สถานการณ์แบบนี้ มันทำให้ใจห่อเหี่ยวลงทุกวันๆ

เชื่อว่าหลายคน ยิ่งเสพข่าวมากๆ ยิ่งรู้สึกหดหู่ ท้อแท้แบบเรา

เราเองแม้จะยังมีงานทำ แถมได้ WFH มาสักพัก แต่ก็ทำให้ แพชชั่นในชีวิตลดลง

เอาละ! บ่นมา 3 บรรทัด หลังจากหายไปเนิ่นนาน เพราะออกไปไหนไม่ได้

วันนี้ กานต์ขอเป็นหน่วยเล็กๆ จาก กานต์•เดิน•ทางที่จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวทิพย์ ชาร์ตพลังให้ชีวิตกัน

อย่างที่บอกนะคะ ว่าช่วงนี้หมดแพชชั่นมากกก บ้านกับที่ทำงานกลายเป็นที่เดียวกัน

เมื่อก่อนพอเครียดก็หาเวลาไปเที่ยววันหยุด แต่เพราะโควิด ทำให้ไปไหนไม่ได้ไกล

เราเลยเลือกที่เที่ยวใกล้ๆ ที่เดินทางได้สะดวกๆ จนได้ Bangkok Tree House ที่บางกระเจ้า

การเดินทางนี้เกิดขึ้นเมื่อ 19-20 มิถุนายน 64 ก่อนที่จะมีการประกาศมาตรการและคำสั่งที่เข้มข้น (มั้ง) ออกมาเราจองตรงกับที่พัก ได้มาในราคา 2,400 บาท เป็นห้อง Type : Tree Top Nest รวมอาหารเช้า

จองวัน พฤหัสบดี วันเสาร์ก็ไปเลย แบบปุ๊ปปั๊ปด้วยความอัดอั้น อยากวิ่งเข้าหาธรรมชาติ

เช้าวันเสาร์ เราเลือกเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ เพราะอยากเปลี่ยนวิธีเดินทางแบบรักษ์โลกดูบ้าง

เราเลยเลือกนั่ง BTS เพื่อไปลงสถานีบางนา แต่ถ้าใครมีรถยนต์ก็สามารถขับไปจอดที่วัดบางน้ำผึ้งนอกได้

จริงๆการนั่ง BTS มันก็สะดวก แถมช่วงนี้ผู้โดยสารน้อย แต่สำหรับเราที่บ้านอยู่แถววงศ์สว่าง 

กว่าจะไปถึงบางนา ใช้ทั้ง MRT และ BTS เราว่า คดส.รถไฟฟ้าบ้านเรายังสูงอยู่มาก เทียบกับขับรถมาเอง

แต่ความตั้งใจการลดคาร์บอน เลยข้ามเรื่อง คชจ.ไป พอลงจากสถานีบางจาก ให้เดินตามทางออก2

แล้วเดินบน Sky walk ยาววๆๆๆ มาจนสุดทาง แล้วลงมาทางด้านซ้ายมือ(ฝั่งสรรพาวุธ) เพื่อไปต่อสองแถว

เราเดินตามถนนมาเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ซัดต้มเลือดหมูเติมพลังไปคนละถ้วย

ก่อนจะเดินมาหน้า 7-11 เพื่อรอรถสองแถว แต่เหมือนเพราะช่วงโควิดสองแถวเลยไม่วิ่งตอนกลางวัน

เราเลยมาจบที่การนั่งมอไซค์วิน เพื่อไปยังท่าเรือบางนา เพียงคนละ 15 บาท

เรือข้ามฟากที่เรานั่งวิ่งตลอดน่าจะถึงประมาณหกโมงเย็น จำราคาแน่นอนไม่ได้ แต่ไม่เกินคนละ 5 บาทค่ะ

ถ้ามอไซค์ก็คันละ 10 บาท นั่งข้ามฟากแค่แปปเดียวก็เหมือนมา ตจว.ไกลๆเลย เพราะธรรมชาติดีมาก

พอมาถึงฝั่งบางกระเจ้า เราจะเจอกับวัดบางน้ำผึ้งนอก บริเวณท่าเรือมีจักรยานให้เช่าปั่นเยอะมาก

