จากกรุงเทพขึ้นเครื่องลงหาดใหญ่ แล้วต่อรถโค้ชปรับอากาศ ผ่านด่านสะเดา เข้ามาเลเซีย กว่าจะถึงอิโปห์โพล้เพล้พอดี (ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะคะ บินลงมาเล แล้วค่อยนั่งรถบัสหรือรถไฟไปอิโปห์ใช้เวลาน้อยกว่าค่ะ)


ก่อนที่รถจะพาเราเข้าเมืองอิโปห์ วิวระหว่างทางทำให้เราเห็นว่าอิโปห์เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เองทำให้อิโปห์ถูกเร้นกายซ่อนตัวจากสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วไป


:::ยังไม่ทันถึงที่พักก็แวะกินซะแล้ว:::

ระหว่างทางเดินจากท่ารถไปถึงโรงแรมที่พัก เราก็ไม่พลาดที่จะแวะกินข้าวมันไก่ที่หลายคนบอกว่าเป็น ข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก ซึ่งมี 2 ร้านดังตั้งประชันตรงข้ามกัน ได้แก่ ร้าน Lou Wong และร้าน Ong Kee ตอนแรกก็กะว่าจะลองมันทั้ง 2 ร้าน แต่เอาเข้าจริง กินไปร้านเดียวก็เอียนไก่ จนไม่อยากกินไก่ในมื้อต่อไป ร้านที่เราเลือกกินก็คือ ร้าน Lou Wong

หลังจากได้ชิมแล้วก็แอบผิดหวังเล็ก ๆ ไม่รู้ด้วยว่าเราคาดหวังสูงเกินไป หรืออ่านที่คนอื่นรีวิวมากเกินไป ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยนะคะ แต่ ข้าวมันไก่ของที่นี่ ไม่ใช่แนวข้าวมันไก่แบบที่ขายดาษดื่นในบ้านเรา ถ้าคนที่เคยไปกินอาหารจีนในภัตตาคารจีน ได้ชิมเมนูนี้แล้วคงจะนึกถึงไก่แช่เหล้าผสมกับไก่ซีอิ๊วมากกว่า เราก็เลยว่าธรรมดา กินที่เมืองไทยก็มี

ส่วน ถั่วงอกผัดรสดีค่ะ ยังคงมีความกรุบกรอบของถั่วงอก หอมน้ำมัน และไม่เหม็นเขียว

ข้าวมันรสชาติธรรมดา ส่วนเส้นเล็กน้ำ รู้สึกลวกแล้วติดกันเป็นก้อนไปหน่อย ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร


กินอาหารคาวแล้วก็ต้องต่อด้วยอาหารหวาน เราแวะซื้อทาร์ตไข่ กับขนมเปี๊ยะไปกินต่อที่ห้องด้วย ทาร์ตไข่ รสหวานน้อย หอมอร่อย ส่วนขนมเปี๊ยะนี่เด็ดมากเหนือความคาดหมาย เราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกินขนมเปี๊ยะ แต่เห็นขนมเปี๊ยะร้านนี้สีจัดมาก เหมือนถูกเอาไปจุ่มในถังสีทาบ้านมา เลยเลือกมาชิ้นนึง

พอได้กินเท่านั้นหล่ะ ชอบมาก! สัดส่วนระหว่างแป้งกับไส้กำลังดี ไส้ข้างในมหัศจรรย์มาก มีทั้งไส้คาว และหวานในขนมเปี๊ยะอันเดียว ที่เราซื้อมาเป็นไส้หมูหยองกับชาเขียว โดยตัวไส้จะแยกเป็นสองส่วน ไม่ใช่เป็นหมูหยองกวนผสมกับชาเขียวนะ


บรรยากาศอันเงียบสงบ ระหว่างทางเดินกลับที่พัก เห็นพระอาทิตย์กำลังหลบไปหลังขุนเขาอันไกลโพ้น


:::ค่ำคืนเงียบ ๆ ในอิโปห์:::

หลังจากเข้าที่พักก็ออกมาเดินชมเมือง จนไปเจอร้านข้าวมันไก่อีกแล้ว คนเยอะกว่า 2 ร้านก่อนหน้านี้มาก แต่พวกเรายังรู้สึกอิ่ม ไม่อยากชิมเพิ่มแม้แต่น้อย ผ่านไปค่ะ เอาไว้มีโอกาสได้มาที่นี่อีกครั้งจะไม่พลาดมาชิมร้านนี้แน่นอน


