เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา  ได้มีโอกาศไปแสวงบุญร่วมงานบุญทอดกฐิน และท่องเที่ยวไปด้วย ที่วัดภูตะเภาทอง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี  บุญกฐินใน 1 ปี จะมีเพียงครั้งเดียว ถือเป็นบุญใหญ่มหากุศลแรง

  มาว่าด้วยบุญกฐิน  คำนี้เป็นภาษาบาลี  แปลได้ว่า ไม้สะดึง หรือไม้แบบ สำหรับขึงเพื่อเย็บผ้าเป็นจีวรในสมัยพุทธกาล ผ้าที่ตัดเย็บเรียบร้อยจากไม้แบบ เรียกกันว่า ผ้ากฐิน เรียกตามแบบอย่างกันมาแต่ครั้งโบราณกาลนั้นเอง และการทอดกฐินใน 1 ปี จะมีเพียง 1 ครั้งและมีเวลาจำกัดแค่เดือนเดียวหลังออกพรรษา ระหว่าง แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น ก็หมดกาลกฐิน

พูดถึงเรื่องกฐิน ในไทยเรา มีกัน 2 ประเภทคือ กฐินหลวง และ กฐินราษฎร์  มาที่ในส่วนของกฐินราษฎร์ที่เราชาวบ้านรู้จักกัน ก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ มหากฐิน และ จุลกฐิน ซึ่งทั้งสองอย่าง ก็เชื่อว่าได้บุญมหาอานิสงค์อย่างสูงต่อผู้ได้ร่วมบุญเป็นอย่างยิ่ง

   ในการมาครั้งนี้ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวออกจากกรุงเทพมหานคร มาจ.อุดรธานี ระยะทางกว่า 560 กม. เพื่อมาร่วมบุญทอดกฐิน มหากุศลในครั้งนี้ด้วยการนำพาของ คุณพี่ นิกร  มีอาญา และครอบครัว    ผู้เป็นสายธารแห่งธรรม เป็นลูกศิษย์ลูกหาของวัดแห่งนี้รุ่นแรก ๆ เลยก็ว่าได้

วัดภูตะเภาทอง  บ้านหนองแวงสีชมพู  ต.กุดหมากไฟ  มีแนวติดต่อกับเทือกเขาภูพาน  ได้รับการอนุญาติจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นที่เรียบร้อย มีพื้นที่กว่า 15 ไร่ มีโขดหินและลานหินที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ และร่มรื่นด้วยไม้ป่านานาพรรณ เหมาะแก่การมาทำบุญและท่องเที่ยวบนเส้นทางธรรม

  ในช่วงเช้าของวันทอดกฐิน มีสาธุชนทั่วทุกสาระทิศและเกือบทั่วทุกภาคของไทย ต่างเดินทางมาร่วมบุญมหากุศลในครั้งนี้กันอย่างล้นหลาม  โดยในช่วงกลางคืนก่อนวันทอดกฐิน ทางวัดก็ได้มีการจัดพิธีสมโภชน์องค์กฐิน ร่วมกันสวดมนต์ทำวัตร และฟังการแสดงธรรมเทศนา ให้ศีลพรแก่ผู้มาร่วมบุญในครั้งนี้

เวลา 06.00 น.คณะพระภิกษุสงฆ์สามเณร 70 กว่า รูป ร่วมออกบิณทบาตร ให้ญาติธรรมทั้งไกลและใกล้ได้ตักบาตร ร่วมกันเป็นที่ปลื้มอก ปลื้มใจอิ่มบุญไปตาม ๆ กันแก่ทุกคณะศรัทธา ที่มาร่วมบุญใหญ่ 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว ในบุญทอดกฐินของทางวัดในครั้งนี้

วัดภูตะเภาทอง  เป็นวัดกันดาร ที่ตั้งอยู่บนเขา มีพระอยู่จำพรรษา 5 รูป สามเณรและชี 3  รูป  มีหลวงพ่อสุพรรณ หรือพระครูเขมกาญจโนภาส  เป็นเจ้าอาวาส สังกัดสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตินิกาย  ซึ่งท่านได้มาอยู่ปฎิบัติธรรม และพัฒนาจนที่แห่งนี้ มีความเจริญขึ้นตามลำดับ และทางวัดกำลังก่อสร้างอุโบสถลอยฟ้า และศาลาที่พักแก่ผู้มาปฎิบัติธรรม เพื่อใช้เป็นทั้งสถานปฎิบัติธรรมสมาธิแก่บุคคลทั่วไปและเป็นแหล่งท่องเที่ยวในแดนธรรมอีกด้วย

ในการได้มาร่วมบุญมหากุศล และท่องเที่ยวในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณผู้เป็นต้นทางบุญ  ท่านพี่นิกร มีอาญา  ผู้เป็นญาติธรรม เป็นสะพานเชื่อมต่อและริเริ่ม หาทุนและผ้าป่ามาร่วมสร้างสถานปฎิบัติธรรมวัดภูตะเภาทองในยุคแรก ๆ ของการก่อสร้างและพัฒนาวัดนี้ มาจนถึงปัจจุบัน

