จังหวัดสมุทรสงครามหรือแม่กลอง เมืองแห่งสายน้ำ 3 เวลา นั่นคือ น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ทำให้ชาวแม่กลองกับสายน้ำมีความผูกพันกันแบบแยกไม่ออก ที่เที่ยวของแม่กลองก็เกี่ยวข้องอยู่กับสายน้ำ เช่น ดอนหอยหลอด หรือที่เที่ยวยอดนิยมอย่างอัมพวา 

          ที่อัมพวานี้เองที่มีที่พักชื่อแปลกที่ผสานความเป็นชาวบ้านกับศิลปะและความทันสมัยได้อย่างลงตัว The Buffalo Amphawa 

          The Buffalo Amphawa อยู่ริมถนนสายบางแพ-สมุทรสงคราม เส้นที่จะไปอัมพวานั่นแหละแต่จะอยู่ฝั่งขาเข้าเมืองแม่กลอง ตัวโรงแรมจะตั้งอยู่ด้านในสุดของโรงเลื่อยจักรประสาน ถ้าไม่สังเกตอาจจะขับเลยเอาง่ายๆ

          ขับเข้ามาถ้าเจอนางงามควายมาต้อนรับแบบนี้ก็มาถูกที่แล้วล่ะครับ The Buffalo Amphawa นอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ยังเป็นคาเฟ่และร้านอาหารด้วย ทำให้มีคนแวะมาไม่ขาด แต่ไม่ต้องห่วงครับ ที่จอดรถมีรองรับไว้เยอะทีเดียว จอดรถเสร็จจะมีรถรับเข้าไปด้านในอีกที

          แม่กลองมีชื่อเสียงเรื่องตลาดร่มหุบที่ชีวิตค้าขายใกล้ชิดกับทางรถไฟแบบแนบสนิท เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของแม่กลอง ที่นี่เองก็มีสถานีรถไฟเหมือนกัน ชื่อสถานีว่า "สถานี Buffalo" ตรงข้ามกันมี Buffalo Think Studio ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรเพราะไม่ได้เปิดให้เข้า แต่เหมือนเป็นที่ประชุมเล็กๆได้เลย

          พื้นที่ของ The Buffalo Amphawa แบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆคือ คาเฟ่ ร้านอาหารRusty Rose ส่วนที่พัก และบ้านของกะทิ กะลา  ทั้งหมดสามารถเดินถึงกันได้โดยป้านด้านหน้าจะบอกจำนวนก้าว(ของควาย) ไว้แล้ว เดินตามควายไปได้เลย

          เข้ามาด้านในสุดก่อนเลย มาเช็คอินเอาของเก็บก่อนแล้วค่อยออกไปเดินข้างนอก ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่มาไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นโรงแรมแบบเต็มรูปแบบขนาดนี้  ส่วนต้อนรับอลังการด้วยศิลปะงานไม้ ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่มของครอบครัวเจ้าของที่นี่ ตกแต่งกำแพงเป็นลายคลื่นเพื่อสื่อถึงความผูกพันธ์กับสายน้ำของคนแม่กลอง มีน้องควายไม้ไผ่ต้อนรับอยู่ด้านหน้าด้วย

          หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็แบกกระเป๋าเข้ามาด้านในได้เลย ระหว่างทางเดินจะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและที่นั่งอยู่หลายจุด อาคารห้องพักแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คั่นกลางด้วยพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำ เป็นอาคาร 2 ชั้นสมัยใหม่ การตกแต่งด้วยไม้ยังตามมาถึงด้านใน รวมถึงน้องควายด้วย

          ห้องพักของผมคืนนี้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เป็นห้องสไตล์ลอฟท์ ที่แสดงความดิบของวัสดุเช่นปูนเปลือยและไม้ ที่เด่นคือเพดานสูงของห้องที่สูงถึง 3 เมตร และประตูห้องที่สูงเกินปกติเป็นประตูไม้สักที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของที่นี่ ตกแต่งด้วยว่าวปักเป้าและจุฬากับโคมไฟเพดานที่เป็นวัสดุสานที่สื่อถึงความพื้นบ้านได้ดี

          ห้องน้ำขนาดพอดีต่อการใช้งาน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำครบถ้วน เปิดประตูไปด้านหลังห้อง มีที่ให้นั่งพักผ่อนได้ กับมีโอ่งไว้ล้างขาหรือใครจะนุ่งกระโจมอกผ้าขาวม้าอาบน้ำตรงนี้ก็น่าจะได้