เราไปเดินดูตลาดนัดกลางคืนกัน ของที่ขายส่วนใหญ่ เป็นของที่ไม่ใช่แนวที่คนไทยน่าจะใช้ เช่น พวกผ้าฮิญาบ เข็มกลับฮิญาบ เสื้อของผู้หญิงก็จะเป็นเสื้อแบบตัวใหญ่ ๆ แบบที่คนที่นับถืออิสลามใส่กัน น้ำหอมกลิ่นแปลก ๆ เช่น กลิ่นมะม่วง กลิ่นมะพร้าว หรืออาจเป็นสารแต่งกลิ่นอาหารก็ไม่แน่ใจนะคะ

แต่ในความที่ดูไม่น่าสนใจนี้ ดูไปดูมา เราว่าผ้าฮิญาบหรือผ้าคลุมศีรษะที่ผู้หญิงที่นับถืออิสลามใช้ มันสวยมาก พอเข้าไปดูแล้วพบว่า ฮิญาบ สมัยนี้มีหลากหลายแบบ ไม่ใช่แค่เป็นผ้าพันผืนยาวเท่านั้น ยังมีทั้งแบบกึ่งสำเร็จรูป และแบบสำเร็จรูปที่แค่สวมลงไปก็เสร็จ ลวดลาย และสีสันมีให้เลือกละลานตาไปหมด

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีกเช่น ผ้าที่ใช้คาดหัวให้เป็นทรง มวยผมปลอม และที่เพลิดเพลินน่าช้อปมาคู่กันอีกอย่างคือ เข็มกลัดที่ใช้ติดฮิญาบ จากของที่ไม่เคยจะซื้อเพราะไม่ใช่อิสลาม ก็ได้ติดไม้ติดมือกลับมาจนได้ เผื่อไว้ใช้ในทริปประเทศที่ต้องคลุมหัวน่ะ จัดเร็ว ๆ นี้แน่นอน

ร้านขายชาดอกไม้นานาชนิด มีชาดอกไม้บานแบบที่ขายในเมืองจีนด้วย

จริง ๆ ภายในร้านห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่เราซื้อของเยอะพอสมควร และก็ขอเค้าถ่ายมาค่ะ

ช้อปกันเต็มไม้เต็มมือเลยทีเดียว

ร้านขายของที่ระลึก

ในเมืองอิโปห์ยามค่ำค่อนข้างจะเงียบ มีเพียงส่วนถนนคนเดิน และฟู้ดคอร์ทใกล้ถนนคนเดินเท่านั้นที่จะดูมีคนเดินหนาแน่นหน่อย แต่กว่าคนจะเริ่มมาเดินกันก็สองสามทุ่มแล้ว

เดินไปเดินมาก็ไปเจอถนนสายโลงศพ มีทั้งงานศพ และโลงศพขายตลอดทั้งสาย เดินกันสองคน วังเวงนิด ๆ สุดปลายถนนจะเจอมัสยิดสีฟ้า กับบ้านทรงโบราณสวยเชียว


:::มื้อเบา ๆ ก่อนเข้านอน:::

เดินย่อยกันไปหลายชั่วโมง ไปหาอะไรเบา ๆ กินก่อนนอนกันเถอะ ด้วยความที่มาเมืองที่ผสมผสานด้วยหลากหลายวัฒนธรรมทั้งจีน และอินเดียแล้ว ก็ต้องกินอาหารให้มันหลากหลายหน่อย

เราเลือกเข้าร้าน โรตีกันค่ะ สั่งโรตีที่ชิ้นใหญ่มากสองชิ้น ซึ่งดูจากรูปในเมนูเอา ไม่คิดว่าจะชิ้นใหญ่ขนาดนี้...บานกว่าหน้าเราอีก

กินโดยจิ้มกับน้ำแกง ตบท้ายด้วย นมฮอลิคส์ จากเมนูที่คิดว่าจะกินเล่น ๆ ก่อนนอน เล่นเอาซะแน่นท้องเลย

