคัญนะครับ ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็ให้รีบขึ้นเรือครับ เพราะถือว่าเป็นจุดกำหนดชีวิตการเดินทางในวันนี้ของคุณที่สำคัญมากครับ เพราะถือว่าเป็นการได้เลือกตำแหน่งที่นั่งที่ดีที่สุดเลยทีเดียว ใครมาก่อนก็สร้างอาณาเขตก่อนครับ

รายเอียดเรื่องที่นั่งของเรือ จะแบ่งเป็นสามโซนครับ

โซนแรกจะเป็นด้านหน้าเลย ผมขอเรียกว่าโซน open air อันนั้นรับลมสุดๆ ได้รับแรงกระแทกสูงเพราะอยู่หัวเรือเวลาเจอคลื่น แต่ก็ได้ความมันส์ไปอีกแบบ ได้อาบแดดเต็มที่สำหรับคนที่อยากมีผิวสีแทน แต่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่เกี่ยงกันสำหรับที่นั่งอันนี้ ไม่แนะนำให้ท่านที่หูรูดไม่ดีนะครับ แต่ถ้าคนมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหารน่าจะช่วยได้เยอะครับ การกระแทกของเรือกับคลื่นจะช่วยให้อาหารที่ทานมาคลุกเคล้ากับน้ำย่อยในกระเพาะได้เป็นอย่างดีครับ

โซนสองคือ โซนในร่ม ก็จะแบ่งเป็นตอนกลาง กับตอนท้ายครับ

ตอนกลาง มีโคลงเคลงนิดหน่อย แต่ด้วยตำแหน่งที่ต้องหันหน้าเข้าหากันเหมือนนั่งรถสองแถว ดังนั้นร่างกายจะไม่ค่อยสมดุลสำหรับท่านั่งเท่าไหร่ เหมือนร่างกายซีกที่อยู่ใกล้ด้านท้ายเรือจะต้องรองรับน้ำหนักของตัวเองมากกว่า เพราะหัวเรือจะเชิดขึ้น แล้วเวลาหลับอาจไม่ค่อยสะดวก เวลาเรือเจอคลื่น ก้นก็จะลอยจากเบาะประมาณ 1-2 เซนติเมตรด้วยสภาวะไร้น้ำหนัก ตำแหน่งของที่นั่งของแต่ละคนจะค่อยๆ ล่นมาด้านท้ายเรื่อยๆ ครับ (ลองสังเกตดูครับถ้าได้ไป) สุดท้ายจะมากระจุกกันอยู่ด้านท้าย (รักกันๆๆ เลยใกล้ชิดกันเนอะ)

ส่วนตอนท้ายผมว่าดีครับ มันได้นั่งพิงและตำแหน่งการนั่งเหมือนนั่งรถปกติ แต่จะเสียงดังมากเพราะใกล้เครื่องเรือ แดดร้อนตอนขาไปและกลับเพราะแดดส่องช่วงคอ แล้วเป็นตำแหน่งที่เบาะมักเปียกตลอดเนื่องจาก ตอนขึ้นลงของผู้โดยสาร หลังการดำน้ำหรือขึ้นเกาะ ทุกคนจะเหยียบผ่านโซนนี้ครับ ที่นั่งเราก็จะชุ่มช่ำตลอด

นอกจากนี้จะมีที่นั่งสองที่ฝั่งซ้ายของเรือ ตรงแนวตำแหน่งของกัปตัน อันนั้นน่าจะดีนะครับ ผมขอเรียนกว่า Honeymoon seat ละกันครับ เหมาะกับคู่รักครับ นั่งแบบไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องเบียดใครแต่เบียดกันเอง วิวดี ลมโกรก จู๋จี๋กันได้ตามสบาย และอยู่ในร่มอีกด้วย

ซึ่งแน่นอนครับ ขาไปผมนั่งโซนกลาง (คิดว่าผมนั่ง Honeymoon seat ละสิ..)

