การเดินทางของผมเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อย่างเข้าต้นฤดูฝนปี 58 ในการเดินทางของผม ผมไม่เคยตีกรอบรูปแบบการเดินทาง บางครั้งเราอาจจะเดินทางแบบ Backpack บ้าง เดินทางแบบโดยใช้ยานพาหนะบ้าง และไปกับทัวร์บ้างก็ไม่เป็นไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความปลอดภัยเป็นหลัก และในครั้งนี้การเดินทางของผมจุดหมายปลายทางของผมอาจจะไม่น่าสนใจสำหรับเพื่อนๆแนวขาลุย เพราะความชอบส่วนตัวในสถานที่ที่จะไปผมเลยตัดสินใจเดินทางคนเดียว เพื่อตัดความยุ่งยากในเรื่องวันเวลาของคนหมู่มากที่จะมีเวลาตรงกัน แต่บางครั้งเวลาเราเดินทางคนเดียวในสถานที่แปลกใหม่โดยเฉพาะต่างประเทศเรามักมีความกังวลในเรื่องต่างมากมาย จึงต้องหันไปใช้บริการของทัวร์เพื่อดูแลจัดการให้เราบรรลุถึงจุดมุ่งหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ

...เมียนมาร์ หรือ พม่า ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ของเราเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการที่ผมอยากเดินทางไปสัมผัสถึงความเป็นเมืองพุทธศาสนาสักครั้งในชีวิต หลังจากที่ได้เปิดประเทศมาสักระยะหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ขึ้นในประเทศเรา จากเมื่อก่อนที่ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบัน มีทั้งสายการบิน low cost และทัวร์ต่างๆเข้าไปลงมากมายหลายบริษัท และบริษัทที่ผมเลือกใช้บริการในครั้งนี้คือ Smiling Holiday Group แพ็คเก็ต 3 วัน 2 คืนในราคา 12,900 ไปยังเมือง ย่างกุ้ง หงสา สิเรียม อินแขวน...

...พวกเราพร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเดินทางสู่สนามบิน "มิงกาลาดง"โดยสายการบิน Air Asia ใช้เวลาเดินทาง 1.15 ชั่วโมง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ ออกมามีรถโค้ชอย่างดีมารอรับ พร้อมไกด์สาวชาวไทยใหญ่เป็นผู้บรรยายและพาชมสถานที่ต่างๆที่เราจะไป เวลาเดินทางไป ตปท ที่มีไกด์คอยบรรยายระหว่างทาง ผมอดทึ่งในความรอบรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์ของไกด์ไม่ได้ทุกครั้งในการให้ข้อมูลเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาได้อย่างละเอียดชัดเจน และในส่วนของไกด์สาวชาวพม่าคนนี้ให้แง่มุมเป็นกลางๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยกับพม่าที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันมาแต่โบราณ ขึ้นอยู่กับใครเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์ ข้อมูลบางอย่างที่เรารับรู้กันมาแต่เด็กๆ แต่ในพม่าข้อมูลจะเป็นอีกแบบนึง สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับพวกเราชาวคณะเป็นอย่างยิ่ง

(สกุลเงินพม่าจะเป็นจ๊าด ตอนที่ไปค่าเงินจะอยู่ที่ 1 บาท = 32.40 ส่วนเวลาในพม่าจะช้ากว่าประเทศไทยอยู่ 30 นาที )

5 สถานที่มหาบูชาชองพม่ามีดังนี้

1.มหาเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง

2.เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสา

3.พระธาตุอินแขวน เมืองไจก์โถ่ รัฐมอญ

4.มหาเจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม

5.พระมหามัยมุณี เมืองมัณฑะเลย์

แต่เราจะไปกันแค่ 3 ข้อแรก ตามผมมาเลยครับ


พระธาตุมุเตา หรือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ (์Shwe Mordore) เมืองหงสาวดี

