ตีพิมพ์ครั้งแรก - หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561
ในชื่อบทความ "ล่องคลองยี่สิบสองโล กับดวงอาทิตย์ในความทรงจำ"
ได้รับอนุญาตในการนำลงเว็บไซต์นี้แล้ว
โดย text ทั้งหมดในบันทึกนี้เป็นต้นฉบับก่อนการ Edit โดยบรรณาธิการ
ผู้เขียน - วนิดา แก่นจันทร์
(บทความนี้เขียนขึ้นในปีพ.ศ. 2561)
ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 - mailoreview.com

หากทุกวันของชีวิต คือฉากในภาพยนตร์ คุณคิดว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร? สำหรับฉันคงเป็นภาพยนตร์ที่วุ่นวายอีรุงตุงนังน่าดู จนอดคิดไม่ได้ว่า นี่คนหรืออะไร วุ่นวายดีแท้ ในเมื่อมีชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป... แต่ก่อนออกไปใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเต็มกำลัง ก็ต้องหาแหล่งพลังงานสำหรับเติมแรงฮึดให้เต็มถังชีวิตกันหน่อย ครั้งนี้ฉันจึงรีบเคลียร์คิวทันที เพื่อรีบสมัครทริปล่องเรือที่มีชื่อสุดเก๋ไก๋ว่า...ล่องคลองยี่สิบสองโล จากลาดกระบังโผล่บางเสาธง โคตรคูล

บ่าย/ภายนอก/ชุมชนหัวตะเข้

เมื่อถึงวันจัดทริปล่องเรือ ฉันออกจากบ้านด้วยความเร็ว แต่ไม่น่าเชื่อกว่าจะเดินทางไปถึงก็ถูกรุมโทรมด้วยการจราจรแออัด ขึ้นรถคันนี้ แล้วไปต่อรถคันโน้นกันหลายต่อเสียเหลือเกิน ฉันพาร่างสะบักสะบอมรีบเร่งไปยังจุดหมาย ร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ริมสุดของตลาดเก่าหัวตะเข้-ตลาดเก่าเรือนแถวไม้สองชั้นที่คุ้นตา เนื่องด้วยตลาดเก่าลักษณะนี้มักพบเห็นได้ทั่วถิ่นฐานย่านเมืองที่ตั้งอยูริมน้ำ ชุมชนริมน้ำมักเป็นเช่นนี้ ฉันเดินไปตามทางของตลาดเพื่อตรงไปยังร้านกาแฟจุดนัดพบ... เดินช้า ๆ เพราะกาลเวลาไหลไปอย่างช้า ๆ เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ

เมื่อมาถึงก็พบว่าสมาชิกล่องเรือครบกันหมดแล้ว ส่วนเรือที่พวกเราจะโดยสารกันไปตลอดนั้นเป็นเรืออีแปะของคนในชุมชน เรืออีแปะลำนี้เปิดโล่ง กว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร บรรทุกสมาชิกพร้อมด้วยวิทยากรและผู้ขับเรือรวมได้ 10 คนพอดิบพอดี เมื่อได้เวลาพวกเราก็ลงเรือพร้อมออกเดินทาง...

เรืออีแปะของลุงจิน
สมาชิกร่วมทริปล่องคลอง

5 คลอง 22 กิโล

ในยุคก่อนมีถนนเป็นล่ำเป็นสัน พวกเราจะสัญจรทางน้ำ ชุมชนแห่งนี้ก็เช่นกัน ด้วยเป็นชุมชนใหญ่โอบล้อมด้วยเส้นคลองเชื่อมต่อกันหลายสาย ซึ่งวันนี้ เบีย - อนันต์ธนา มงคลศิริ ผู้จัดทริปล่องเรือสุดคลูในครั้งนี้ เขาเองเป็นคนลาดกระบังแต่กำเนิด แม้จะไม่ได้มีบ้านอยู่ริมน้ำ แต่ก็ใกล้ชิดและมีความทรงจำกับทั้งตลาดเก่าหัวตะเข้ และสายน้ำในคลองเหล่านี้เพราะเรียนในโรงเรียนใกล้ตลาดหัวตะเข้ ตั้งแต่ประถม-มัธยม เพราะความผูกพันกับชุมชนจึงเริ่มทำเพจ ณ ลาดกระบัง ในปี 2011 เพื่อเก็บความสวยงามของธรรมชาติลาดกระบังส่งต่อในวงกว้าง ต่อมาเขียนโครงการขอทุนจาก สสส. เพื่อทำกิจกรรมอาสาสมัคร ทดลองใช้ ตลาดเก่าเป็นพื้นที่เรียนรู้ ด้วยเป็นคนทำงานด้านสื่อเขาจึงพาเพื่อนพ้องในวงการสื่อ มาทำเนื้อหา ในหัวตะเข้ รวมทั้งรายการสารคดีก(ล)างเมือง ที่เบียทำก็ได้มาถ่ายทำเกี่ยวกับหัวตะเข้ด้วยเช่นกัน

เบีย - อนันต์ธนา กำลังส่งต่อความผูกพันให้แก่เหล่าสมาชิก
"ที่จัดล่องเรือ เพราะเราอยากต่อยอดความชื่นชอบส่วนตัวในเรื่องธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมไปสู่อาชีพใกล้บ้านโดยใช้เรือเป็นสื่อ พาผู้คนสำรวจความสุขและย้อนทบทวนการใช้ชีวิตร่วมกันของคนยุคเกษตรกรรมกับ
คนสมัยใหม่ ผ่านภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนรอบนอก ภูมิทัศน์ธรรมชาติที่หาแทบไม่ได้ในเมืองใหญ่ครับ 
ซึ่งผมก็ดีลกับ ลุงจิน เจ้าของเรือที่คุ้นเคยกัน เอาเรือที่ใช้งานในอาชีพตัวเอง มาต่อยอดเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเราก็ประเดิมกับเรืออีแปะก่อน ในอนาคตก็จะเพิ่มทีมมาทีละลำให้หลากหลาย...” 

