หากจะพูดถึงภูเขาที่ชีวิตนึงอยากให้ทุกคนไปสัมผัสสักครั้งถ้ายังมีแรง คงหนีไม่พ้น "ภูสอยดาว" อุตรดิตถ์ ภูเขาที่หลายคนขนานนามให้ว่าเป็นสวรรค์บนดิน ภูสอยดาวจะสวยที่สุดในช่วงฤดูฝนเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคสีม่วงกำลังบานเต็มลานสน มีหมอกจางๆ อากาศเย็นกำลังดี ภูสอยดาวจึงเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆคน การเดินทางมาภูสอยดาวก็แสนง่ายไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถมาได้แบบสบายๆ ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 2,000 บาทเท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเราที่มาเยือนภูสอยดาวและเป็นครั้งที่จะจำไม่มีวันลืมเลย ออกเดินทางกันค่ะ (รายละเอียดค่าใช้จ่ายอยู่ช่วงท้ายนะ)

ก่อนอื่นต้องจองคิวที่จะขึ้นภูสอยดาวผ่านแอพ QueQ ให้ได้ก่อนนะคะ ได้วันเวลาแล้วค่อยจองตั๋วรถไฟและรถสองแถว การเดินทางครั้งนี้เรานั่งรถไฟขบวน 107 กรุงเทพฯ-เด่นชั้น เวลา 20.10 ขึ้นที่หัวลำโพง ขากลับนั่งขบวน 108 เด่นชัย-กรุงเทพฯ เวลา 22.09 น. ที่สถานีพิษณุโลก ที่เราเลือกรถไฟเพราะประหยัดไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากนี้ ฮ่าๆ

เราเลือกรถไฟชั้น 2 แบบพัดลมก็นั่งสบายอยู่นะเบาะปรับเอนได้

เราถึงสถานีพิษณุโลกประมาณ 02.40 น. แล้วเราก็โทรให้รถสองแถวที่ติดต่อไว้มารับ เราใช้บริการของเจ้านี้นะคะบริการดีเยี่ยม รถรับส่งภูสอยดาวราคาถูก | Facebook (รถสองแถวเป็นแบบหารเฉลี่ย 10 คนขึ้นไป ราคาไป-กลับคนละ 400 บาท) รถสองแถวจะพาเราแวะตลาดระหว่างทางไปภูสอยดาวก่อนนะ ให้เราเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ไว้ทานสำหรับการเดินทางและระหว่างที่อยู่บนภู เพราะบนภูไม่มีของขายนะ จะกินอะไรต้องแบกขึ้นไปเองให้เพียงพอหรือจ้างลูกหาบได้จ้า

เราจัดหมูปี้งไปสำหรับมื้อเช้าและกลางวัน ส่วนมื้อเย็นและเช้าของอีกวันเราเตรียมอาหารแห้งขึ้นไปค่ะ

จากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อ ระยะทางจากพิษณุโลกไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต้องนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมง ต้องขึ้นเขาโค้งค่อนข้างเยอะอยู่หากใครเมารถอย่าลืมพกยาแก้เมาไปด้วยน๊า เพื่อนเราอ๊วกแตกมาแล้วเด้อ แต่ไดๆคือระหว่างทางวิวสวยมากกก สวยแบบตะโกนดังๆ ว่า สวยยยยยย

เมื่อถึงอุทยานแล้วเราก็ไปลงทะเบียนรับบัตรคิว จากนั้นก็รอเรียกคิวลงทะเบียนเช่าอุปกรณ์ต่างๆและลูกหาบตามคิวเริ่มเวลา 8.00 น.

จากนั้นก็ไปจุดจัดสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไปและจ่ายเงินตรงนี้มีค่ามัดจำขยะ 200 บาทได้คืนเมื่อนำขยะลงมาแลกเงินมัดจำและบัตรประชาชนคืน ค่าลูกหาบกิโลละ 30 บาทเด้อ ถ้าเป็นวันหยุดคนขึ้นเขาจะเยอะ ยังไงก็เผื่อเวลากันด้วยนะคะ ขั้นตอนการลงทะเบียนต่างๆใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน

เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนแล้วก็นั่งรถกระบะอุทยานไปจุดเริ่มเดิน ตรงน้ำตกภูสอยดาว

6.5 กิโลเจอกันค่ะ เราแนะนำว่าให้ออกกำลังเยอะๆก่อนมานะ ไม่งั้นระบมไปทั้งตัวแน่

เดินขึ้นบันไดเหล็กมาก็เห็นน้ำตก สวยมาก

เดินต่อไปค่ะ

ทางก็จะแฉะๆเพราะช่วงนี้ฝนตก

เดินขึ้นเขามาตลอดเลยเหนื่อยมาก เนินปราบเซียนแล้วจ้า

ใกล้ถึงเนินมรณะแล้วตรงนู้นนนน มรณะจริงๆนะชันมากและฝนมักตกตรงนี้ทุกทีเลย

ข้ามตรงนี้ไปก็เป็นลานสนแล้ว

ถึงแล้วลานสน ป้ายนี้กว่าจะลากตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปได้

พอขึ้นมาถึงแล้ว ความเหนื่อยล้าต่างๆหายไปหมดเลย

ปีนี้ดอกหงอนบานน้อยกว่าทุกปี

ถ้าขึ้นมาถึงลานสนแล้วใครที่ค้างแค่คืนเดียวอยากให้รีบแต่งตัวสวยๆถ่ายรูปกับดอกหงอนนาคเลยนะ เพราะช่วงเช้าของอีกวันดอกหงอนนาคจะยังไม่บาน น้องจะบานช่วงสายๆ

ลานกางเต็นท์ ถ่ายจากมุมนี้คือสวย

ด้านบนมีห้องน้ำนะ แต่เราต้องหิ้วน้ำจากถังรองน้ำไปใช้ในห้องน้ำเอง

เช้าของอีกวันเราต้องเดินลงแล้วฝนตกนิดหน่อย ก่อนลงเราเดินถ่ายรูปไปเรื่อย อากาศดี

รูปเยอะหน่อยนะอยากเก็บภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำ

ต้องเดินลงจริงๆแล้ว ภูสอยดาว อยากให้มาสัมผัสสักครั้งนะ

สำหรับค่าใช้จ่ายในทริปนี้

ค่ารถไฟ ไป-กลับ 538 บาท

ค่ารถสองแถว ไป-กลับ 400 บาท

ค่าธรรมเนียมอุทยาน 50 บาท

ค่าถังน้ำและขัน 20 บาท

รวม 1,008 บาท

เราเอาเต็นท์กับเครื่องนอนไปเองเด้อ

**ไม่รวมค่าอาหารและลูกหาบนะ ลูกหาบกิโลละ 30 บาท** 

แค่ทิ้งความกลัวไปบ้างก็ใช้ชีวิตสนุกขึ้นเยอะ

#ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข

ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข

 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.26 น.

ความคิดเห็น