          อีกจุดที่ชอบสำหรับ The Buffalo Amphawa คือความขี้เล่นและซ่อนอะไรน่ารักๆเอาไว้ เช่น คัทเอาท์หลังห้องที่ดูเหมือนของจริงแต่เป็นภาพวาด หรือตุ๊กตาควายที่วางไว้บนเตียง รวมไปถึงคู่มือของโรงแรมที่เป็นการวาดภาพขึ้นมา สวยทีเดียว ช่วงที่ไปพักยังอยู่ช่วงโควิด-19 ระบาด ถ้าจองตรงกับที่โรงแรม มีหน้ากากอนามัยแถมให้ด้วย

         อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องครบถ้วนตามมาตรฐานโรงแรมสมัยใหม่ บางอย่างออกจะดีกว่าหลายๆโรงแรมด้วยซ้ำเช่น ระบบ Wireless charging สำหรับมือถือ หรือตาแมวแบบจอภาพแทนที่จะเป็นกระจกนูนๆ  Wifi ในห้องความเร็วกลางๆ ไม่ถึงกับลื่นหัวแตกแต่ก็ใช้งานอัพรูปลง social ได้สบายๆ

          เก็บของเรียบร้อยก็ออกไปหาขนมทานดีกว่าครับ มุมด้านหนึ่งของ The Buffalo Amphawa เป็นคาเฟ่ ซึ่งค่อนข้างเป็นที่นิยมทีเดียว คนเข้าไม่ขาดเลย อาคารเป็นแบบเปิดโล่งแต่ลมโกรกนั่งสบาย ใช้ไม้ไผ่เป็นหลักทั้งโครงสร้างและการตกแต่ง ซึ่งไผ่เป็นตัวแทนของน้ำจืด บนเพดานเป็นงานศิลปะจากกระดาษว่าว ที่ดูเหมือนก้อนเมฆ สวยงามดี นอกจากที่นั่งภายในอาคารแล้วยังมีที่นั่งติดริมคลองแม่กลองซึ่งเป็นคลองย่อยจากแม่น้ำแม่กลอง รับลมเย็นๆได้อีกต่างหาก(แต่กลางวันร้อนน่าดู)

          ถ้าจองตรงกับโรงแรมจะมี Gift Voucher มูลค่า 150 บาทให้ด้วย ด้านในตัวคาเฟ่ก็ยังมีงานศิลปะอยู่ตามส่วนต่างๆเช่น เพดานที่ทำจากกระดาษว่าว ส่วนลายไทยอ้างอิงมาจากภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดอัมพวันเจติยาราม ที่นี่งานศิลปะล้นจริงๆ

          ขนมรสชาติไม่ถึงกับแปลกใหม่แต่ก็รสชาติใช้ได้ทีเดียว เค้กมะพร้าวหอมมะพร้าวดี เครื่องดื่มให้ความสดชื่นในวันร้อนๆได้ดีมากๆ แก้วล่างสุดเป็น signature drink ของที่นี่ชื่อว่า "ควาย" หรือ "The Buffalo" เป็นเครื่องดื่มที่ผสมกันระหว่าง กาแฟหรือโกโก้ นม และชาไทย  สื่อถึงเมือง 3 น้ำได้ดีมาก

          มาแล้วไม่แวะทักทายเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดที่นี่เลย เริ่มด้วย "กะทิ" เป็นควายแคระเผือก ซึ่งหาได้ยากมาก อีกตัวชื่อ "กะลา" ควายแคระสีดำ พอได้สิ่งแวดล้อมดีๆ ก็มีผลผลิตออกมาอีก 2 ตัว ตัวหนึ่งชื่อ "กะปิ" อีกตัวไม่รู้ชื่อ 

          มื้อเย็นฝากท้องไว้ที่นี่เลย ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว จากส่วนที่พักเดินไปร้านอาหาร Rusty Rose ได้ง่ายๆแค่ไม่กี่ก้าว ด้านนอกอาคารเหมือนทรงดอกกุหลาบวัสดุเป็นโลหะที่ทำให้เป็นสนิมแล้วเคลือบไว้เป็นที่มาของชื่อ กุหลาบสนิม ภายนอกถึงจะดูเรียบๆแต่ด้านในอลังการมาก

