สวัสดีครับทุกท่าน ห่างหายไปนานเลยทีเดียวที่ผมไม่ได้เขียน Blog ใหม่ๆ เลย เนื่องจากสถานการณ์ที่ทุกท่านก็ทราบดี โควิด 2019 นั้นเอง หลักจากรัฐประกาศคลายมาตรการต่างๆ ลง และขอความร่วมมือให้เราเหล่าประชาออกไปเที่ยวเพื่อฟื้นเศรษฐกิจกัน ครั้งนี้เลยถือโอกาสหาสิ่งเป็นมงคลให้ชีวิตหลังเจอมรสุมเสียหน่อย ทริปแรกนี้เลยเป็นทริปสายมู (มูเตลู) ไหนๆ ตั๋วเครื่องบินผมก็ถูกเลื่อนจากโควิดมาเรื่อยๆ ก็เลื่อนให้มันตรงกับช่วงนี้เลยดีกว่า (แอร์เอเชียให้เลื่อนได้ไม่จำกัดครั้ง จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 63) จะคืนตั๋วก็เสียดายได้มาในราคาถูกมาก 555+

ผมไม่ค่อยชอบไฟท์เช้ามาก เดี๋ยวตื่นไม่ไหว เลยชอบเอาเที่ยงๆ มาหาอะไรกินที่สนามบินก่อนออกเดินทาง ครั้งนี้ก็ฝากท้องไว้กับ BON CHON ครับ

ถึงจะมีโปรฯ แต่ราคาก็ยังแรงเสมอต้นเสมอปลาย เอาน่ะ อร่อยก็ยอมๆ ไป ชุดนี้ 300+ ครับ

หลังจากจัดการจนเรียบแล้วผมก็มารอขึ้นเครื่องที่ GATE 52 สนามบินช่วงโควิดนี่ไม่ชินจริงๆ ครับ 555+ ไม่นานก็เรียกขึ้นเครื่องครับ ลำนี้นี่เองงงง

ไฟท์นี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องเล่นมุกต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารไม่เบื่อ เพราะมีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มมาเพียบ ขอชื่นชนเลยครับ ไม่นานก็มาถึงสนามบินอุดรธานีครับ

เนื่องจากใบขับขี่ผมหมดอายุ และได้จองคิวต่ออายุไว้ที่ห้างเซ็ลทรัลอุดรธานี ผมต้องไปทำใบขับขี่ก่อนถึงกลับมารับรถที่เช่าไว้ได้ครับ

จึงต้องอาศัยรถเจ้าถิ่นในการเดินทางเข้าเมืองครับ ลุงแกซิ่งใช้ได้เลยครับ 100 บาท

พอไปถึงเจ้าหน้าที่แจ้งว่าขอไปพักกินข้าวเที่ยงก่อน (ตอนนี้บ่าย 2) แล้วนัดให้เข้ามาใหม่บ่าย 3 ผมเลยถือโอกาสไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน ครั้งนี้ผมเลือกโรงแรมเซ็นทราอุดรธานีครับ เพราะใกล้ดี ที่นอนนุ่มสบายครับ หลับสบายเลย

เช็คอินเรียบร้อยก็ต้องเดินกลับไปที่เซ็นทรัลเพื่อไปรอทำใบขับขี่ต่อครับ คนเริ่มมารอกันเยอะแล้ว

และแล้วก็เรียบร้อยครับ รวดเร็วมากครับ ชอบเลยแบบนี้
จากนั้นก็หาอะไรกินที่เซ็นทรัลแล้วก็เดินกลับโรงแรมเพื่อพักเอาแรงครับ
---- จบวันที่ 1 ----


+++ เริ่มวันที่ 2 +++
ตื่นเช้าไปรับรถเช่าที่สนามบิน รถตุ๊กๆ ที่หน้าเซ็นทรัลไปสนามบินแพงกว่าตอนนั่งมาแฮะ 120 บาทเลย และแล้วผมก็ได้รถมาแล้วครับ จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกซักที สีขาวสวยงาม ตกวันละ 399 บาทเอง (รวมประกัน)

ได้รถมาแล้วออกเดินทางได้ จุดแรกที่จะต้องไปคือวัดป่าฐิตวนาราม ตามแผนที่เลยครับ ไกลเอาเรื่อง


ได้ครึ่งทาง เลยเลี้ยงเมืองหนองคาย ขอแวะซื้อกาแฟซักหน่อย ดีที่มี ปตท. อยู่แถวนี้

จากนั้นก็เดินทางต่อครับ และแล้วผมก็มาถึงเสียที

วันนี้อาจจะไม่ดังเท่าไหร่นะครับ แต่สาเหตุที่ผมมานั้น ผมบังเอิญถูกหวยกับคนที่เขามาขอหวยที่นี้หลายงวดติดเลย เลยอยากมาดูด้วยตาตัวเองซักครั้ง