(น้ำทะเล) ใส ใส.. วัยรุ่ยชอบ

เอาเป็นว่าเมื่อผู้โดยสารครบแล้วก็เริ่มออกเรือครับ เรือผมเป็นเรือใหญ่ มีสามเครื่องเรือ มีแต่คนไทยทั้งหมดแต่จะเบียดๆ กันหน่อยแบบไหล่ชนไหล่เลย น่าจะจุได้ประมาณ 40 คน ไกด์บอกว่าพยายามให้คนไทยอยู่ด้วยกันหมดเพราะไม่อยากให้เราไปแตกกลุ่มไปรวมกับกรุ๊ปคนจีน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น ทุกคนเลยโอเคครับเราใช้ระยะเวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีในการเดินทางก็มาถึงเกาะตาชัย คือตอนเข้าใกล้เกาะ น้ำทะเลนี่แบบว่า (โคตร) ใสแบบคริสตัลและเป็นสีฟ้า turquoise สุดๆ เห็นแบบนี้ก็อดใจไม่ไหวละครับ


วันนี้ผมไม่ไปดำน้ำ อยากใช้เวลาอยู่บนเกาะนานๆ เพราะน่าจะใช้เวลาถ่ายรูปเยอะมากกว่า แต่ถ้าจะไปดำน้ำ ก็จะมีเวลาบนเกาะแค่หลังทานข้าวเที่ยงเอง ประมาณสองชั่วโมง บ่ายสามโมงก็ต้องกลับแล้วครับ (คหสต.)

ส่วนคนอื่นที่ต้องการดำน้ำ ก็ไม่ต้องลงเกาะและนั่งเรือต่อไปเลยครับ ทางเรือได้จัดเตรียมหน้ากากดำน้ำและตีนกบไว้ให้แล้วแบบฟรีไซส์ (ถ้าอ่านรีวิวก่อนหน้านี้ เราจะต้องไปเลือกและรับอุปกรณ์ดำน้ำก่อนลงเรือ) ก็จะออกไปดำน้ำแถวๆ เกาะทั้งสองจุด จุดละประมาณ 30 นาทีครับ

ฟ้าสวย น้ำใส หาดทรายขาว สมคำร่ำลือ

เรามาถึงเป็นเรือแรกๆ ดังนั้นบนหาดจะยังไม่มีคนมากเท่าไหร่ ไกด์แนะนำให้ไปจุดชมวิวที่อยู่ด้านขวามือของเกาะ ก่อนเที่ยง เพราะจะถ่ายรูปสวยและพระอาทิตย์จะอยู่ด้านหลังเรา เวลาถ่ายรูปจะไม่ย้อนแสงครับ

ผมเลยขึ้นไปจุดชมวิวก่อนเลย ก็เป็นทางเดิน มีเชือกให้เกาะเป็นระยะๆ พอเดินไปได้สัก 10 นาที ก็จะถึงจุดชมวิวแล้วครับ แต่บอกว่าร้อนทรีนมาก ด้วยการที่พื้นผิวเป็นหินก้อนเล็กก้อนน้อย ดังนั้นต้องระวังหน่อยครับเวลาเดิน

ทางขึ้นไปจุดชมวิว

ทางไปจุดชมวิว ร่มรื่นดีครับ

หันมาดูทะเล สีช่างฟ้าาาาาสดใสเหลือเกิน แต่รอแปปนะ เด่วกลับลงมาถ่ายรูปด้วย

จุดชมวิวอยู่ข้างหน้าละ อีกไม่ไกล..

จุดชมวิวถือว่าสวยมาก ตอนผมขึ้นมาไม่มีใครขึ้นมาสักคนเลย มองไปด้านล่างน้ำทะเลก็ใสมาก และเห็นฝูงปลาว่ายน้ำ ถ้าได้เลนส์มุมกว้าง จะเก็บภาพได้สวยขึ้นอีกแบบนึงครับ

แถวนั้นมีคนเอาก้อนหินมาตั้งซ้อนๆ กันด้วยตามจุดต่างๆ ด้วย ลมเย็น อากาศปลอดโปร่ง ขึ้นไปแล้วลองหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ นะครับ จะได้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่โอบกอดเราอยู่ ได้กลิ่นอายของความสดชื่นแห่งท้องทะเล มันทำให้ผมรู้สึกเฟรชๆ มาก

มุมดีหล่อเลยครับ ต้องไปยืนตรงแท่นหินตรงกลาง จะถ่ายรูปออกมาได้อยู่ในตำแหน่งตรงกลางพอดี๊พอดี.. (แต่ระวังลื่นนะครับ)

ผมใช้เวลาอยู่บนจุดชมวิวประมาณ 20 นาที พอได้รูปสวยๆ ก็รีบลงครับ เท้าเริ่มพอง ณ จุด ๆ นี้..