แบกพุงน้อย ๆ กลับห้อง แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ


:::สวรรค์ของคนรักติ่มซำ:::

เช้าวันต่อมาเรานัดเจอกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันในเว็บบอร์ด เนื่องจากต้องการหาคนมาแชร์ค่าแท็กซี่เที่ยวรอบเมืองอิโปห์

เริ่มต้นโปรแกรมแรกของวัน โดยการไปกินอาหารเช้ากันที่ถนนสายติ่มซำแถวที่พักเราเอง มีคนแนะนำว่าต้องมาที่ร้าน Foh San ค่ะ ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่มาก และคนก็มากินกันเยอะด้วยเช่นกัน เมนูติ่มซำที่นี่มีให้เลือกหลากหลายมาก ตอนที่นั่งพิมพ์อยู่นี่ก็แทบอยากจะกดจองตั๋วไปอีกสักรอบ

บางอย่างเราก็เรียกไม่ถูก ใช้ชี้สั่งเอา

เยลลี่ หรือพุดดิ้งก็มีนะคะ

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่สั่งมานะคะ กินหมดก็สั่งกันมาอีก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ทั้งหมด

มาซูมดูชัด ๆ บางจานที่พอได้ถ่ายไว้บ้าง เป็นของทอด ไส้ข้างในเป็นสาคูเม็ดเล็ก ๆ ไม่อมน้ำมันเลย เข้ากันดีมาก ๆ

ขนมจีบอะไรสักอย่าง ลืมไปแล้ว ด้านขวาบนเป็นลูกชิ้นปลา เห็นเค้าว่าเป็นของขึ้นชื่อเมืองนี้ ลูกใหญ่มาก

ขนมปังรูปเห็ดมีไส้ข้างใน

ก๋วยเตี๋ยวหลอด แป้งเนื้อนวลลิ้นมาก จานด้านบนเป็นเผือกทอด

ซาลาเปาสังขยากับไส้ครีม จานข้างบนเป็นซี่โครงหมูเต้าซี่


กินอิ่มแล้ว ก็เดินกลับโรงแรมไปนอนผึ่งพุง เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ กลับไปให้เจ้าหน้าที่โรงแรมโทรเรียกรถแท๊กซี่ให้ เพราะยืนรอแท๊กซี่แล้ว ไม่เจอสักคัน

เรื่องราวช่วงท่องเที่ยวจะแยกไปไว้อีกรีวิวนึงนะคะจะได้ไม่ยาวเกินไป

วันนี้เราออกไปเที่ยวถ้ำ Kek Lok Tong >>> วัด Ling Sen Tong >>> วัด Sam Poh Tong >>> วัด Nam Tian Tong >>> Kellie's Castle >>> วัดฮินดู >>> วัด Perak Kwan Yin Tong >>> เดินถ่ายรูป Street Art


:::สเน่ห์กาแฟขาว:::

หลังจากเที่ยวเสร็จ เราก็ร่ำลาเพื่อนใหม่ แล้วพากันมาหาของกินกันต่อ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่พ้น Old Town White Coffee เพราะต้นกำเนิดอยู่ที่อิโปห์นี่เอง ยิ่งถ้าเป็นคนที่ดื่มกาแฟ สมควรแวะเลยค่ะ

White Coffee มีลักษณะเฉพาะคือ เป็นกาแฟที่คั่วด้วยมาการีน ทำให้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

แต่เราและเพื่อนไม่มีใครดื่มกาแฟกันสักคน แหะ แหะ เลยได้แต่สั่งเมนูอื่นมาลอง พร้อมกับสูดความหอมของกาแฟในร้านแทน ร้านนี้มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายค่ะ ทั้งข้าวและอาหารประเภทเส้น ลองมาดูตัวอย่างเมนูกัน

อาหารที่สั่งมาแล้ว รสชาติพอใช้ได้ค่ะ

ปิดท้ายสำหรับร้านนี้ด้วย ลอดช่อง กับเฉาก๊วย แบบหวานน้อย กินแล้วไม่อ้วนเนอะ


:::ขนมริมทาง:::

ระหว่างทางก่อนเดินเข้า Concubine Lane จะเจอรถเข็นขายขนมที่มีคนมุงซื้อกัน เราก็ขอไปมุงบ้างว่าเป็นอะไร

