เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาไปเที่ยวญี่ปุ่นประเทศยอดฮิตอีกแล้วครับ คราวนี้ลุยชึ้นเหนือจากโตเกียวไปยามางาตะ เซ็นได้ อาโอโมริ ฮาโกดะเตะ และกลับที่ซัปโปโร และแน่นอนครับที่ต้องปักหมุดไว้คือต้องไปเยือนกินซันออนเซ็น สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่เต็มตลอดทั้งปี วันนี้พาไปรีวิวมุมอาจจะซ้ำกับหลายๆ รีวิวแต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลไปเที่ยวกินซันครับ

การเดินทางไป Ginzan ไม่ยากครับแค่หาทางไปยังสถานี Oishida เมืองโอบาซาวะน่าให้ได้ก็ไปได้แล้วครับ มีชินกันเซ็นโดยตรงดึ่งจากโตเกียวไปทุกว้นอยู่แล้วเป็นสายที่ไปยามางาตะ สถานีโออิชิดะจะอยู่เลยยามางาตะไปอีกสักครึ่งชั่วโมงครับ ในหนึ่งวันมีชินกันเซ็นวิ่งตั้งเจ็ดเที่ยว แต่เราไปเที่ยวเร็วที่จะหยุดเฉพาะสถานีใหญ่ๆ ออกจากโตเกียว 9.24 น. ถึงโออิชิดะ 12.20 น. ใช้เวลาเดินทางไม่นานครับสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว วันที่เราไปรถโล่งมากครับ เพราะไปวันพฤหัส จนแอบหวั่นใจว่าคนไปน้อยรถจะหยุดให้บริการไหม เพราะวันที่เราไปโตเกียวนี่แดดดีสุดๆ แดดดีไปตลอดทางจนเลยฟูกุชิม่าขึ้นไต่เขาไปเรื่อยๆ หิมะก็ตกจนขาวโพลนไปหมดเลย

ที่ Ginzan เราเลือกพักที่ Ginzansou รีสอร์ทออนเซ็นยอดฮิตอีกแห่งหนึ่ง ตัวรีสอร์ตไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านกินซันแต่เดินไปได้แค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว ที่นี่ดูจะทันสมัยที่สุด (จริงๆ มีอีกทีที่ดูชิคกว่า แต่ก็แพงกว่ามากและจองยากมากด้วยครับ) ตกคืนละหมื่นนิดๆ แต่คุ้มค่ามากเพราะที่นี่มีรถรับส่งจากสถานีโออิชิดะไปกลับที่รีสอร์ทเลย แต่เอาเข้าจริงๆ ไปถึงสถานีแล้วก็ปรากฎว่ามีรีสอร์ทมารับแทบทุกที่นะครับ เคยอ่านว่าต้องนั่งรถเมล์ต่อไปที่หมู่บ้าน อาจจะเป็นเพราะเข้าฤดูหิมะแล้ว รีสอร์ทส่งรถมารับอาจสะดวกกว่า แต่เท่าที่ดูก็มีรถเมล์มานะครับ แต่พยายามให้รีสอร์ทไปรับดีกว่าสะดวกกว่าครับ



ที่กินซันโซก็เหมือนกับทุกที่ในกินซันที่จองยากมาก ผมจองไปล่วงหน้า 6 เดือน เรียกว่าต้องดูเว็บทุกวันว่าเปิดให้จองวันไหน ไม่แนะนำอโกด้าหรือบุ๊กกิ้งนะครับ เพราะจองได้ยากกว่าขึ้นเต็มตลอดๆ ผมไปจองผ่าน japanican อันนี้สะดวกและง่ายกว่าครับ แต่ห้องก็เต็มเร็วจริงๆ เหมือนจองผ่านเว็บภาษาญี่ปุ่นของโรงแรมจะจองได้เร็วกว่านี้ พยายามจะจองห้องที่มี private onsen ในห้องเลยก็ไม่ได้ครับ ได้ห้องธรรมดาแต่ก็ดูดีมากครับ ในราคาที่รวมทุกอย่างคืออาหารเย็นและอาหารเช้า และรถรับส่งสะดวกสบาย ราคาหมื่นบาทสำหรับสองคนก็ถือว่าดีลดีทีเดียวครับ



รถมารับเราตรงเวลาเป๊ะ ระหว่างเดินทางไปหมู่บ้านก็เสียวไปเพราะหิมะตกหนักตลอดทาง กลัวจะตกหนักจนออกไปเที่ยวในหมู่บ้านไม่ได้



ในที่สุดก็มาถึงรีสอร์ตโดยปลอดภัยแม้ว่าต้องใช้เวลาเดินทางนานขึ้นหน่อย (เพราะขากลับหิมะไม่ตก ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงสถานีแล้ว) มาถึงแล้วยังเช็คอินไม่ได้ครับ ก็เลยเดินไปลุยในหมู่บ้านก่อนช่วงกินข้าวเย็นดีกว่า จะได้บรรยากาศขาวๆ ซึ่งก็ได้จริงๆ เพราะหิมะตกตลอดมาแบบขาวโพลนเลยครับ


หมู่บ้านกินซันหรือภูเขาเหล็ก เคยเป็นเหมืองมาก่อนและกลายมาเป็นออนเซ็นของขุนนางชั้นสูงในสมัยโบราณ ประวัติไม่ต้องขยี้ซ้ำนะครับ เพราะรีวิวกันเพียบเลยในพันทิป แต่ที่ทุกคนแห่มาเพราะมาตามรอยละครญี่ปุ่นโบราณที่โด่งดังสักยี่สิบกว่าปีก่อน แต่เด็กสมัยนี้ยังรู้จักเพราะโทรทัศน์บ้านเราชอบเอามารีรันใหม่เสมอๆ ชื่อ "โอชิน" ครับ ป.ล. ผมมาทันดูตอนรีรันแล้วนะครับ คริ คริ ตอนที่ฉายรอบแรกตอนนั้นดูไม่ทันครับ คริ คริ

