การเดินทางทำให้เราได้ค้นพบสิ่งใหม่

ในขณะเดียวกัน มันทำให้เราได้ค้นพบตัวเอง

เพราะเช่นนั้น.....ฉันจึงชอบเดินทาง

ทำงานเหนื่อยกันมาเกือบทั้งปี ถึงเวลาที่ต้องพาร่างกายไป Relax บ้างแล้วแหละ

ทริปนี้เราจะหนีงานไปเที่ยวที่ " กาญจนบุรี " กันค่า

..

" กาญจนบุรี " อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักนะคะ เราออกเดินทางจากกรุงเทพช่วงสายๆ

ประมาณช่วงเที่ยงก็ถึงกาญจนบุรีแล้ว มาเมืองกาญทีไรก็มีอะไรให้เราได้ตื่นตาตื่นใจตลอด

ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก จริงๆก็มาเที่ยวเมืองกาญบ่อยนะ แต่ก็ยังเก็บที่เที่ยวไม่ครบเลย!!


ถึงเมืองกาญเราแวะไปนั่งจิบกาแฟกันที่ บ้านนอก คอกนา กาญจนบุรี

ร้านนี้อาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพง พนักงานบริการดีมาก

บรรยากาศดี มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ ให้ไปถ่ายกันได้ทุกมุมเลย

ที่ร้านมีฟาร์มน้องแกะด้วยนะคะ สามารถซื้ออาหารป้อนน้องได้ด้วย

ออกมาด้านข้างร้านจะมีทุ่งดอกดาวกระจาย สีเหลืองบานเต็มทุ่ง

ทุ่งไม่ได้ใหญ่นะคะ แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆได้อยู่น๊า

บ้านนอก คอกนา กาญจนบุรี เค้าเด็ดเรื่องขนมไทยด้วยค่ะ ได้ยินมาว่าขนมไทยของเค้าอร่อยมาก

มีหลายๆรายการมาถ่ายทำ เสียดายเราเข้าไปขนมถูกจองไว้หมดแล้ว อดชิมเลย ><"

ร้านเปิดทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 20.00 น.

พิกัดร้านอยู่ที่ ต. ท่าล้อ อ. ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี ค่ะ

facebook : www.facebook.com/bannokkokna.kanchanaburi


มาต่อกันที่ " น้ำตกเอราวัณ "

น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกาญจนบุรี

ความพิเศษของที่นี่ คือเป็นน้ำตก 7 ชั้น น้ำจะใสเป็นน้ำสีฟ้าอมเขียว สวยมาก

น้ำใสมาก

พิกัด : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

เวลาทำการ : 08.00 – 16.30 น.


ออกจากน้ำตกเอราวัณ เราก็ตรงไปเข้าที่พักกันเลย

สำหรับทริปนี้เราได้ค้นพบที่พักท่ามกลางธรรมชาติ อยู่ติดริมแม่น้ำแคว บรรยากาศชิลสุดๆ

La Foresta by The River Lodge

ใครจะไปคิดว่ากาญจนบุรี จะมีที่พักแบบ Private ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และบรรยากาศที่โคตรจะดีขนาดนี้ อยู่ด้วย


พอ check in เรียบร้อย ก็มี welcome drink ส่งตรงถึงหน้าบ้านพักเลย

บรรยากาศหน้าบ้านที่เราพักดีมาก อยู่ติดริมแม่น้ำแคว บางช่วงจะมีคนล่องแพผ่านไปมา

ตอนเย็นๆพระอาทิตย์ตกหน้าบ้านเลยค่ะ แสงสวยสุดๆ

น้ำในแม่น้ำแควใสมาก !!!

บ้านที่เราพักเป็น Villa No.1 นะคะ หลังนี้อยู่ติดริมแม่น้ำเลย

มีระเบียงยื่นออกมารับลม ชมวิว นั่งชิลกันหน้าห้องกันได้เลย

ในห้องพักค่อนข้างใหม่ ตกแต่งสวย ห้องกว้างพอสมควร เป็นห้องแบบสตูดิโอวิวแม่น้ำแควค่ะ

ราคาห้องพักของที่นี่เริ่มต้น 2,000 สำหรับวันธรรมดา และ 2,500 บาทสำหรับวันหยุด

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องมีให้ครบเลยจ้า

มีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ ฟินๆ ชมวิวแม่น้ำแควเพลินๆ ย้ำว่าวิวดีมาก !!