แหล่งเที่ยวชม บนพื้นที่โดยรอบภายในวัด จะเป็นลานหินและมีหินรูปทรงเรือสำเภาขนาดใหญ่ และมีรอยฝ่ามือแดงแตะแต้ม บนผนังด้านบน มีอายุกว่า 2,500 ล้านปี ตลอดจนป่าไม้เป็นหย่อมๆ กระจายอยู่ทั่วไป ทางนักวิชาการได้สันนิษฐานว่า แต่เดิมพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเล มาก่อน เมื่อยุคหลายล้านปีมาแล้ว ต่อมาได้เกิดการยกตัวขึ้นเป็นลานหินและพื้นดินสูงต่ำอย่างที่เห็น

ซึ่งภาพเขียนสีและรอยฝ่ามือแดง บนผนังหินบนภูตะเภาทองแห่งนี้ อาจเป็นของพรานป่า ออกล่าสัตว์  แล้วระบายภาพรอยมือ โดยลงสีบนฝ่ามือให้ทั่วแล้ว แล้วใช้ฝ่ามือทาบลงไปบนผนังหิน จากนั้นเติมสีส่วนที่ขาดให้เต็ม และมีลายมือมนุษย์แบบเขียนเป็นลายเส้นอิสระ และเส้นเรขาคณิต รูปสัตว์สี่ขา  ซึ่งข้อมูลที่ได้ภาพเขียนสีเหล่านี้ มีอายุอยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 2,000-4,000 ปี มาแล้ว

ลายมือแดง ซึ่งแต่งแต้มบนผนังหิน ของวัดภูตะเภาทองแห่งนี้ คาดว่ามีอายุใกล้เคัยงกันกับภาพเขียนสี ที่ผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบล ฯ  สำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวแสวงบุญ ที่อยากมาดูภาพสีก่อนประวัติศาสตร์ และขอโชคลาภขอพร สายมูทั้งหลายก็ไม่ควรพลาดที่จะมากัน

จุดไฮไลค์ของวัดแห่งนี้ อีกแห่งนั่นก็คือ บ่อน้ำพญานาค มีพญามุจลินทร์นาคราช ที่ขดตัวอยู่โดยรอบบ่อ ที่ก่อสร้างได้อย่างสวยงาม ส่องแสงสีทองงามอร่ามตาจับใจเมื่อต้องกับแสงตะวันยามเช้า ๆ และเย็น โดยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางระหว่างหินขนาดใหญ่สองลูกโน้มเอียงเข้าหาบ่อน้ำแห่งนั้น

นอกจากนี้บนลานหินด้านบนใกล้ ๆ ถ้ำฤาษีไม่ไกลจากบ่อพญานาค ยังมีรอยฝ่าเท้าขนาดใหญ่ ซึ่งทางวัดเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาท มีการทำรั้วรอบกั้นไว้ และมีคำบูชารอยพระพุทธ ให้กับผู้มาแสวงบุญได้กราบสักการะบูชาเพื่อเป็นมงคลกับตัวเองอีกด้วย 

      ด้านข้าง ๆ ของบ่อน้ำพญานาคมุจรินทร์  ยังมีตอตะเคียนไม้ขนาดใหญ่ อายุกว่าพันปี เป็นตอไม้ที่มีชื่อว่าเจ้าแม่ตะเคียนทอง  และเจ้าแม่ตะเคียนทิพย์  เป็นที่ขึ้นชื่อของนักแสวงโชคลาภด้านตัวเลข ที่ไม่ควรจะพลาดมากราบขอพร ขอโชคลาภ เพราะได้ข่าวมีคนได้เลขเด็ดถูกหวยรวยตาม ๆ กันเลยทีเดียว

พื้นที่บริเวณลานหินอุทยานปฎิบัติธรรม ที่สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์ หินรูปร่างแปลก ๆ ที่มีอยู่หลายก้อนขนาดใหญ่ ที่คล้ายลอยได้ อยู่บนอากาศเพราะมีเพียงหินกัอนเล็ก ๆ รองรับไว้เท่านั้น มองดูสุ่มเสี่ยงที่หินจะหล่นกลิ้งทับลงมา ดูแล้วช่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว

ในการเดินทางมายังวัดภูตะเภาทอง บ้านหนองแวงสีชมพู อ.หนองวัวซอ นี้ สามารถมาได้หลายเส้นทางทั้งจาก อ.โนนสัง แล้วเลี้ยวซ้ายมาทางบ้านโนนสมบูรณ์หรือจาก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2315 จาก ตัวอำเภอ หนองวัวซอ มาแล้วเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 4022 หรือจะใช้ Google map .GPS  นำทางมาด้วย ก็จะถึงจุดหมายได้สำหรับผู้ไม่รู้เส้นทาง.
                                                       @@@@@@@ต

โดย.ณ วงเดือน

 วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.55 น.

ความคิดเห็น