นครวัด เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ใกล้กับประเทศไทยเปนอย่างมาก ฉะนั้นคนชอบเที่ยวแบบผมจึงไม่พลาดที่จะไปเยือนที่นั่นสักครั้งในชีวิต อยากเห็นถึงความยิ่งใหญ่เมื่อ 1,000 ปีก่อนของศาสนสถานแห่งนี้ ว่าจะเป็นอย่างไร

หลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินเสียมเรียบแล้ว การเดินทางที่ผมนั่งเข้าไปในเมือง เลือกใช้พี่สามล้อแบบนี้นะครับ ซึ่งสามารถติดต่อซื้อตั๋วที่สนามบินได้เลย อ่อๆอีกอย่าง ที่นี่รับเงิน USD และเงินไทยนะครับ  จากสนามบินเข้าไปในเมืองใช้เวลาไม่นานครับ วิวข้างทางก็จะเป็นบ้านเรือนชาวบ้านส่วนใหญ่ บรรยากาศเหมือนย้อนยุคนิดๆในต่างจังหวัดบ้านเรา

หลังจากถึงที่พักแล้ว ทั้งสองคืนผมเลือกพัก ที่หลับ LUB D Hostel ที่นี่ดีมากเลยครับ สะดวก สบาย อีกทั้งมีแบคแพคเกอร์แบบเราเต็มไปหมด ไม่เหงาเลย ก่อนจากกันพี่คนขับสามล้อก็พยายามที่จะขายทัวร์นครวัดให้ผมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพี่แกงัดกลยุทธ์ดราม่าเข้าใส่ผมไม่หยุด 55555 เลยต่อพี่แกจาก 20 เหลือ 17 ดอล ไม่งั้นวันนี้ผมไม่ได้ลงรถแน่นอน ก็นัดกันเจอกันพรุ่งนี้เช้าที่โรงแรม จึงได้แยกย้าย เหนื่อยสุดตั้งแต่มาคือการต่อราคานี่แหละครับ 

ผมได้นอนเตียงบน

    หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ทำการสำรวจรอบที่พักกันครับ สภาพโดยรวมก็ยังมีความเป็นวิถีชาวบ้านให้ได้เห็นอยู่ แต่บางโซนก็เป็นร้านขายของชำร่วย อาหารสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ก็จะคล้ายๆกับไทยเรา

    เนื่องจากแพลนในหัวมีจุดหมายแค่นครวัดอย่างเดียวจริงๆ เลยไม่รู้จะทำไรต่อดี นั่งหา Google สักพัก ก็เจอ Angkor National Museum ที่นี่บอกเลยถ้าจะเที่ยวนครวัดไม่ควรพลาดเพราะรูปสลักจากปราสาทต่างๆที่สมบูรณ์ จะถูกเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และมีช่วงที่บอกเรื่องราวเล่าความเป็นมาของนครวัด ถือว่าได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะได้เจอของจริงกัน ค่าเข้าชมอยู่ที่ 12 USD นะครับตอนที่ไป ซึ่งถ้าต้องการเพิ่ม Audio Guide ก็เพิ่มเงินอีก 5 USD ประมาณนั้นครับ ซึ่งแน่นอนผมเลือกเดินชมเองเป็นไกด์เอง 5555

เช้าวันรุ่งขึ้น รีบตื่นมาอาบน้ำ และหาอะไรทานเพราะนัดพี่สามล้อไว้ตอน 8 โมง เช้านี้อากาศอึมครึมมีฝนโปรยปรายเป็นระยะๆ ถึงเวลาแล้วพี่เค้าก็ยังไม่มาสักที สัญญานคนถูกเทเริ่มมาตะงิดๆ รออยู่สักพักก็ยังไม่มา สรุปคือโดนเทตั้งแต่เริ่มทริปแบบไม่ได้ตั้งตัวเลยครับ จึงตัดสินใจหาเป้าหมายถัดไปขี้เกียจต่อราคาสามล้อแล้ว ก็เลยว่าเอาน่า เมื่อคืนนอนเยอะแล้วจึงตัดสินใจไปเช่าจักรยานมา สำหรับใช้เดินทางในครั้งนี้แทน


    หลังจากได้จบักรยานมาแล้ว ก็เปิด Google Map แล้วลุยกันเลย แต่ว่าบาปบุญที่ทำมา 555555 ส่งผลเร็วกว่าที่คิด ปั่นจนจะถึงนครวัดแล้ว ก็จะมีด่านอยู่ก่อนถึงทางเข้า ด้วยความเข้าใจไปเองว่าปกติที่เที่ยวต่างๆจะมีที่ขายตั๋วอยู่บริเวณนั้น แต่! เหมือนฟ้าลงโทษเค้าบอกที่ขายตั๋วมีที่เดียวต้องย้อนกลับไปทางที่ปั่นมา เกือบ 10 กิโลเมตร ได้แต่พึมพัมในใจวันอะไรของตรูว่ะเนี่ย 5555