หลังจากนั้นก็เดินลงมาที่ชายหาด ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ กันต่อ เพราะคนยังไม่มากเท่าไหร่..

ชิงช้า (ซ้ายมือของภาพ) ถือว่าเป็นพร๊อพถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมสูงสุด ดังนั้นถ้าว่าง จงรีบไปจับจองถ่ายรูป

เป็นอีกหนึ่งมุมที่คนนิยมถ่ายครับ ทางเดินลงหาด ตรงป้ายเกาะตาชัย พอดี๊พอดี

จนเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าๆ ก็มานั่งทานข้าวกลางวันก่อน ถึงแม้จะยังไม่หิวมากเท่าไหร่จากอาหารเช้าที่อัดมาเต็มความจุกระเพาะของมนุษย์โตเต็มวัยคนหนึ่ง แต่ก็ต้องทานเพราะถ้ารอให้หิวหรือทานตอนเที่ยงแล้ว คนที่ไปดำน้ำจะกลับมาแล้วคนจะเยอะ อาจไม่มีที่นั่งครับ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ดังนั้นรีบๆ กินแล้วไปถ่ายรูปสวยๆ ต่อดีกว่า (งานนี้ต้องเอาให้คุ้ม)

ซุ้มข้างกล่องและเครื่องดื่มของเลิฟฯ ครับ

รับอาหารให้ถูกซุ้มนะครับ อาหารจะมีเป็นข้าวกล่องครับให้เลือก ไม่ได้เป็นบุฟเฟ่แบบตักๆ เหมือนรีวิวก่อนๆ (เป็นไปตามกฏใหม่ของอุทยานฯ) โดยอาหารหลักจะมี ข้าวผัดกุ้ง, สปาเก็ตตี้ และข้าวกระเพราทะเล ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และส่วนเครื่องเคียงจะเป็น ทอดมันและไก่เทอริยากิ, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนและปีกไก่บนทอดสองชิ้น และ ทะเลลวกจิ้ม ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนเครื่องดื่มเท่ามีแค่ น้ำเปล่า กับน้ำอัดลมกระป๋อง เท่านั้น และ บราวนี่ เป็นของหวาน (ซึ่งที่อ่านรีวิวมาก่อนหน้านี้มันคนละอย่างกันเลยครับ ไม่มีไลน์เครื่องดื่ม หรือ น้ำผลไม้หวานฉ่ำเลย)

ด้านหลังซุ้มอาหาร จะมีผ้าใบปูพื้นไว้ สำหรับท่านไหนที่อยากจะฝากของครับ ก็เอาของไปวางๆ กองรวมๆ กันไว้บนพื่นแต่ต้องดูแลกันเองดีๆ เพราะมีแค่เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลให้เท่านั้น

Lunch box ของเราในวันนี้..

Lunch box ของเราในวันนี้.. ไหนๆ ก็ได้อาหารมาและ ก็รีบๆ กินจะได้ไปถ่ายรูปต่อ


อาหารหน้าตาดี แต่รสชาดอาหารธรรมดาไปหน่อย คือทานเพื่อให้ร่างกายย่อยสลายและดูดซึมกลูโคสไปใช้ได้ก็เป็นพอ แต่ไม่ได้แบบกินแล้วต้องอุทานมาเป็นสำเนียงทองแดงว่า “หรอยจังฮู้ววว" หรืออร่อยจนอยากกินอีกกล่อง (เข้าใจอารมณ์ใช่ไหมครับ..)