จุดเด่นของที่นี่คือเป็นที่พักที่มีความเป็นส่วนตัว ร่มรื่นอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่

สำหรับใครที่ชอบความเป็นธรรมชาติ และความเป็นส่วนตัว มาที่นี่ตอบโจทย์เลยจ้า

มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้มาลงเล่นน้ำกันด้วยนะ

" หวัดดีมนุษย์ มาพักกับพี่ได้กอดฟรีด้วยน๊า "

น้องแมวอยู่ที่นี่ค่ะ น้องเชื่อง ไม่ดื้อ ยินยอมให้จับแต่โดยดี

บรรยากาศบริเวณ Lobby ช่วงค่ำค่ะ แสงไฟสลัวๆ มีความโรแมนติกเบาๆ

ในวันนี้เราตั้งใจมาพักผ่อนจริงๆ ก็เลยอยากใช้เวลาในที่พักให้ได้มากที่สุด

มื้อค่ำก็เลยเลือกสั่งอาหารในรีสอร์ททานเลย และเพื่อให้ได้อรรถรสการมาเที่ยวกาญจนบุรี

มื้อนี้เลยสั่งอาหารที่เป็นเมนูพื้นบ้านของที่นี่มาเลยค่า ก็จะมีต้มยำปลาคัง ผัดเผ็ดหมูป่า

ยำถั่วพลูกุ้งสด ผักหวานผัดน้ำมันหอย และไข่เจียวฟูๆ หน้าตาดี รสชาติดี ทุกเมนูเลย

..

ทานมื้อค่ำเสร็จ ก็จะกลับเข้าไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะพาชมรอบๆรีสอร์ทอีกน๊า

จะดีแค่ไหน ถ้าตื่นเช้ามาได้ยินเสียงน้ำไหลผ่านหน้าบ้าน เสียงลมพัดเบาๆ

เป็นความรู้สึกและความสุขที่หาไม่ได้จากในเมืองน้า ฟิลแบบนี้ เราชอบมาก

ตื่นมาก็มีอาหารเช้ามาเสริฟถึงหน้าห้องเลยค่ะ

บ้านพักหลังสีส้มเป็นบ้านพักที่อยู่ริมแม่น้ำแควทั้งหมด มีอยู่ 2 หลังนะคะ

สามารถเข้าพักได้ถึง 3 คนเลยน๊า

นอกจากบ้านหลังสีส้ม ก็จะมีบ้านพักอีกหลังเป็นบ้านหลังใหญ่มีต้นไม้ล้อมรอบ

หลังนี้เหมาะกับการมาพักเป็นครอบครัวใหญ่ หรือจะมากันกับแก๊งเพื่อนก็ได้นะ

ช่วงเย็นๆสามารถปิ้งย่างบาร์บีร์คิวหน้าบ้านได้เลย

บรรยากาศดี วิวดี ชักจะหลงรักที่นี่แล้ว

เดินไปเดินมา ได้เวลา Check out ละค่า

ต้องเดินมา Check out ที่ Lobby หน้ารีสอร์ทน๊า

ใน Lobby มีของที่ระลึกขายด้วยค่ะ ที่เราถืออยู่เป็นผ้าพันคอลายสวยๆทั้งนั้นเลย

ใครชอบผ้าพันคอ ซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกกันได้นะคะ

บริเวณ Lobby ก็ยังมีความเป็น Green Zone ที่นี่ธรรมชาติทุกจุดจริงๆ

เอาจริงๆ หลงรักที่นี่เลยค่ะ ยังไม่อยากกลับเลย

อยากซึมซับบรรยากาศที่นี่อีกหน่อย นานๆจะได้มาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบแบบนี้

แต่อยู่ต่อไม่ได้สินะ งานรออยู่ แต่อย่างน้อยทริปนี้ก็ได้มา Relax ได้มาชาร์ทพลังเต็มที่พร้อมไปลุยงานต่อ

La Foresta by The River Lodge

พักที่นี่โอเคเลยค่ะ โดยรวมชอบมากตั้งแต่การบริการ บ้านพัก บรรยากาศ อาหาร ชอบหมดเลย

แถมที่นี่ยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองกาญด้วยน๊า Location ดีเลย

ที่พักอยู่ระหว่างเส้นศรีสวัสดิ์ และ ไทรโยค สามารถไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณได้เพียง 30 นาที

จะไปเที่ยวในเมืองก็ประมาณ 25 นาที หรือจะเที่ยวทางเส้นไทรโยค ก็ใช้เวลา 30 นาทีเหมือนกัน

พักตรงนี้จะไปไหนก็สะดวกค่า เอาเป็นว่าใครกำลังหาที่พักผ่อนแบบธรรมชาติๆ แนะนำที่นี่เลย