เราเลือกเลี้ยวซ้าย เดินตามทางไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังที่พักของเรา

แดดวันนี้แรงมากกก เรามาถึงประมาณบ่ายโมงตรง ระหว่างทางก็เห็นคนมาปั่นจักรยานเล่น

เห็นวิวต้นจาก เห็นชาวบ้าน และก็เห็นความเงียบเหงา สัก 5 นาทีก็มาถึง Bangkok Tree House

เนื่องจากเรามาถึงไว พนง.เลยไปเช็คความเรียบร้อยของห้องให้

ระหว่างรอก็ได้ welcome drink เป็นอัญชันมะนาว เสิร์ฟมาพร้อมกับข้อความต้อนรับใส่ในใบไม้

เป็นกิมมิกเล็กๆที่ทางที่พักบอกว่า อยากจะลดการใช้กระดาษ

ทางที่พักจะมีบริการบาร์ส่วนกลาง ให้กับแขกที่เข้าพัก สามารถเติมน้ำ และหยิบไอศกรีม homemade ได้ฟรี

ซึ่งตัวไอศกรีมจะลักษณะเหมือนผลไม้ตามฤดูกาลเอาไปปั่นกับน้ำแข็งแล้วเอามาแช่เย็น วันที่เราไปเป็นไอศกรีมฝรั่งค่ะ

ส่วนของทานเล่นอย่างอื่น ไม้ว่าจะเป็นขนม มามาาทหรือเครื่องดื่ม จะมีราคาติดบอกไว้

ใครหยิบไปทาน ก็ให้ลงชื่อในสมุด แล้วค่อยคิดเงินทีเดียวตอน check out

อันนี้คือเป็นเรื่องความซื้อสัตย์ล้วนๆเลยค่ะ

รอสัก 10 นาทีเราก็ได้ห้อง เป็นห้องแรกติดกับทางเดินเข้ามาเลย

ห้องพักที่ Bangkok Tree House จะแบ่งเป็นชั้นๆ มีทั้งหมด 3 ชั้นนะคะ 

ชั้นล่างเดินเข้ามาจะเจอกับโซน ห้องน้ำ อ่างล่างหน้า
มีพื้นที่ห้องอาบน้ำที่เปิดโล่ง กว้างขวาง แต่ไม่มีแอร์ 

คอนเซ็ปต์ที่พักเน้นใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ชั้นนี้เลยมีแค่พัดลม

ด้านข้างจะมีบันได เพื่อเดินขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องนอน และเป็นห้องเดียวที่มีแอร์
บันไดที่พัก เราว่ามีความเก๋นะคะ ทำขั้นบันไดสับหว่างกัน ทำให้เราก้าวเท้าได้ช้าลง

น่าจะอยากให้เราสโลว์ไลฟ์มากขึ้น อันนี้คิดเอง 55

กานต์มีโอกาสดูคลิปรีวิวก่อนมาพัก เจ้าของที่พักเคยบอกว่าการตั้งชื่อห้องพักแต่ละห้อง เค้าให้เกียรติแมลง
เพราะถ้าไม่มีแมลง อีก 50 ปีข้างหน้าจะไม่มีโลกของเราอยู่ แมลงจึงสำคัญมาก
และห้องที่เราอยู่คือห้องผึ่งนั่นเอง จริงๆคอนเซ็ปต์เค้าดีนะคะ แต่แอบลำบากเวลาจะเข้าห้องน้ำ ต้องคอยเดินขึ้น เดินลง
ส่วนตัวคิดว่าที่พักไม่เหมาะกับเด็กและคนสูงอายุเท่าไหร่ เพราะน่าจะขึ้นลงบันไดลำบาก บริเวณชั้น 2 จะมีระเบียงให้นั่งชมธรรมชาติ
แต่สำหรับเราวิวที่ห้องเฉยๆ เลยเดินขึ้นไปดาดฟ้า ชั้น 3 เราว่าตอนกลางคืนน่าจะชิลๆดี แต่ตอนบ่ายนี่ร้อนระเบิดเลย