แต่ ณ ตอนนั้น มันทั้งร้อน กระหายน้ำ ผมว่าสองกล่องผมว่าก็อิ่มมากแล้วนะครับ ผมอิ่มมากเลยเก็บบราวนี่ไว้ทานทีหลังตอนหลังเล่นน้ำเสร็จ เพราะตอนนั้นเหนื่อยและหิว (อีกรอบ) ผมแอบไปเดินดูของเจ้าอื่นก็คล้ายๆ กัน บางที่มีสลัดผัก อาจเป็นเพราะลูกค้าเป็นฝรั่งส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นอาหารกล่อง ไม่แตกต่างกันครับ

แดดตอนเที่ยง น้ำก็ใสฝุดๆๆ

หาดทรายสีขาว กันท้องฟ้าที่โคตรฟ้าาาเลย

ทานเสร็จจะไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวๆ หน้าหาดต่อ เพราะตอนบ่ายโมงไกด์นัดไว้สำหรับคนที่ต้องการเดินศึกษาธรรมชาติ เพื่อไปดูปูไก่ หอยมรกต

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

ค้างคาว (แต่ไม่กินกล้วยเพราะหลับอยู่).. หาเจอไหมครับ

เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง ก็ถึงเวลาที่จะเข้าไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ใช้เวลาไม่นานครับ สัก 15 นาทีก็เสร็จ ระหว่างทางมีค้างคาวนอนหลับอยู่บนต้นไม้ ตัวใหญ่เหมือนกันครับ ส่วนเจ้า "ปูไก่" นี้ ค่อนข้างขี้อาย หาตัวยากหน่อย แต่พอเห็นแล้ว ตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้แหะ นึกว่าจะเท่าๆ ปูที่เราตำส้มตำ แต่จริงๆ ใหญ่กว่ามาก ส่วน "หอยมรกต" หาไม่ยากครับ เกาะอยู่ตามใบไม้ ใครตาดีๆ หน่อยก็จะเจอได้ประปราย

วิวนี้ก็สวยดีครับ อยู่กลางๆ เกาะ ระหว่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ไม่ค่อยมีคนมาถ่ายรูปด้วยเหมือนจุดแรกก่อนหน้านี้

เจอแล้วววว.. ปูไก่ ผู้หลับไหล

หอยมรกตก็มาอวดโฉมเหมือนกัน

เราเดินไปเรื่อยๆ สัก 15 นาทีก็ไปออกด้านท้ายของเกาะครับ ลองขึ้นไปบนโขดหินจะได้รูปสวยๆ อีกมุมหนึ่งเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็บ่ายโมงครึ่งแล้ว จะมีเวลาอีกชั่วโมงนิดๆ ก่อนบ่ายสามโมงสิบห้าที่เป็นเวลานัดขึ้นเรือเพื่อที่จะกลับเข้าฝั่ง ซึ่งเวลาการกลับเข้าฝั่งอาจช้าหรือเร็วเล็กน้อย ขึ้นกับระดับน้ำขึ้นน้ำลงด้วยครับ ตอนวันที่ผมไปกลับตามเวลาปกติคือบ่ายสามโมงไม่ได้ ต้องรอจนบ่ายสามโมงสิบห้าถึงกลับได้ เลยได้อยู่บนเกาะเพิ่มอีก 15 นาที ถือว่ากำไรละกันครับ

ถ่ายจากท้ายสุดของหาด

โอ้วว.. น้ำใสอะไรเช่นนี้

คราวนี้ก็ถ่ายรูปเต็มที่เลยครับ เปลี่ยนชุดและกระโดดลงน้ำได้เลย. รออะไรอยู่ล่ะ! แถวนั้นจะมีไกด์ของ Love Andaman คอย stand by ตามหน้าหาดเป็นระยๆ เพื่อให้บริการถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวครับ เรียกใช้บริการได้เลย ไกด์ค่อนข้างทุ่มเทในการถ่ายรูปมาก อันนี้ผมประทับใจ หัวใจบริการให้สิบ+++

ชื่อภาพ "การพลีกาย ความทุ่มเท และหัวใจด้านการบริการของไกด์"

แดดตอนบ่าย ยิ่งทำให้น้ำทะเลเป็นสีฟ้าาาาาา turquoise มาก มีลูกฉลามหูดำว่ายมาใกล้ๆ ด้วยแต่เค้าไม่ได้ทำร้ายเรานะครับ เวลาตอนนั้นมันจะผ่านไปเร็วมาก เหมือนได้ว่ายอยู่ในสระน้ำเค็มขนาดใหญ่ ความสุขนี่ถึงระดับ peak เลยครับ แต่ก็อย่าถ่ายรูปจนเพลินเพราะต้องเผื่อเวลาอาบน้ำด้วยนะครับ