ขนมที่เค้าขายมีลักษณะคล้าย ข้าวซอยตัดแบบมีเมล็ดอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วย เลยจัดมาถุงนึง กรอบมัน หอมอัลมอนด์ดีค่ะ


:::เจออะไรก็ลอง เท่าที่ไหวนะ:::

เดินถ่ายรูปข้างทางไปเรื่อย ๆ เจอร้านก๋วยเตี๋ยว หน้าตาดูน่าลองดี เลยจัด (อีกแล้ว)

Restoran Li Heng Fatt เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาน้ำใส ดูภายนอกเรียบง่ายและธรรมดามาก

มาดูเมนูเครื่องดื่มกันดีกว่า ส่วนก๋วยเตี๋ยว เดินไปชี้สั่งที่หน้าตู้เอา

น้ำซุปหอมกลมกล่อมมาก มีซอสรสเผ็ดไว้จิ้มกับลูกชิ้นปลาด้วย


หลังจากนั้นก็ไปเดินห้าง Ipoh Parade ที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่พัก เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ แต่ก็ไม่ค่อยได้อะไรติดไม้ติดมือออกมาเสียเท่าไร เราว่าห้างที่เมืองไทยดูน่าเดินกว่านะ

ระหว่างทางเดินกลับที่พักยามค่ำคืน พวกเราขอฝากท้องที่ ศูนย์อาหารขนาดใหญ่ที่มีคนท้องถิ่นแวะเข้ามากินมื้อค่ำกันแน่นขนัด มีของน่ากินหลายอย่าง แต่พวกเราก็กินมาแน่นแล้ว ขอลองของเบา ๆ อย่าง Rojak แล้วกัน เรียกให้เห็นภาพแบบไทย ๆ คือ ผักและผลไม้รวมราดน้ำปลาหวาน ถั่วบด และหมูแผ่นชิ้นน้อย


จบค่ำคืนที่สองในเมืองอิโปห์ไปแบบเต็มพุงอีกแล้ว


:::ขอกินติ่มซำอีกสักรอบ:::

เรามีเวลาอีกแค่ครึ่งวันในเมืองอิโปห์ก่อนต่อรถไฟความเร็วปานกลาง ETS ไปชวนชิมกันต่อที่ปีนัง

ยังมีอีกหลายเมนูที่อยากกินและยังไม่ได้กิน

ภารกิจเช้านี้คือ ไปเดินตลาดเช้า เดินตลาดนัด ถ่ายรูป Street Art

เกือบวิ่งกลับมาไม่ทันมาหาอะไรเติมพลังตอนเช้าแน่ะ

ร้านที่เราเลือกมากินเช้านี้อยู่บนถนนสาย ติ่มซำใกล้กับที่พักอีกเช่นเคย แต่เลือกเอาร้านที่คนไม่เยอะมาก เพราะต้องทำเวลา

เราเลือกร้านนี้ค่ะ Restaurant Chang Keong Dim Sum ถึงแม้คนไม่เยอะ แต่รสชาติอาหารก็ใช้ได้อยู่นะ เมนูก็ดูหลากหลายกว่ากินที่เมืองไทย

รีบยัดเข้าปากจนเกือบติดคอ โดยเฉพาะมาไลโกว (เค้กนึ่งแบบจีน) นี่ห้ามกินตอนรีบ ๆ นะคะ แทบแย่


มาขึ้นรถไฟทันเวลา และรถไฟก็มาช้ากว่าเวลานานมากด้วย

ระหว่างเดินทางเค้าจะมีของว่างให้กิน ไม่ได้กินไมโลมานานมากล่ะ ฝังใจแต่เด็กว่าไมโลแบบกล่องจะหวานมาก แต่พอลองอันนี้ไม่หวานเท่าไร อร่อยดีค่ะ


ไว้เจอกันใหม่ที่ ปีนังนะคะ

รีวิวที่เกี่ยวข้องกับทริปนี้คลิ๊กติดตามกันต่อเลย

24 ชั่วโมงในปีนัง เราไปกินอะไรกัน

24 ชั่วโมงในปีนัง เราไปทำอะไรกัน

GoNeverStop

 วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.45 น.

ความคิดเห็น