 หลังจากได้ตั๋วเสร็จก็เริ่มกันใหม่อีกครั้ง ประกอบกับใช้ Google Map ในการนำทางอยากไปถึงเร็วๆ จึงเลือกไปอีกเส้นทางนึงซึ่งถ้าใครที่ใช้บ่อยอยู่แล้วจะทราบดีว่าเส้นทางที่แนะนำ มักจะเป็นเส้นทางที่ไม่น่าไปถึงได้ ปั่นไปสักระยะนึง จากฝนที่โปรยปราย ก็กลายเป็นพายุเข้าในฉับพลัน ได้แต่บอกกับตัวเอง ตรูทำอะไรตรงนี้วะเนี่ย T-T

ขอแอบหลบฝนสักครู่ หน้าบ้านใครไม่รู้ฮะ พร้อมกับสายตามชาวบ้านที่มอง ไอ้นี่มาทำไรตรงนี้ T0T

   หลังจากผ่านอุปสรรคต่างๆ ฟ้าที่มืดครึ้มจากพายุ กลับกลายเป็นแดดเปรี้ยงชนิดแทบไหม้เลยที่เดียว ในที่สุดเราก็มาถึงจุดมุ่งหมายของเรา "นครวัด " นั่นเอง สัมผัสแรกที่รู้สึกคือความยิ่งใหญ่ที่เกินกว่าจินตนาการของเราคิดไว้ มีคูน้ำ สระน้ำใหญ่ และการวางผังเมืองเป็นอย่างดี นครวัดที่เห็นจะเป็นปรางค์ปราสาท ซึ่งเราสามารถเห็นศิลปะแบบนี้ได้เช่นกันในประเทศไทย เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสราสาทเขาพระวิหาร เป็นต้น มันจึงรู้สึกคุ้ยเคยกับรูปแบบนี้เมื่อแรกเห็น แต่ที่น่าทึ่งคือความยิ่งใหญ่และอลังการงานสร้างตัวปราสาทที่มีความใหญ่มาก แต่น่าเสียดายตรงรายละเอียดในส่วนของรูปปั้นบางส่วน รูปแกะสลัก หรือทับหลังส่วนสำคัญ ถูกเก็บในพิพิธภัณฑ์สถานส่วนใหญ่ ก็น่าจะเพื่อความปลอดภัย และการอนุรักษ์โบราณวัตถุเหล่านั้นเอาไว้ให้ดีที่สุด จนทำให้อดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่าถ้าได้เห็นตอนที่ปราสาทยังคงรุ่งเรื่องอยู่ คงเป็นสถานที่ที่มหัศจรรย์สวยงามมากจริงๆ

    ออกจากนครวัดนะครับ เราปั่นไปต่อที่นครธมใช้เวลาไม่นานก็ถึง จุดแรกที่ต้อนรับเราเลยนะครับ ซุ้มประตูที่มียิ้มแบบบายน ต้อนรับเราอยู่ความรู้สึกเหมือนเรากำลังจะได้ผ่านประตูมิติกลับไปในอดีตกันเลยทีเดียว สองข้างทางก็จะมีต้นไม้ใหญ่ ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจ

  นครธมถือเป็นเมืองหลวงแห่งนึงของอาณาจักรขะแมร์นะครับ ที่โดนเด่นคือบนยอดปราสาทจะมีรอยยิ้มที่เรียกว่า ยิ้มแบบบายนอยู่ทุกทิศให้เราได้เห็นกัน

   อีกสถานที่นึกที่ประทับใจมากนะครับตั้งอยู่ในเขตเมืองนครธมก็คือ ปราสาทเกาะแกร์ ที่นี่ผมไม่ได้ศึกษามาก่อนว่ามีสถานที่ตรงนี้ด้วย ด้วยความที่ปราสาทมีรูปทรงคล้ายปิรามิด และด้านบนมีสถานที่เหมือนใช้สำหรับบูชาเทพเจ้าด้วย และตอนที่ไปถึงมีนักท่องเที่ยวตรงนี้ไม่ค่อยเยอะ ยิ่งรู้สึกถึงความขลังของสถานที่นี้เป็นอย่างมาก

       ปิดท้ายของค่ำคืนนี้ด้วยการเดินเล่น และจิบเบียร์ใน PUB STREET อารมณ์คล้ายๆถนนข้าวสารบ้านเรา แหล่งรวมนักเที่ยวชาวต่างชาติ

ขาดไม่ได้คือลองชิมเบียร์ของที่นี่ดู

วันสุดท้ายผมเลือกใช้บริการพี่สามล้อ ไปส่งที่สนามบิน พี่คนนี้ดีมากพูดภาษาอังกฤษคล่องมาก แนะนำที่เที่ยวต่างๆ ตอนที่ผมมาทถึงวันแรก พี่เค้าชื่อ Polin เผื่อใครไปเที่ยวแนะนำเลยครับ นิสัยดี  

สุดท้ายแล้วแม้การเดินทางมันจะไม่ได้เป็นไปตามแผนทุกอย่างที่วางไว้ แต่พอย้อนกลับไปมันเป็นความสุขเล็กๆที่ทำให้เรายิ้มได้จากการเดินทางเสมอ :D

TERA

 วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.36 น.

ความคิดเห็น