พอสำรวจห้องพักเสร็จเรียบร้อย จริงๆกิจกรรมมีหลายอย่างนะคะ พายเรือคายัค นั่งเรือชมธรรมชาติ ซึ่ง คชจ.แตกต่างกันไป
แต่เราเลือกปั่นจักรยานชมรอบๆค่ะ จักรยานฟรีหยิบไปปั่นได้เลย สำหรับลูกค้าที่เข้าพัก
จริงๆมันสนุกนะคะ แต่น่าเสียดายช่วงที่เราไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งปิด สวนศรีฯก็ปิด เลยได้แค่ปั่นชมวิวรอบๆ

อากาศวันที่ไปปั่นจักรยาน ร้อนมากค่ะ แต่ก็ชิลดี ไม่วุ่นวาย นี่ถ้าตลาดน้ำเปิดคงสนุกกว่าดี
เราปั่นไป ปั่นมา ก็มาเจอป้าคนนึงขายน้ำมะม่วงหาว มะนาวโห่อยู่ที่บ้าน เราเลยจอดเข้าไปนั่งคุย อุดหนุนแก
เป็นการปั่นไปเรื่อยๆแบบไม่ได้แพลนอะไรไว้เลย ก็แปลกไปอีกแบบ เพราะปกติเวลาจะไปไหนเราจะมีจุดหมายชัดเจน

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ การปั่นจักรยานรอบบางกระเจ้าน่าจะคึกคัก
เรายังอยากกลับมาเที่ยวตอนตลาดน้ำกับสวนศรีฯเปิดอีกครั้ง
ไม่น่าเชื่อเลยว่าโควิดจะกระทบต่อทุกคน ทุกอาชีพได้มากขนาดนี้
เราปั่นดูวิถีชีวิตไปเรื่อย เจอใครก็แวะทักทาย ดูชาวบ้านตัดใบจาก จับปลา

แล้วก็กลับมายังที่พักประมาณ 4 โมงเย็น

ที่ Bangkok Tree House จะมีเหมือนท่าน้ำ ให้เราเดินไปนั่งชิลๆ ดูเรือสินค้าวิ่งผ่านไปมา 

เพราะจุดนี้อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือคลองเตย

ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่แม่น้ำเจ้าพระยากั้น แต่ที่นี่แทบไม่ได้ยินเสียงแตร เสียงรถยนต์เลย มีแต่เสียงนก เสียงเรือ
แถมมื้อเย็น เราเลือกทานอาหารจากที่พัก ซึ่งไม่รับแขกนอกแล้ว
ถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ เพราะมีอยู่โต๊ะเดียว บรรยากาศรอบตัวดูเงียบเหงา

เมื่อเทียบกับการเดินทางทริปอื่นๆที่ผ่านมา

ด้วยคอนเซ็ปต์รักษ์โลกของที่พักนะคะ พนง.เล่าให้ฟังว่าอาหารที่นี่ส่วนใหญ่ เน้นซื้อจากในท้องถิ่น เพื่อลดการขนส่งไกลๆ
เน้นไปที่อาหารมังสวิรัส และอาหารทะเล แทนการทานพวกสัตว์บก สัตว์ใหญ่ เพื่อลดโลกร้อน
เมนูที่เราสั่งมื้อเบ็นจึงเป็นตามภาพค่ะ

ส่วนตัวรู้สึกม้าฮ่อ หวานไปค่ะ สัปปะรดไม่เปรี้ยว ออกไปทางหวาน ทานคู่มะพร้าวด้านบนยิ่งหวานไปใหญ่
เมนูข้าวผัดผงกระหรี่กุ้ง ข้าวแฉะไปหน่อยค่ะ แต่ให้เยอะคุ้มราคา
ส่วนเมนูที่เสิร์ฟมาแบบปิ่นโตอร่อยดีค่ะ น้ำพริกอร่อย แต่ให้มาน้อยไปหน่อย ภาชนะที่ใส่น่ารักจุ้มจิ้ม 55
โดยรวมให้ 8/10 ค่ะ ช่วงนี้ครัวปิดไว แค่หกโมงเย็นก็ปิดแล้ว เชื่อว่าร้านด้านนอกก็น่าจะปิดไวเช่นกัน
ใครมาพักไม่อยากทานจากที่พัก มีร้านชื่อดังใกล้ๆ ชื่อร้าน พบรัก
ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในฉากจากละคร อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ลองเดินไปทานได้นะคะ
เรารีบทาน รีบกลับห้อง เพราะว่ายุงเยอะมากๆ มื้อนี้จำราคาแต่นอนไม่ได้ ประมาณ 5-600 โดยประมาณค่ะ