ตายแพรพ.. แพ้ความขาวของทรายที่นี่ และความใสของน้ำทะเล (:

ห้องน้ำของอุทยานฯ ทีเกาะตาชัยครับ

ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนเวลานัดกลับ แนะนำให้ไปอาบน้ำที่จุดอาบน้ำครับ จะมีฝักบัวให้ยืนล้างตัวด้านใกล้หาด แล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำจะดีกว่า

ตอนล้างตัวสำคัญมากครับเพราะต้องเอาเม็ดทรายที่อยู่ตามซอกกางเกง (ใน) ว่ายน้ำ ออกให้หมด ขนาดผมแค่ลงน้ำเฉยๆ ไม่ได้เล่นทรายเลย ตอนเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำตกใจเลยครับว่าทรายเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง ถือว่าเป็นการสครัปผิวหนังกำพร้าไปในตัวละกัน ><"

ที่ต้องเอาทรายออกให้หมดเพราะเราต้องปฏิบัติตามกฏของทางอุทยานฯ ที่ว่า ห้ามเก็บทรายกลับไปไปเด็ดขาด ไม่งั้นอาจโดนปรับได้นะครับ (เค้านับเป็นเม็ด.. ล้อเล่นนะครับ)

แดดตอนบ่ายสาม ทะเลยิ่งสวยยยย

พออาบน้ำไรเสร็จ ก็มารอขึ้นเรือครับ เลยรีบเก็บภาพบรรยากาศก่อนกลับ เพลง "อยู่ต่อเลยได้ไหม" ของสิงโต นำโชค ดังขึ้นมาทันที 555 (ถึงแม้จะอยากอยู่ต่อก็ถาม แต่ถ้าให้ว่ายน้ำกลับไปก็ไม่ไหวววว)

แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลาเทอ.. เกาะตาชัย

เรือมารอรับแล้วววววว

ต่อคิวขึ้นเรือกลับครับ

ตอนต่อคิวขึ้นเรือ คำถามเกิดขึ้นในใจ คือ เราจะได้นั่งที่เดิมไหม คำตอบของผมวันนี้คือ "ไม่" ครับ ส่วนผมได้อัพเกรต (หรือ ดาวน์เกรตหว่าาา) ที่นั่งเป็นหลังสุดติดเครื่องยนต์แต่ก็สบายดีครับ ไม่ได้ซีเรียส นั่งไหนก็ได้ ณ ตอนนั้นคือ หมดแรง ขอให้กลับถึงฝั่งละกัน แต่เสียอย่างเดียวแดดส่องคอ ก็หาผ้ามาคลุมเอาครับ ไม่มีปัญหา..

ตอนกลับที่นั่งเต็มหมด แต่เนื่องจากเรือของเลิฟฯ อีกลำ เครื่องเรือเสียไปหนึ่งเครื่องจากทั้งหมดสามเครื่อง ทำให้ขนคนกลับไปไม่ได้เท่าที่มา ดังนั้นก็เลยมีแก๊งค์คนจีนมาแจมด้วยหนึ่งครอบครัวครับ ตอนแรกเค้าจะไม่กลับเพระไม่มีที่นั่งแต่สุดท้ายก็ต้องกลับ เราคนไทยมีน้ำใจ ก็ยอมเบียดๆ กันหน่อยครับ มาด้วยกันก็ไปด้วยกันนะ

หลังจากขึ้นเรือทุกคนสลบเหมือดกันหมด ใช้เวลาเท่าเดิมก็มาถึงท่าเรือครับ พอใกล้ถึงท่าเรือ ไกด์ก็จะแจกผ้าเย็นครับ และขอเก็บ wristband คืน (อ้าวนึกว่าให้) แล้วถ้าคุณ Like ในบริการวันนี้ก็หย่อนลง tip box ได้ครับ

ขึ้นไปรับรองเท้าที่เราถอดเอาไว้ เค้าจะเรียงไว้ให้เป็นระเบียบตามชื่อของเรือที่เราไป แวะไปซื้อของที่ระลึก รูปถ่ายที่ถ่ายตอนเช้า และ wristband ได้