          เข้ามาด้านในตะลึงไป 3 วินาที อลังการมากๆ การตกแต่งเน้นเรื่องราวของการประมงและทะเล ตกแต่งฝาผนังด้วยไม้ไผ่เป็นลายคลื่นเหมือนกับตรง lobby โรงแรม ชั้นล่างมีผลงานศิลปะหน้าตาเหมือนไซดักปลา ส่วนชั้น 2 เพดานทำจากกระดาษว่าวเหมือนกับที่ cafe สวยงามมากๆ จัดงานแต่งได้เลย

          อาหารมาแล้ว สั่งไปหลายอย่างแต่ทีเด็ดมีอยู่ 2 จานคือ "ข้าวหมา" และ "ข้าวแมว" เอาจานแรกก่อน "ข้าวหมา" เป็นข้าวกับกระดูกหมูผัดซอส รสชาติเค็มๆหวานๆกินกับข้าวนี่เหมาะกันเลย ส่วน "ข้าวแมว" อันนี้ผมว่าเด็ด เป็นข้าวปลาทูที่ให้น้ำจิ้มอารมณ์น้ำปลามะนาวมาด้วย จะให้สมกับเป็นข้าวแมวต้องแกะปลาแล้วคลุกรวมกัน

          จานที่เหลือมี ยำแซลมอนและปีกไก่ทอดกระเทียม ยำแซลมอนได้ความเปรี้ยวและเผ็ดแต่ไม่เผ็ดมากนัก คนไม่ทานเผ็ดก็ยังทานได้ ส่วนปีกไก่ออกจะแห้งไปนิดเดียว 

          ของหวานเป็นไอศครีมข้าวแช่ ไอศครีมกะทิผสมน้ำอบข้าวแช่ มาพร้อมกับเครื่องเคียงคือ ลูกกะปิทอด ปลาหวานและไซโป๊วผัดหวาน แปลกดี

          ที่พักตอนกลางคืนก็สวยใช่ย่อย ตรงกลางระหว่างอาคารเป็นสระว่ายน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่ เล่นน้ำได้หลายคนสบายๆไม่ต้องเบียดกัน

          อาหารเช้าบริการที่ บัฟฟาโล โภชนา ตกแต่งได้กลมกลืนกับส่วนอื่นๆของที่นี่ ศิลปะที่สื่อถึงน้ำยังตามมาในนี้เช่น การตกแต่งด้วยไม้ไผ่ แห อวน ที่สื่อถึงการประมง ด้านในมีภาพ "กะทิ" กับ "กะลา" ยืนเป็นมาสค็อทต้อนรับแขกอยู่ แอบจินตนาการไปเองด้วยว่าพนักพิงของเก้าอี้เหมือนเขาควาย...

          การบริการอาหารเช้าในช่วงโควิด-19 แบบนี้หลายโรงแรมเปลี่ยนมาใช้แบบเสริฟเป็นเซ็ท ซึ่งผมว่าก็ดีเหมือนกัน ส่วนสลัดและผลไม้แยกใส่จานไว้ให้เรียบร้อย

          อาหารเช้าวันนี้ชุดแรกเป็นอาหารเช้าแบบเอเชียน ซึ่งจะเยอะไปใหน ประกอบไปด้วยข้าว ปลาทู ไก่ต้ม กุนเชียง หมูกรอบ หมูแดง มาพร้อมน้ำจิ้ม ซึ่งถือว่าหนักมากสำหรับมื้อเช้า อิ่มยันเย็นแน่นอน

          ส่วนอีกชุดเป็นแบบอเมริกันซึ่งน่าตะลึงไม่แพ้กัน มาพร้อมทั้งไข่ แฮม ไส้กรอกและผักต่างๆ อาจจะเบากว่าชุดแรกหน่อยแต่ก็หนักอยู่ดี ส่วนข้าวเหนียวหมูย่าง ไปหยิบได้ที่เคาท์เตอร์

          The Buffalo Amphawa ถือว่าเพียบพร้อมเป็นที่พักประเภทเข้าแล้วไม่ต้องออกไปข้างนอกเลย มีงานศิลปะให้ชม มีสระว่ายน้ำให้ผ่อนคลาย มีคาเฟ่สวยๆตบท้ายด้วยร้านอาหารสุดอลังที่บริการอาหารแบบมีเอกลักษณ์ ถึงราคาห้องจะไม่ถูกเลยเมื่อเทียบกับที่พักโดยทั่วไปแถวอัมพวา แต่เมื่อดูจากรายละเอียดต่างๆที่เจ้าของที่นี่ใส่ไป นับว่าคุ้มมากๆครับ

Pratuneung

 วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.22 น.

ความคิดเห็น