มาช่วงที่ห่างจากวันหวยออกคนเลยน้อยครับ ภายในวัดมีศาลาที่มีต้นตะเคียนขนาดใหญ่ถูกเชิญมาวางอยู่ ทราบประวัติว่าถูกนำขึ้นมาจากน้ำโดยการมาเข้าฝันให้คนไปเอาขึ้นมาครับ ชาวบ้านแถวนั้นเลยมาขอโชคลาภแล้วก็ถูกกันบ่อยจนมีคนมากราบไหว้เพียบเช่นนี้

ทางนู่นกำลังทำพิธีอยู่เลยครับ

หากต้องการทำบุญ ถวายสังฆทาน ก้เชิญขึ้นศาลาได้ครับ เจ้าอาวาทท่านอยู่ด้านบนครับ

หลังจากนั้นผมก็เดินทางไปสถานที่ถัดไปครับ ศาลาแก้วกู่

ผมมีความทรงจำวัยเด็กกับที่นี้ครับ ตอนผมอายุ 2-5 ขวบ ผมอาศัยอยู่ที่หนองคาย จุดที่แม่พามาบ่อยๆ คือที่นี้ครับ เลยมารำลึกความหลังเสียหน่อย

จอดรถแล้วก็เดินเข้าไปเลยครับ คนไทยจ่ายเพียง 20 บาทเองครับ ถูกทีเดียว

เข้ามาก็จะพบกับรูปปั้นมากมายครับ ตามพุทธสุภาษิต

ก็เดินชมไปเรื่อยๆ ครับ ดูบรรยากาศไป นึกถึงรูปถ่ายเก่าๆ ที่แม่เคยให้เราดูตอนเป็นเด็กๆ

พระนาคปรก เป็นรูปปั้นที่สูงที่สุดของที่นี้แล้วครับ

พื้นที่กว้างขวางครับ เดินไปได้เรื่อยๆ

แต่ละรูปปั้นจะมีความหมายและที่มาต่างๆ กันไปครับ

บ้างก็มาจากสุภาษิตอิสาน ลองอ่านกันดูได้ครับ

จุดนี้ก็เช่นกันครับ แฝงความหมายของสัจธรรมเอาไว้

ก่อนกลับ เก็บอีก 1 ภาพครับ มีความผูกพันแบบแปลกๆ อธิบายไม่ถูก 555+

จากนั้นก็ไปยังสถานที่ถัดไป วัดหลวงพ่อพระใสครับ อยู่ไม่ไกล

หาที่จอดรถภายในวัดได้เลยครับ ผมได้ที่จอดหน้าอุโบสถเลยครับ

จากนั้นก็เดินขึ้นไปไหว้องค์หลวงพ่อด้านบนได้ครับ

แต่ที่นี้ท่านไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนภายในอุโบสถ ต้องมาจุดที่นี้ครับ

แล้วค่อยขึ้นไปกราบองค์จริงด้านใน “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก ประวัติการสร้าง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้างครับ เป็นที่เคารพสักการะของทั้งชาวไทยอิสานและชาวลาวเลยครับ

จากนั้นก็ไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนครับ ก่อนที่จะเดินชมเมืองตอนเย็น

ที่หนองคายนี่ผมพยายามหาโรงแรมที่ได้คะแนนดีเยี่ยมจาก Agoda สุดท้ายเลยจบที่โรงแรมไวท์อินน์นี้ครับ เตียงก็นอนสบายครับ

จากนั้นก็ลงไปเดินเล่นครับ หน้าโรงแรมเป็นบาร์ ชาวต่างชาตินิยมมานั่งครับ ตกดึกคนเยอะมาก นี่ขนาดช่วงโควิดนะเนี่ยะ แต่ไม่ใช่แนวผมซักเท่าไหร่ 555+

เดินตามช่องนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะถึงริมโขงครับ ไกลเอาเรื่อง 555+

เดินเรื่อยๆ มาจนถึงครับ เหงื่อโชก ถ้าขับรถมาก็จบ 555+

จุดนี้มีรูปปั้นพยานาคพ้นน้ำเป็นจุด Land mark ครับ

มีน้องมารำด้วย ดูเพลินๆ ดีครับ

ผมก็เดินเล่นที่นี้ ชมแม่น้ำโขง มองดูฝั่งลาวไปเรื่อยจนตะวันกำลังจะตก ก็สวยไปอีกแบบครับ

บรรยากาศยามเย็นของที่นี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

อีกซักรูปก่อนเดินกลับ 555+

ก่อนถึงโรงแรมก็มีพวกร้านอาหารริมถนนเยอะแยะทีเดียวครับ กำลังหิวเลย

สุดท้ายเลยมาจบที่ร้านก๊วยเตี๋ยวไก่มะระเจ้านี้ครับ

หน้าตาก็ใช้ได้ รสชาติก็ OK ครับ

จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม อาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้ต้องไปอีก 2 วัด แต่ไกลอีกเช่นเคย 555+
---- จบวันที่ 2 ----