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมและชาวคณะอีกประมาณ 20 กว่าชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สุงอายุและวัยกลางคน ที่มีความศรัทธาในการที่จะเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชาติของพม่ากันสักครั้ง รถโค้ชมุ่งหน้าสู่เมือง หงสาวดี หรือคนมอญเรียกว่า เมืองพะโค Bago ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่ และ อายุมากกว่า 400 ปี อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง ระยะทางประมาณ 80 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. เมืองหงสาวดีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานทั้งทางด้านพระพุทธศาสนา และ ประวัติศาสตร์ชาติพม่า จุดหมายปลายทางของเราที่จะไปสักการะเป็นที่แรก เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่าคือ

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ (์Shwe Mordore) หรือชื่อในภาษาไทยคือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน"ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดดทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์นั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งครั้งก่อนเป็นสถานที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ก่อนออกศึกของบรูพกษัตรยิ์ในสมัยโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์มอญหรือ พม่า รวมทั้งพระเจ้าบุเรงนอง และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระนางสุพรรณกัลยา ทรงประทับอยู่ในหงสาวดีก็เคยเสด็จมานมัสการพระเจดีย์องค์นี้ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาตะเบงชเวตี้ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญ ก่อนขึ้นครองราชย์ เจดีย์องค์นี้เคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง ทำให้ปลียอดของเจดีย์หักลงมา แต่ด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้จึงได้ทำการสร้างเจดีย์ ชเวมอดอร์ขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ. 2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ครั้งแรก ของเดิมสร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน และผู้คนที่มีจิตศรัทธามักนำธูปไปค้ำที่ยอดของเจดีย์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งการค้ำจุนชีวิตใหเ้จริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป


วัดไจ๊คะวาย (Kyakhat wine monastery) เมืองหงสาวดี

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออกจากพระธาตุมุเตา เพื่อมาใส่บาตรถวายเพล พระสงฆ์จำนวนเป็นพันรูปแต่พวกเรามาช้าไปหน่อย พระฉันกันแล้ว ก้เลยได้แต่ทำบุญ ในวัดจะมีรูปปั้นพระที่สำคัญๆของเขา และมีรูปปั้นนายพลอองซาน พ่อของ ซูจี ตั้งไว้อยู่ด้วย

วัดไจ้คะวาย ไม่ใช่วัดที่มีชื่อในเรื่องของเจดีย์หรือพระพุทธรูปองค์โตสูงใหญ่ แต่มีชื่อเสียงเพราะเป็นโรงเรียนที่สอนพระพุทธศาสนาเปรียญธรรมชั้นตรี, โท และเอก อันโด่งดังของพม่า จึงมีคนส่งลูกหลานมาบวชเรียนธรรมะที่นี่กันเป็นจำนวนมากนับพันรูป จึงเป็นวัดที่มีคนนิยมทำบุญใส่บาตรพระหมู่เลี้ยงอาหารพระเพลเป็นประจำ

พระ เณรในวัดทั้งหมด จะอุ้มบาตรเดินเรียงแถวเป็นขบวนมาให้ญาติโยม เจ้าหน้าที่วัด หรือพระเณร ด้วยกันตักข้าวสวยใส่บาตร ที่ทำจากไม้ไผ่สานลงรักสีดำสนิท การใส่บาตร หรือตักบาตรที่นี่แตกต่างจากการใส่บาตรหมู่ทั่วไปตรงที่พระเณรท่านไม่ได้ออกบิณฑบาตให้ชาวพุทธที่นั่งรอ ยืนรอใส่บาตร เหมือนการใส่บาตรปกติในยามเช้าตรู่ แต่เป็นการใส่บาตรในช่วงสายๆที่เราเดินทางไปใส่บาตรกันถึงที่ในวัด

การใส่บาตรพระหมู่ในวัดเช่นนี้ ทั่วทั้งพม่ามีเพียง 3 วัดใน 3 เมืองเท่านั้น คือ วัดนาดาคูหาในย่างกุ้ง วัดมหากันทะยงใน มัณฑะเลย์ และวัดไจ้คะวายในหงสาวดีแห่งนี้