กลางคืนเราตั้งใจขึ้นไปชิลบนดาดฟ้า ดูดาว ตามหาหิ่งห้อย แต่สุดท้ายมืดมากค่ะ และฝนก็ตก

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันที่ 2 ค่ะ นานมากๆ ที่ไม่ได้ออกมาเปลี่ยนที่นอน
เช้านี้เราตื่นกันมาตั้งแต่ หกโมงเช้า เพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

ซึ่งมีฉากหลังเป็นสถานีน้ำมันบางจาก

ภาพพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำก็ค่อยๆลดลง เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นในชีวิตประจำวัน
พอพระอาทิตย์พ้นฟ้า เราก็มาชื่นชมธรรมชาติที่ดาดฟ้าต่อ ชดเชยเมื่อคืนที่ฝนตก

จะบอกว่าตอนเช้าที่นี่ นกเยอะมาก รู้สึกอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจริงๆ
เมื่อวานตอน check-in เราได้เลือกเมนูอาหารเช้าไว้แล้ว และระบุเวลาเสิร์ฟแปดโมง
เราจึงอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อกินมื้อเช้าที่โซนร้านอาหาร
จริงๆสามารถให้มาเสิร์ฟที่ห้องได้นะคะ แต่เรารู้สึกว่าทานที่ห้องไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากที่นั่งทานอยู่ชั้น 2
ถ้าจะทานต้องถืออาหารเดินขึ้นบันไดขึ้นไป เราเลยเดินไปทานที่ร้านแทน

และนี่คือเมนูที่เราเลือกสำหรับ 2 คน อาหารหลักเป็น ข้าวต้มหมู กับ ไข่ในรัง
ส่วนเครื่องดื่มเลือกเป็นกาแฟสด กับ น้ำส้มคั้นทั้งคู่
ชอบกาแฟมากๆ กาแฟสดชงจากเครื่องจริงๆ เข้มข้น น้ำส้มก็คั้นสดจริงๆ
มีของทานเล่นเป็นผลไม้ตามฤดูกาล กับ ขนมไทย อร่อยหมดค่ะ
ส่วนตัวชอบมากกว่ามื้อค่ำเมื่อคืนสะอีก พอทานข้าวเช้าเสร็จก็กลับมาเก็บของที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวเช็คเอ้าท์

สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของเรา กับทริปนี้เราให้ 8-8.5 เต็ม 10 ค่ะ ให้คะแนนด้านความสโลว์ไลฟ์ การได้อยู่กับธรรมชาติ
แต่การเดินทางเองสำหรับเราถ้าไม่มีรถยนต์ เราว่าก็ลำบาก เดินไกล ถ้าเอารถยนต์มาจอดที่วัดข้ามคืนเราก็กลัวไม่ปลอดภัย
ส่วนอาหารเย็นครัวปิดไวไปหน่อย ช่วงโควิดแค่หกโมงเย็นก็ปิดแล้ว แต่โดยรวมถือว่าประทับใจ
เป็นทริปสั้นๆที่ชาร์จพลังให้ชีวิตได้มากขึ้น ก่อนกลับผ่านดงต้นจาก ก็ไม่ลืมถ่ายภาพเลียนแบบญาญ่าสักหน่อย

หวังว่าทริปเที่ยวนี้ จะพาเพื่อนๆเที่ยวทิพย์ใกล้กรุงฯได้นะคะ
ขอให้ทุกคนปลอดภัย เมื่อโรคร้ายนี้หายเมื่อไหร่ ขอให้เราได้ออกไปใช้ชีวิตอิสระกันอีกครั้ง

กานต์เดินทาง

 วันพฤหัสที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.27 น.

ความคิดเห็น