ต่อคิวเพื่อไอติมกะทิแสนอร่อย ขายดิบขายดี

ถัดไปจะมีโซนของกิน (อีก) มีไอติมกะทิ ที่เค้าว่าอร่อยสุด หมี่ผัด น้ำดื่มให้บริการอีกที อยากทานไรทานเลยครับ

น้ำอันลมเย็นๆ

หมี่ผัด (อันนี้ขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่)

แน่นอนครับ ไอติมกะทิได้รับความนิยมสูงสุด มีลูกค้าคนนึงไปต่อคิวไอติมกะทิสองรอบ คุณลุงคงจำหน้าได้มั้ง โดนคุณลุงที่ตักบอกว่าให้แค่คนละอัน (เป็นสำเนียงใต้) คือตอนนั้นผมว่าทุกคนไม่ได้หิวนะ แต่แค่ร้อน กระหาย อยากหาไรเย็นๆ ทานมากกว่า และไม่เห็นไกด์บอกว่าให้ทานได้คนละอัน ผมว่าถ้าเนียนๆ ตอนคนเยอะๆ ก็ไปต่ออีกสักรอบ ลุงคงจำไม่ได้หรอกมั้ง แต่ก็อร่อยจริงสมคำร่ำลือ หรือเป็นเพราะว่าหิวหว่าาา ><

ผมทานไรเสร็จก็ไปขึ้นรถตู้ สำหรับภูเก็ตให้เดินเลี้ยวซ้าย เขาหลักเลี้ยวขวา เดินไปถึง ก็ไปบอกพี่คนขับครับว่าพักไหน ถ้ามีรถออกไปทางนั้นพอดี เราก็ไปครับ เราจะไม่ได้กลับกับคุณลุงคนเดิมที่มารับเราตั้งแต่เช้าครับ ใครไปถึงก่อนก็กลับก่อนครับ เป็นอันหมดวัน กลับถึงที่พักก็กระโดดลงสระว่ายน้ำที่โรงแรมอีกทีครับ มันยังร้อนอยู่เลยและถือว่าล้างตัวไปในตัวครับ.. เป็นอันหมดอีกหนึ่งวันที่แสนประทับใจสำหรับใครที่จะไปเกาะตาชัย

เกาะตาชัยในความเห็นของผม

  • สวยมากครับ สมคำร่ำลือ ฟ้าสวย น้ำใส ทรายนุ่มทรีนมากๆ เหมือนเดินบนแป้งสีขาว
  • บนเกาะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ ดังนั้น จะดีมากเพราะคุณจะได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติและผู้ร่วมทริปได้อย่างเต็มที่ ถ่ายรูปไว้เยอะๆ กลับมาถึงฝั่งค่อยโพสต์รูปก็ไม่สายเกินไปครับ
  • แว่นกันแดดถือว่ามีความจำเป็นอย่างสูงสุด เพราะทรายที่ขาวจั๊วะขนาดนี้ แสงแดดที่สาดส่องมันแสบตามมากครับ
  • อย่าคิดว่าจะเจอปูไก่ เดินเล่นที่ชายหาด เหมือนที่เราเคยเห็นในรูปก่อนหน้านี้ ไกด์บอกว่า ปูไก่ จะอาศัยในป่า ไม่ชอบอากาศร้อนและด้วยลักษณะพฤติกรรมของมัน น้อยมากที่จะไปเดินเล่นที่ชายหาด แล้วรูปที่เห็นคืออัลไล.. ปูไก่ใส่ถ่าน? 555
  • อย่าลืมไปจุดชมวิวก่อนเที่ยงนะครับ ไม่ลำบากเลย หลายคนพลาดเพราะเห็นแค่หาดก็คิดว่าฟินแล้ว

Love Andaman ในความเห็นของผม (ในฐานะของลูกค้าที่ใช้บริการ)