ออกจากวัดก็ได้เวลาอาหารกลางวันของพวกเรา ทางทัวร์พาไปทานอาหารกันที่ภัตตาคาร Royal Taste เมนุจะเป็นพวกปลา กุ้งแม่น้ำ ส่วนอาหารพม่าเองคนไทยมักไม่ค่อยถูกปาก ทางร้านจึงมักจะทำอาหารไทยที่ทางพม่าเขาถนัดมาด้วยแต่มีน้ำพริกของพม่าอยู่จานนึง เป็นพวกปลาป่น มายีๆแล้วทอดแล้วนำมาโขลกใส่กระเทียมและพวกเครื่องเทศของพม่า เห็นมีแทบทุกร้าน รสชาติดีมาก


พระราชวังบุเรงนอง หรือ พระราชวังกัมโพชธานี ( Kamboza Thadi Palace, Kanbawzathadi Palace) เมืองหงสาวดี

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รับประทานอาการกลางวันกันเสร็จสรรพ มุ่งหน้าไปยัง พระราชวังบุเรงนองและบัลลังก์ผึ้ง Kanbawza Thardi Palace พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใชออกว่าราชการปีพ.ศ. 2142 ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกัน มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าได้ทำการขุดค้นสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยถอดแบบจากของเดิมซึ่งพระตำหนักที่ประทับ บรรทมสีทองเหลืองอร่ามที่ดูโดดเด่นชวนมองในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่า และท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าการก็ดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมพม่าสีทองเหลืองอร่ามทั้งภายนอกและภายในทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นผู้ชนะสิบทิศและเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยา และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้เหลือ เพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร


พระธาตุอินแขวน หรือ พระธาตุไจ้ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda or Golden Rock) เมืองไจ้โท

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออกจากพระราชวังบุเรงนอง เดินทางสู่ คิมปุนแค้มป์ เชิงเขาไจ้โท เพื่อเตรียมขึ้นไปพักข้างบนพระธาตุอินทร์แขวน ระหว่างทางผ่านชมทิวทัศน์ แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่สมเด็จพระนเรศวร กำลังรวบรวมคนไทยเพื่อกลับเมืองอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทัพโดยสุรกรรมมา แม่ทัพกองหน้าของพระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกติดตามกองทัพไทย กองหน้าของพม่าตามมาทันที่ริมแม่น้ำฝั่งสะโตง ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว สมเด็จพระนเรศวรได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกตามมาได้ จึงได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตงแห่งนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ปืนคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมา แม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพพม่าเห็นแล้วขวัญเสียจึงถอยทัพกลับกรุงหงสาวดีโดยพลัน พระแสงปืนที่พระองค์ใช้ยิงสุรกรรมมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะถึง คิมปุนแคมป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น รถบรรทุกหกล้อ เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราจะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้

ลักษณะรถหกล้อจะเป็นรถที่ทำที่นั่งเรียงกันเหมือนรถสองแถว แต่จะเรียงกันตามแนวขวางของตัวรถ เวลาจะขึ้นทีนึงจะมีบรรไดล้อลากแบบคล้ายๆรถเครน มาวางพาดกับตัวรถให้ก้าวขึ้น เส้นทางขึ้นพระธาตอินแขวนจะคดเคี้ยวไปตามภูเขาไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และจะมีจุดตรวจเช็ครถและจำนวนคนที่ขึ้นพระธาตุเป็นระยะๆ การจราจรจะใช้วิทยุสื่อสารกำหนดเวลาขึ้นลง ไม่ให้สวนทางกัน เหมือนเขาคิชกูฏบ้านเรา แต่ต่างกันตรงจุดตรวจเช็คแต่ละจุดจะมีชาวบ้านมาเรี่ยไรเงินทำบุญอยู่ทุกจุด ทางขึ้นลงเขามีโค้งหักศอกหลายจุดและเบื้องล่างเป็นเหว แต่เจ้าหน้าที่ก็ขับรถด้วยความชำนาญ

รถมาส่งยังจุดหมายแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่เหลือเราต้องเดินเท้าแบกเป้ไปอีกประมาณ กิโลกว่าๆ แต่ถ้าใครไม่อยากแบกจะมีบริการลูกหาบแบกสัมภาระขึ้นไปส่งยังที่พักราคา 50 บาท หรือถ้าผู้สูงอายุที่เดินไม่ไหวจะมีเสลี่ยงคานหามแบกขึ้นไปส่ง ตามรายทางขึ้นตัวพระธาตุเหมือนในงานวัดประจำปี มีของขายตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกของที่ระลึกเป็นองค์พระธาตุจำลองกับทะนาคา

พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ทีโย Kyaikhtiyo Pagoda or Golden Rock แปลว่า ก้อนหินทอง พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้โท อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ของพระเทศพม่า อยู่บนยอดเขา เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต สูง 5.5 เมตร มีลักษณะเด่นเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ ตั้งอยู่บนก้อนหินกลมๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนา พระธาตุอินทร์แขวนนี้นับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะและยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต องค์พระธาตุอินทร์แขวนแห่งนี้มีความหมายแทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ และชาวพม่ายังมีความเชื่อต่อไปอีกว่า ถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ชมความสวยงามยามค่ำคืน ตามอัธยาศัย นมัสการ เทพทันใจ พระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งเป็นนักพรตที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่ง ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน หากต้องการสักการะกลางแจ้ง เป็นเวลานานหรือตลอดคืน ควรเตรียมเครื่องกันหนาว เสื้อกันหนาว กันลม หมวก ผ้าห่ม หรือผ้าพันคอ สวมถุงเท้า เบาะรองนั่ง เพราะพื้นที่นั่งมีความเย็นมาก และอากาศในเวลากลางคืนค่อนข้างเย็น มีน้ำค้าง ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม พระเจดีย์จะเปิดตลอดทั้งคืน พระธาตุอินทร์แขวนนี้ เป็นที่มาและแรงบันดาลใจของกวีซีไรส์ ปี พ.ศ. 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรม เรื่อง เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน

หลักจากบูชาองค์พระธาตุเรียบร้อยเราก็เดินไป check in ยัง โรงแรมโยโยเลย์ Yo Yo Lay Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ตัวพระธาตุมากที่สุดจากโรงแรมเดินมาตัวพระธาตุประมาณ 5 นาที และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก แต่เรามาถึงกันก็เริ่มมืดแล้ว ตอนนี้ขออะไรใส่ท้องก่อน

อาหารของโรงแรมจะเป็นอาหารไทย แต่รสชาติไม่ค่อยจัดจ้าน และหนีไม่พ้น menu กุ้งแม่น้ำที่มีให้ทานทุกมื้อตลอดทริป

ทานอาหารเย็นเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่นยังบริเวณตัวพระธาตุมีผุ้คนมาจับจองพื้นที่นอนรอเวลาเช้า เพราะคนพม่าเชื่อว่าการได้เห็นองค์พระธาตุและสวดมนต์ในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจะได้บุญมาก แต่ช่วงกลางคืนก็ยังมีคนมาสวดมนต์ไม่ขาด และก็มีนักศึกษามารำถวายองค์พระธาตุกันตลอดทั้งคืน บริเวณรอบๆมีของกิน ของใช้ ของฝากหลากหลายประเภท แม้แต่ร้านเหล้ายังมีขาย แต่เหล้าที่ขายจะเป็นเหล้าดองยาคงไม่ห้ามเพราะอากาศบนนั้นค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้ามาหน้าหนาวคงจะหนาวมาก ผมเดินมายังร้านขายชาของพม่า คนพม่าชอบกินชามากกว่ากาแฟเลยสั่งมากินสักหน่อย อาศัยชี้เอาเหมือนโตีะข้างๆ ดูขนาดปาท่องโก๋เอาละกันว่ายาวแค่ไหน ส่วนในจานจะเป็นโรตี โต๊ะนั่งกินอาหารที่พม่าจะเป็นโต๊ะตัวเล็กๆ มีเก้าอี้นั่งเหมือนเก้าอี้นั่งซักผ้า

ย่างกุ้ง - หงสา - สิเรียม - อินแขวน สักการะ 3 ใน 5 สถานที่มหาบูชาของพม่า ตอนที่ 2

ย่างกุ้ง - หงสา - สิเรียม - อินแขวน สักการะ 3 ใน 5 สถานที่มหาบูชาของพม่า ตอนที่ 3 (จบ)


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง ได้ที่ Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด
































สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.33 น.

ความคิดเห็น