:: รายละเอียดที่พักเพิ่มเติม ::

web : www.laforesta-kanchanaburi.com

facebook : www.facebook.com/LaForestaKanchanaburi

Tel : 062-829-0581


ออกมาจากที่พัก เราแวะไปที่ " ถ้ำกระแซ "

เข้าไปกราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในถ้ำกันก่อน

ที่นี่เป็นถ้ำเล็กๆ เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย-พม่า

ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย เป็นรูปร่างต่างๆ สามารถเดินเที่ยวชมภายในถ้ำได้นะคะ

ด้านหน้าถ้ำจะเป็นรางรถไฟ จุดนี้แหละที่เค้าเรียกว่า " เส้นทางรถไฟสายมรณะ "

ตรงนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขาและด้านล่างเป็นแม่น้ำลึก

จึงได้สมยานามว่า " โค้งมรณะ " ค่ะ

ทางรถไฟเส้นนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง แถมยังเป็นจุดชมวิวที่สวยสุดในกาญจนบุรีเลยนะ

มาที่นี่แล้วนอกจากจะได้ชมวิวสวยๆ ยังได้รูปสวยๆกลับไปอีกเพียบ


เราไปต่อกันที่ " ปราสาทเมืองสิงห์ "

ที่นี่เป็นโบราณสถานเพียงแห่งเดียวที่เป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบขอม ที่อยู่ในกาญจนบุรี

ปราสาทเมืองสิงห์ นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน ซึ่งมีสถาปัตยกรรม และปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม

สามารถเดินเที่ยวชม และถ่ายรูปรอบๆปราสาทได้เลยนะคะ

จุดนี้นักโราณคดี ได้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ สมัยก่อนประวัติศาสตร์

และมีให้เราเห็นอยู่ในหลุมขุดค้น 2 โครง ถูกฝังรวมกับเครื่องปั้นดินเผา และเครื่องประดับจากเปลือกหอย

บริเวณรอบๆจะมีรายละเอียดให้เราได้ศึกษานะคะ

" ปราสาทเมืองสิงห์ " ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อย ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชม 20 บาท รถยนต์ 50 บาท


ก่อนกลับแวะไปที่ร้าน The Village Farm To Cafe'

แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกาญจนบุรี

ร้านนี้สวยมาก ตั้งแต่หน้าร้าน ในร้าน หลังร้าน โอ้ยยยสวยทุกมุมจ๊ะพี่จ๋า

ใครที่ชอบถ่ายรูปมาร้านนี้ถูกใจแน่นอน

ที่ร้านบริการอาหารเครื่องดื่ม ขนมเค้ก มีเมนูเยอะมาก

เปิดประตูออกไปหลังร้าน เหมือนได้หลุดออกไปอีกดินแดนนึงเลยค่า

หลังร้านคือดีย์ เป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีวิวภูเขา มีทุ่งดอกหญ้าให้เข้าไปถ่ายรูปเล่น

พื้นที่บริเวณหลังร้านกว้างมาก ไม่ต้องกลัวจะเดินไม่ไหวนะคะ เค้ามีจักยานให้ยืมปั่นด้วยค่า

อีกหนึ่งจุดที่ควรแก่การเดินเข้ามาถ่ายรูปมาก คือทางไม้ไผ่ ฟิลตรงนี้เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยแหละ

The Village Farm To Cafe'

Mon-Fri : 10.30 - 21.00 / Sat,Sun,Public Holiday : 09.30 - 21.00

Location : ถ.กาญจนบุรี-ไทรโยค จ.กาญจนบุรี (ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 8 กิโลเมตร)


จบทริป " กาญจนบุรี " แล้วน้า

กาญจนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าเที่ยวมากๆ ยังมีอีกหลายที่ ที่เรายังอยากเข้าไปสัมผัส

ทริปนี้เราแฮปปี้จ้า ได้ไปเที่ยวในที่ที่ยังไม่เคยไป ได้ชิมอาหารพื้นบ้านแบบที่เมืองกรุงหากินได้ยาก

ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่กับ Hidden Resort แบบส่วนตัว ที่มีบรรยากาศดีท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่

ใครที่มีแพลนมาเที่ยวกาญจนบุรี ลองดูแพลนนี้ได้น๊า



เ ร า ส นั บ ส นุ น ใ ห้ ทุ ก ค น อ อ ก ไ ป เ ที่ ย ว

แวะไปคุยกันต่อได้ที่นี่เลย : www.facebook.com/paigunmai

paigunmai

 วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.47 น.

ความคิดเห็น