  • สถานที่จัดแต่งสวยงามทันสมัย มีการประชาสัมพันธ์ดี เข้าถึงผู้ใช้ social media ได้ง่าย ตอบโจทย์วัยรุ่นอย่างเรา
  • การให้บริการของพนักงานถือว่าให้ 10/10 กันเอง อัธยาศัยดีและเป็นกันเองมากกก
  • คุณภาพของอาหาร ลดลงไปเยอะ เมื่อเทียบกับรีวิวก่อนๆ ที่ผมเคยอ่านก่อนหน้านี้ ผมให้ 5/10
  • คนจีนเยอะมาก คนไทยเที่ยวน้อย เกรงว่าต่อไป จะกลายเป็นทัวร์จีนไป ไม่แน่ใจว่าทำไมคนไทยน้อย หรืออาจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี (มั้ง?)
  • เท่าที่ผมคุยกันคนที่เคยใช้บริการเลิฟฯ ก่อนหน้านี้ตอนที่เลิฟฯ พึ่งเกิดใหม่ๆ บอกว่าดีเยี่ยม เรื่องอาหารที่เรียกว่าชนะขาดรอยกับเจ้าอื่น การบริการไม่ต้องพูดถึง จำนวนคนที่น้อยทำให้มีเวลาใส่ใจลูกค้าทุกคน
  • โดยส่วนตัวผมกลางๆ กับเลิฟฯ คือไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้ประทับใจแบบอยากมาใช้บริการอีก ถ้าคราวหน้า ผมอาจจะขอลองกับเจ้าอื่นๆ ดูบ้าง เพื่อเป็นตัวเลือกดูบ้าง
  • ตอนเช้ารถตู้น่าจะมารับเร็วกว่านี้หน่อย จะได้มีเวลาทานเช้าเพิ่มขึ้นเพราะผมไม่ได้ทานเช้าที่ รร. มา กะว่ามาทานของเลิฟฯ เต็มที่

สิ่งละอันพันละน้อย..

  • ให้รถตู้มารับ-ส่งไปยังท่าเรือดีที่สุด เพราะที่จอดรถตรงนั้นน้อยมาก ไม่สะดวกเลยครับ
  • อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ นะครับ ปกติผมเป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว แต่วันแรกกลับมา ก็เป็นแผลในปากร้อนในเลย เพราะว่าเราจะ dehydrate โดยที่เราไม่รู้ตัวขณะที่กำลังดื่มด่ำกับทะเลอันแสนสวย พวกยาป้ายแผลร้อนในปากพกติดไปด้วยก็ดีครับ.. stand by เอาไว้
  • คนที่จะดำน้ำ ควรเตรียมไปสองชุดนะครับ คือ ชุดที่เราใส่ไปตอนเช้าควรเป็นชุดที่พร้อมลงน้ำและพร้อมเปียกเลยจะดีมาก เพราะการเปลี่ยนบนเรือผมว่าไม่สะดวก แล้วเตรียมชุดแห้งไปหนึ่งชุดสำหรับเปลี่ยนตอนขากลับ
  • ผ้าเช็ดตัว เลิฟฯ ไม่มีให้นะครับ อย่าลืมเตรียมไปด้วย
  • คนที่ไม่ดำน้ำ ชุดที่เราใส่ไปตอนเช้าอาจเป็นชุดชิคๆ + พร้อพ ไว้ถ่ายรูป และใส่กางเกงว่ายน้ำ หรือชุดว่ายน้ำ ไว้ข้างใน พอทานเที่ยงเสร็จก็ถอดชุดชิคๆ ออกแล้วกระโดดลงน้ำเลย สำหรับชุดเปลี่ยนกลับก็คือชุดตอนเช้า .. แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสก็ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ครับ นั่งเรือกลับมาก็แห้งพอดี

เลิฟเลย.. เกาะตาชัย

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบ คือผมอยากเล่าให้ละเอียดที่สุดเพราะผมเชื่อว่าหลายคนคงทำการบ้านด้วยการรีวิวกระทู้ต่างๆ เหมือนผม และหวังว่ากระทู้รีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ ไว้คราวหน้าผมจะมารีวิว One day trip เกาะสิมิลันของเลิฟฯ ให้ฟังคราวหน้านะครับ

และหากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยอีกครั้งนะครับ (:

~Hungry Traveller


ถ้ารักเราเหมือนที่รักเกาะตาชัยในวันนี้..

ไปรักเราต่อได้ที่ FB page: https://www.facebook.com/hungrytraveller [=

Hungry Traveller

 วันพฤหัสที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.22 น.

ความคิดเห็น