เบียกล่าวถึงแนวความคิดที่เขาลงมือทำอยู่ในวันนี้ วันที่จะพาพวกเราทั้งหมดล่องไปตามคลองประเวศบุรีรมย์ คลองจรเข้น้อย คลองศีรษะจรเข้ คลองปากน้ำ คลองหนองงูเห่า ยาว 22 กิโลอย่างสุดคูล

จริง ๆ แล้วฉันก็เป็นคนต่างจังหวัด ได้กระโดดน้ำตูมตามในวัยเด็ก ได้ไปเดินตลาดริมน้ำ ได้เดินริมตลิ่งเวลาน้ำแห้ง ระหว่างนั่งเรือภาพบรรยากาศเหล่านั้นก็กลับเข้ามาให้นึกถึงอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาฉันยังวิ่งสู้ฟัดฝ่าดงจราจรมาอย่างหนักหน่วง เสียงรถดังเซ็งแซ่กลบเสียงต่าง ๆ จนมิด ตัดภาพมาอีกที...ตอนนี้ฉันจะนั่งอยู่บนเรืออีแปะลำใหญ่ สายน้ำไหลเอื่อย ลมพัดปะทะหน้าเย็นสดชื่น ไม่น่าเชื่อว่า...ชีวิตเมื่อออกมาจากสิ่งที่คุ้นชิน ภาพที่คุ้นตา มาสู่กิจกรรมใหม่ ๆ จะทำให้เราปลดเปลื้องอะไรบางอย่างออกไปได้...

บรรยากาศ 2 ฝั่งคลอง

มิตรภาพเกิดใหม่ กับดวงอาทิตย์ในความทรงจำ

สิ่งที่ฉันชอบเวลาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว คือการที่ตัวเองกล้าที่จะพูดคุยกับคนอื่น ๆ ความแปลกหน้าไม่ทำให้เราแปลกแยก การมาล่องเรือในครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่ยังไม่ลงเรือ ระหว่างทางเรานั่งคุยถึงวิถีชีวิตริมสองฝั่งคลอง คุยถึงสถานที่เกิดใหม่ที่เราเพิ่งแล่นเรือผ่านอย่างออกรสออกชาติ จนกระทั่งเรือแวะพัก ณ บ้านหลังหนึ่ง พวกเราได้รื่นรมย์ไปกับธรรมชาติรอบ ๆ บ้าน

ความร่มรื่นของบ้านในแถบชานเมือง และมะม่วงจากต้น ที่อร่อยมากๆๆๆๆๆๆ

หลังจากล่องเรือในระยะทางกว่า 22 กิโล ผ่านเส้นทางคลองเล็กคลองใหญ่ต่าง ๆ เบีย วิทยากรและผู้จัดทริป ก็บอกเราถึงไฮไลท์เมื่อเรือของเรามาถึงจุดบรรจบของคลองปากน้ำ... ด้านหน้าของเราคือ คลองหนองงูเห่าสุดกว้างขวาง ถัดไปคือบริเวณสนามบินเห็นอยู่ลิบ ๆ เบียเล่าว่าเวลานี้เมื่อถึงหน้าน้ำจะเป็นจุดรวมตัวของชาวบ้านทั่วย่านนี้และใกล้เคียง ที่มารอดูการแข่งเรือเร็วจนสายน้ำแหวก

ฉันนึกถึงคำกล่าวของเบีย เหตุที่เลือกเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวเข้าหลายคลอง เพราะความหลากหลายของภูมิทัศน์ และมีความทรงจำของเบียกับของเพื่อนๆ พี่ป้าน้าอา ในละแวกนี้ เขาจึงอยากส่งต่อให้คนนอกชุมชนได้เห็นบ้าง... ฉันคิดว่า วันนี้ฉันเห็นแล้ว
ดวงอาทิตย์ทอแสงใกล้จะลับขอบฟ้า สะท้อนกับผิวน้ำกระเพื่อมไหว เป็นภาพที่ฉันจะจำไม่มีวันลืม ว่าในวันหนึ่งได้มาล่องเรือที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เรือลำนี้พาฉันลัดเลาะคดเคี้ยวไปตามลำนาวา พาไปให้เห็นถึงวิถีคนคลอง ที่ไม่น่าโลกจะหมุนไปเร็วเพียงใด พวกเขาก็ยังไหลเอื่อยไปช้า ๆ อย่างมีความสุข
[2563] เร็วๆ เบียกำลังวางแผนจัดทริปล่องคลองฯ ขึ้นอีกครั้ง เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์ ให้ได้เติมพลังงานชีวิตกันค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจ ทิ้งข้อความไว้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ

วนิดา แก่นจันทร์

Nida Mailo

 วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 18.08 น.

ความคิดเห็น