ตอนไปถึงหิมะตกหนาวเย็นมากๆ จนเดินไม่ไหวเลยเพราะมันเย็นชาไปทั้งมือทั้งหูครับ ต้องหนีไปหลบในร้าน ทานกาแฟอุ่นๆ หน่อย บ่นนิดหน่อยว่าอุตส่าห์มาทั้งที ฟ้าน่าจะเป็นใจ ผ่านไปสักสิบกว่านาที หิมะที่ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ก็ตกน้อยโปรยๆ สลับหยุดนิ่ง ขอบคุณมากครับเทพหิมะแห่งญี่ปุ่น ไปเดินดูความขาวกันดีกว่า



บ่ายสามโมงได้เวลาเดินกลับไปที่รีสอร์ตแล้วครับ เพราะเป็นเวลาที่นัดเช็คอินเดี๋ยวไปดูห้องพัก ขออาบน้ำแช่ออนเซ็นสักหน่อย แล้วเย็นๆ มาถ่ายรูปยามเย็นก็ถือว่าเสร็จภารกิจที่เดินทางมาถึงที่นี่ เราเลือกเวลาทานอาหารเย็นตอนทุ่มหนึ่งครับ ที่นี่สี่โมงครึ่งก็โพล้เพล้แล้ว ห้าโมงเย็นนี่มืดตื้อเลย ไปดูห้องพักกันครับ

ห้องพักกว้างมากๆ ครับคุ้มค่าคุ้มราคา มีห้องน้ำในตัวที่แยกสัดส่วนออกไปต่างหากจากห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องนอนด้วย ฟูต้ง (ที่นอนญี่ปุ่น) กลางห้องยังมีที่เหลือให้ดิ้นไปดิ้นมาได้ มีตู้เย็น (แต่ไม่ได้ใช้หรอก) และทีวี LCD 55 นิ้วที่เปิดไปขำไปเพราะมีแต่รายการภาษาญี่ปุ่นหมดเลย (โชคดีที่มี CNN อยู่หนึ่งสถานี) น้ำแรงและอุ่นดีมากครับ จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องใช้ห้องน้ำในตัวเท่าไรเลยครับ ใช้แค่ครั้งเดียวเอง ที่เหลือไปอาบตรงออนเซ็น น้ำยิ่งแรงสะใจไปกว่าอีก



ได้เวลาไปทัวร์ในหมู่บ้านรอบเย็นแล้วครับ จริงๆ มาเที่ยวที่กินซันนี้ไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้นะครับ แต่รถเที่ยวเย็นกลับสถานีนี่ไม่น่าจะทันวิวหัวค่ำนะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ น่าจะพักที่นี่สักคืน แต่ต้องรีบจิ้มจองโรงแรมให้ทันนะครับ ไม่งั้นก็ต้องนอนที่เมืองใกล้ๆ อย่างชินโงหรือโออิชิดะ แล้วนั่งแท๊กซี่มาครับ แต่ขากลับยังไงก็ลำบากเพราะถ้าศูนย์นักท่องเที่ยวปิดแล้วนี้ เรียกแท๊กซี่มารับยากมากเลย แล้วทุกเรียวกังก็เต็มหมดตลอดเลยด้วย



เพลินๆ ไปกับบรรยากาศโรแมนคิก อ้าวถึงเวลาต้องไปให้ทันมื้อเย็นแล้วนี้นา เดินกลับโรงแรมไม่นานครับ แต่เดินคนเดียวก็เสียวๆ เหมือนกันเพราะร้านข้างทางปิดหมดแล้วล่ะ เพิ่งจะหกโมงครึ่งเองนี่นา ไปดูอาหารเย็นที่เรียวกังเตรียมให้ไว้ดีกว่าครับ อร่อยสุดก็คงเนื้อย่างยามางาตะ ที่มันนุ่มลิ้นมากจริงๆ ครับ



หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาไปแช่ออนเซ็นแล้วครับ ออนเซ็นที่นี่ไม่ได้เป็นบ่อธรรมชาตินะครับ มีทั้งที่เป็นสระในร่ม สระกลางแจ้ง และบ่อส่วนตัวแช่ชมวิว ขอบอกว่าเป็นการออนเซ็นครั้งแรกของผมเลย ซึ่งแรกๆ ก็เขินมากๆ แต่พอชินแล้วก็สนุกดีและฟินมากๆๆๆ โดยเฉพาะแช่บ่อกลางแจ้ง น้ำร้อนก็จริงแต่เวลามีลมหิมะมาปะหน้า นี่แช่สบายมากๆ คืนนั้นแช่ไปสามรอบได้ครับ โดยแช่ครั้งสุดท้ายเที่ยงคืนกว่าแล้ว ไม่มีคนแล้ว เลยถ่ายเอาบรรยากาศมาให้ดูเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถ่ายห้องแต่งตัวนะครับ เพราะยังมีคนอยู่ (จริงๆ ก็ไม่ควรถ่ายล่ะครับ ใครอยากชมวิวเป็นทางการไปดุในเว็บของโรงแรมดีกว่าครับ)



ตอนเช้าตื่นมาเข้าออนเซ็นอีกสักรอบก่อนทานอาหารเช้าและเดินทางไปยามากาตะ ปิดกระทู้กันที่อาหารเช้านะครับ ขอบคุณมากครับที่ติดตามชม



TravelTherapy

 วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.43 น.

ความคิดเห็น