++++ เริ่มวันที่ 3 ++++
วันนี้ต้องรีบตื่น อาบน้ำแต่งตัว ออกจากโรงแรมก่อน 9 โมงเช้าครับ เพราะสถานที่จะไปค่อยข้างไกล และต้องกลับไปถึงสนามบินอุดรธานีให้ทันช่วงเย็น ก็ยิงยาวๆ ไปตามแผนที่เลยครับ วัดผาตากเสื้อ

เป็นวัดที่อยู่บนเขาครับ ร่มรื่นมาก วันนี้วันจันทร์คนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ

เดินขึ้นไปไหว้พระก่อนแล้วกันครับ

องค์พระประธานครับ ที่นี้ก็ไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนภายในเช่นเดิมครับ

เดินลงไปด้านล่างทางทิศเหนือจะมีศาลาอยู่ ด้านในประดิษฐานพระนอนอยู่ภายในครับ

เดินออกไปซักหน่อยจะเป็นจุดไฮไลท์ของที่นีเลยครับ จุดชมวิวแม่น้ำโขงนั้นเอง

มีจุดชมวิวที่เป็นกระจกยื่นออกไปด้วยครับ ต้องเปลี่ยนรองเท่าและไปได้ไม่เกิน 20 คนครับ

นี่คือวิวที่ได้ครับแม่น้ำโขงไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงที่อ้อมเกาะมา สวยงาม อากาศดีด้วยครับ

จากนั้นก็ไปจุดถัดไปครับ จุดชมวิวพันโขดแสนใคร้ อยากจะบอกว่าวิวข้างทางนี้สุดยอดเลยครับ ผมชอบมากๆ ขับรถเลียบแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ แบบนี้

แต่ก็ขับเลยไปนิดนึงเลยได้จอดชมวิวตรงจุดนี้แทน

แต่เนื่องจากช่วงนี้กน้าฝนน้ำขึ้นสูง จึงไม่ค่อยเห็นโขดซักเท่าไหร่

ไม่สวยเหมือนในรูปเลยแฮะ 555+

ผมเลยไปหารูปตอนช่วงหน้าแล้ง (น้ำลด) มาให้ชมครับ ที่มาตามเครดิตเลยครับ

จากนั้นก็ไปยังจุดไฮไลท์ถัดไปครับ วัดป่าภูก้อน อยู่ไม่ไกลครับตามแผนที่เลย

แต่ฝนตกครับ 555+ ซวยแว้ววววว

ไม่สามารถถ่ายรูปด้านนอกออกมาให้สวยได้ครับ ผมเลยไปขอหยิบยืมมา ตามเครดิตในภาพเลยครับ

สวยงามมากๆ เลยครับ

ประตูยังขนาดนี้เลยครับ

อันนี้เป็นภาพด้านในครับ คนอย่างเยอะเลยครับ

พระพักตร์หมดจดมากๆ ครับ

อ้อ ผมลืมบอกครับ ด้านบนจะมีรถสองแถวรับส่งไปยังจุดต่างๆ ภายในวัดนะครับ จุดนี้ก็เป็นอีกจุดนึงครับ

จากนั้นผมก็ต้องเร่งขับรถยิงยาวกลับอุดร เพื่อนำรถไปคืนและรอขึ้นเครื่องกลับ กทม. ไกลเอาเรื่อง 555+

แต่ก็มาถึงก่อน 18:00 น. ครับ คืนรถเสร็จก็นั่งรอเรียกขึ้นเครื่องยาวๆ ไป นั่งดูเครื่องบินขึ้น-ลง เพลินๆ ไป

และแล้ว ก็ได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องซักทีครับ

และแล้วก็กลับมาถึง กทม. เสียที ช่วงโควิดเช่นนี้ ทางพนักงานตอนรับจะให้ลงเครื่องทีละ 3 แถวครับ ที่เหลือนั่งรอก่อน

เดินกลับไปหาแท็กซี่กลับคอนโด โดยสวัสดิ์ภาพ

******* จบทริป ******

ทริปนี้หมดค่าใช้จ่ายไปประมาณ 4,500 บา่ทเองครับ แบ่งคร่าวๆ เป็น

  • 1. ค่าตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย (ไป-กลับ) ช่วงโปรฯ ราคา 225 บาท 
  • 2. ค่าโรงแรมที่พัก 2 คืน (เซ็นทรา 790 บาท, ไวท์อินน์ 500 บาท) รวม 1,290 บาท
  • 3. ค่าเช่ารถ 2 วัน วันละ 399 บาท รวม 798 บาท
  • 4. ค่าน้ำมัน 1,000 บาท
  • 5. ค่าอาหารและเครื่องดื่ม รวมประมาณ 1,200 บาท

ทริปนี้เป็นทริปเฉพาะทาง เน้นไปทางไหว้พระขอพร อาจจะแปลกๆ ไปบ้างสำหรับรีวิวของผม 555+ ท่านไหนชอบสายนี้ก็หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะครับ ผมดองไว้เสียเยอะเลย 555+


ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่

Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/

FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/

GoAloneTravel

 วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 11.36 น.

ความคิดเห็น